การออกสตาร์ทอันเชื่องช้าของ ดาร์วิน นูนเญซ กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันอย่างมากในช่วงการทัวร์อาเซียนของ ลิเวอร์พูล หลังจากที่ 2 เกมในเมืองไทยและสิงคโปร์ดาวยิงอุรุกวัยยังไม่สามารถเบิกสกอร์แรกของตัวเองได้เลย
เยอร์เก้น คล็อปป์ รู้ดีถึงแรงกดดันเหล่านั้น เขาจึงได้ออกมาเบรกเสียงอื้ออึงด้วยการบอกว่า ตนไม่ได้กังวลจนเกินไป และขอให้แฟนบอลอดทนกับกองหน้าวัย 23 ปีซักนิด เพราะนี่เป็นเพียงช่วงของการเตรียมทีม แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่สามารถหยุดความสงสัยต่าง ๆ ลงได้
ค่าตัวมหาศาลถึง 85 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นการทำลายสถิติของสโมสร ย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบและความคาดหวังอันใหญ่ยิ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ตัว เออร์ลิง ฮาแลนด์ มาร่วมทีม
ทั้งคู่ถูกคาดหมายว่าจะเป็น 2 ดาวยิงที่จะระเบิดฟอร์มร้อนแรงในฤดูกาลหน้า ภาพที่ เดอะค็อป อยากจะเห็นคือ เมื่อ ฮาแลนด์ ยิงได้ นูนเญซ ก็ต้องยิงตอบโต้ทันที
ทั้งนี้แข้ง หงส์แดง ดูจะเสียเปรียบอยู่เล็กน้อย เพราะเขาย้ายมาจากลีกรองอย่าง พรีเมรา ลีก้า ของโปรตุเกส ซึ่งไม่ติด 1 ใน 5 ท็อปลีกของยุโรป ต่างจากดาวยิงนอร์วีเจียนที่พิสูจน์ตัวเองกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาแล้ว เรื่องการปรับตัวกับลีกใหญ่อย่าง พรีเมียร์ลีก แข้ง แมนฯ ซิตี้ จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ในขณะที่ นูนเญซ ต้องเจอกับการปรับตัวในลีกใหม่และยิ่งต้องมาเล่นกับฟุตบอลภายใต้ปรัชญาของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ยิ่งทำให้ต้องปรับตัวมากขึ้นเป็นสิบเท่า
หลายคนสงสัยว่า แล้วทำไม หลุยส์ ดิอาซ ที่ย้ายมาจากลีกโปรตุเกสเหมือนกันจึงสามารถเล่นกับทีมได้ทันที ซึ่งเรื่องนี้อาจเป็นข้อยกเว้น เพราะสไตล์การเล่นและตำแหน่งนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ปีกโคลอมเบียนคือนักเตะที่เล่นริมเส้นได้ดี เขาไม่ใช่กองหน้าตัวเป้าที่ต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการยิงประตู แม้ว่าเขาจะลงสนามไปแล้วยิงประตูไม่ได้ ก็ไม่มีใครว่าอะไร เพราะทุกคนโฟกัสไปที่การมีส่วนร่วมและการสร้างสรรค์เกมรุกมากกว่า
อย่างไรก็ตาม นูนเญซ ก็ไม่ได้ถูกทอดทิ้งเพียงลำพัง บรรดาแข้ง ลิเวอร์พูล ช่วยกันออกมาสนับสนุนและให้กำลังใจอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และกัปตันทีมอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน โดยเฉพาะที่ออกสื่ออย่างชัดเจนก็เห็นจะเป็น ติอาโก้ อัลคันทารา ซึ่งมีภาพกอดคอคุยกระหนุงกระหนิงกับดาวยิงรุ่นน้องในระหว่างการฝึกซ้อมออกมา
สื่ออังกฤษอย่าง มิเรอร์ ให้ความสนใจในประเด็นนี้มาก พวกเขามองว่ามิดฟิลด์ทีมชาติสเปนน่าจะเป็นคนที่ช่วยให้ นูนเญซ ผ่อนคลายจากแรงกดดันได้ดีกว่าใครเพื่อน เพราะเจ้าตัวสามารถพูดได้หลายภาษา และพูดภาษาเดียวกับดาวยิงอุรุกวัยได้ด้วย
นอกจากนี้ ติอาโก้ ยังมีประสบการณ์โดยตรงกับการรับแรงกดดันจากสื่อและแฟนบอลมาก่อน โดยตอนที่ย้ายมาร่วมทีมเมื่อซัมเมอร์ปี 2020 เขาได้รับการคาดหวังว่าจะเข้ามายกระดับแผงมิดฟิลด์ หงส์แดง จากผลงานอันยอดเยี่ยมที่ บาเยิร์น มิวนิค แถมเพิ่งคว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก มาหมาด ๆ อีกด้วย
แต่กลายเป็นว่าในซีซัน 2020-2021 แข้งทีมชาติสเปน โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานจนทำให้ฟอร์มการเล่นไม่เป็นอย่างที่หวัง และไม่มีเวลาในการปรับตัวมากพอ ทำให้เขาถูกวิจารณ์ว่าอยู่ในช่วงขาลงของการค้าแข้งแล้ว
เมื่อย่างเข้าซีซัน 2021-2022 แข้งวัย 30 ปีก็ค่อย ๆ ฟื้นฟูสภาพร่างกายและกลับมาโชว์ฟอร์มจนกลายเป็นกำลังหลักของทีมในการลุ้น 4 แชมป์ พร้อมกับได้รับการยกย่องว่าเป็นมิดฟิลด์ที่ยกระดับ ลิเวอร์พูล ได้อย่างยอดเยี่ยม
ถ้าจะมีใครที่เข้าใจถึงความกดดันที่ นูนเญซ กำลังแบกรับเอาไว้ได้ดีที่สุด ก็คงจะเป็น ติอาโก้ นี่แหละ ที่จะช่วยประคับประคองให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้
ด้วยค่าตัวมหาศาลและการถูกยกให้เป็นตัวแทนของ ซาดิโอ มาเน ที่เพิ่งย้ายออกไป พร้อมกับฟอร์มที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางใน 2 เกมล่าสุด ไม่ต้องแปลกใจที่แรงกดดันและคำถามจะถาโถมใส่ ดาร์วิน นูนเญซ ในเวลานี้
แต่ด้วยแรงหนุนจาก เยอร์เก้น คล็อปป์ และเพื่อนร่วมทีม ลิเวอร์พูล รวมทั้งองค์ประกอบทุกอย่างของสโมสรที่พร้อมเกื้อหนุนอย่างเต็มที่ เชื่อว่าอีกไม่นาน เดอะค็อป จะได้เห็นฟอร์มที่แท้จริงของอดีตดาวยิง เบนฟิก้า อย่างแน่นอน
แค่ขอเวลาอีกซักหน่อยเท่านั้นเอง…