‘ฟอลส์ไนน์’ ในแบบของ ‘อ็อกซ์เหลด’…การบ้านของ ‘เยอร์เก้น คล็อปป์’

ลิเวอร์พูล, ข่าวซื้อ-ขายนักเตะ, หงส์แดง, Liverpool,

หลายคนถึงกับเกาหัวแกรก ๆ เมื่อเห็นไลน์อัพของ ลิเวอร์พูล ก่อนเกมเจอกับ แอสตัน วิลลา ที่ปรากฎชื่อของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลดแชมเบอร์เลน รับบทบาทเป็น “ฟอลส์ไนน์” ในแดนหน้า

ด้วยการที่ ดิโอโก้ โชต้า มีอาการบาดเจ็บทำให้มีชื่อแค่บนม้านั่งสำรอง ในขณะที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน ยังไม่ถูกเร่งให้กลับมาลงสนามแม้ว่าเจ้าตัวจะลงซ้อมกับเพื่อนร่วมทีได้แล้วเมื่อช่วงกลางสัปดาห์

แถมโชคไม่ดีของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่ ดิว็อคมหาเทพโอริกี้ ซึ่งคาดว่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมนี้จากฟอร์มอันยอดเยี่ยมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กลับได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าเสียก่อน ซึ่งชื่อสุดท้ายที่หลายคนคิดถึงก็น่าจะเป็น ทาคุมิ มินามิโนะ ตัวรุกทีมชาติญี่ปุ่นที่สมบูรณ์ที่สุด

แต่เซอร์ไพรส์กลับกลายเป็น “ดิอ๊อกซ์” ที่ได้ออกสตาร์ทก่อนใครเพื่อน แถมยังเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้าเสียด้วย!

อันที่จริงนี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่ได้เห็น อ๊อกซ์เหลด ลงเล่นในตำแหน่ง “ฟอลส์ไนน์” เพราะก่อนหน้านี้ ทั้งสื่อและเพื่อนร่วมทีม ลิเวอร์พูล ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าดาวเตะวัย 28 ปีโชว์ฟอร์มในบทบาทนี้ได้อย่างโดดเด่นมาแล้วในระหว่างการฝึกซ้อม

หากแต่มันอาจจะยังไม่ได้ผลกับเกมที่เฉือนชนะ แอสตัน วิลลา เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา !

การได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงของอดีตแข้ง อาร์เซนอล คงไม่มีใครตั้งข้อสงสัยเพราะเจ้าตัวก็มักได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่หลังปิดเบรคทีมชาติเป็นต้นมา และทำผลงานได้อย่างน่าพอใจในระดับหนึ่ง แต่นั่นคือการลงเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง 3 คนเป็นส่วนใหญ่

เกม พรีเมียร์ลีก นัดล่าสุดน่าจะเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็น คล็อปป์ ใช้งาน อ๊อกซ์เหลด ในตำแหน่งหน้าเป้าตัวหลอก ซึ่งเมื่อประเมินจากฟอร์มการเล่นแล้วยังมีอะไรที่น่าเป็นห่วงอยู่พอสมควร

แม้ว่า ดิอ๊อกซ์ จะทำหน้าที่ได้ดีในช่วงครึ่งแรกกับบทบาทใหม่ที่ได้รับ ทั้งการพยายามประสานงานกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน พร้อมทั้งไล่บีบไล่เพรสในแดนหน้าตามแท็คติก และดร็อปตัวเองลงมาช่วยเชื่อมบอลจากแดนกลางไปสู่แดนหน้า แถมยังได้ลองส่องประตูไป 1 ครั้ง

แต่ก็ยังอาจไม่ใช่คำตอบในเกมแบบนี้…….

หงส์แดง เจอเกมรับลึกและการเพรสในแดนกลาง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องใช้ตัวริมเส้นทำงานช่วยกันในเกมรุกไม่ว่าจะเป็นการครอสบอลหรือต่อบอลจากด้านข้างซึ่งแท็คติกนี้จะสมบูณ์แบบได้ต้องมีกองหน้าที่อยู่ในกรอบ 6 หลาเพื่อเข้าฮอสหรือป่วนคู่เซ็นเตอร์อยู่ตลอดเวลา

แต่เท่าที่เห็นดูเหมือนว่า อ๊อกซ์เหลด จะยังไม่สามารถทำหน้าที่ดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่เหมือนกับตอนที่มี “บ็อบบี้ ฟีร์มีโน” ที่ถือเป็น “ฟอลส์ไนน์” มืออาชีพของ ลิเวอร์พูล

ลองนึกภาพเมื่อมีกองหน้าแซมบ้าในสนาม เขาจะเป็นคนเก็บบอล ครองบอล และเป็นตัวหลอกให้กองหลังเทเข้ามาเพื่อเปิดทางให้ปีกทั้ง 2 ข้างอย่าง ซาลาห์ และ มาเน เข้าโจมตีคู่ต่อสู้และยิงประตูได้ ซึ่ง ดิอ๊อกซ์ ยังไม่สามารถนำเสนอการเล่นแบบนี้ให้เราได้เห็นได้อย่างชัดเจน

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องเปลี่ยนเอา ดิโอโก้ โชต้า ลงสนามหลังจากที่เกมผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง ซึ่งทำให้นายใหญ่ หงส์แดง รู้แล้วว่า อ๊อกซ์เหลด ยังไม่ใช่คำตอบ

โชคยังดีที่จากนั้นไม่นาน ลิเวอร์พูล มาได้จุดโทษซึ่ง โม ซาลาห์ ซัดเข้าไปเป็นประตูชัย ซึ่งหากเกมจบลงด้วยผลเสมอหรือเกิดแพ้ขึ้นมานายใหญ่ชาวเยอรมันจะเป็นคนแรกที่ต้องโดนวิจารณ์เรื่องการจัด 3 ประสานแนวรุกเช่นนี้อย่างแน่นอน

เยอร์เก้น คล็อปป์, Jurgen Klopp, Liverpool, ลิเวอร์พูล

อย่างไรก็ตาม, แม้ คล็อปป์ อาจจะรอดตัวอย่างหวุดหวิดกับการพาทีมเก็บ 3 แต้มสำคัญได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเกมนี้ทำให้เขารู้ว่ายังคงมีปัญหาที่ต้องแก้ไขกันต่อไปเพื่อให้เกมรุกกลับมามีประสิทธิภาพดังเดิม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าสู่เดือนมกราคมที่จะต้องเสียทั้ง ซาลาห์ และ มาเน ไปให้กับศึก แอฟฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์

ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นการบ้านโจทย์ที่ยากที่สุด ที่กุนซือชาวเยอรมันจะต้องหาคำตอบให้ได้!

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top