นับถอยหลังเหลืออีกเพียงไม่กี่วันศึก “แดงเดือด” ระหว่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็จะระเบิดขึ้นในบ้านเราที่ราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งถือเป็นแม็ตช์ใหญ่ในรอบหลายปี โดยเฉพาะหลังสถานการณ์โควิดระบาดเมื่อ 2 ปีก่อนที่เราแทบไม่ได้ดูเกมอุ่นเครื่องดี ๆ แบบนี้เลย
การมาถึงของทั้ง 2 ทีมนอกจากจะเป็นการมาทัวร์เพื่อขยายฐานแฟนบอลแล้ว ยังเป็นการมาเตรียมทีมอย่างจริงจัง เห็นได้จากการที่มีเซสชันการฝึกซ้อมแบบปิดห้ามมีคนเข้าชม อีกทั้งการลงเล่นในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ยังเป็นเกมอุ่นเครื่องเกมแรกของทั้งสองทีมอีกด้วย
ฟากฝั่งของ ลิเวอร์พูล นั้นดูเหมือนว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ จะพานักเตะชุดใหญ่มาแบบแทบจะฟูลทีม บวกกับแข้งดาวรุ่งที่ขนมาถึง 11 ราย บ่งบอกได้ว่าพวกเขามองเห็นความสำคัญในเกมนี้พอสมควร และอาจจะมีการทดลองอะไรใหม่ ๆ เพื่อวัดศักยภาพของนักเตะและอาจมีประโยชน์ในการลุ้นแชมป์ในซีซันใหม่ที่กำลังจะมาถึง
และนี่คือ 4 สิ่งที่เราจะได้เห็นจาก ลิเวอร์พูล ในเกม “แดงเดือด” เวอร์ชันไทยแลนด์
11 ตัวจริงมาครบ
เมื่อเทียบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้ว 11 ตัวจริงของ ลิเวอร์พูล อาจจะฟูลทีมกว่า แม้จะมาไม่ครบแต่ก็ถือได้ว่าแทบจะไม่ต่างกัน โดยจะมีทั้ง อลิสซอน เบ็คเกอร์, แอนดรูว โรเบิร์ตสัน, เวอร์จิล ฟาน ไดค์, โจเอล มาติป, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ติอาโก้ อัลคันทารา, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, นาบี เกอิต้า, หลุยส์ ดิอาซ, ดิโอโก้ โชต้า และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ขาดไปเพียงบางรายเท่านั้น
ยังไม่นับพวกตัวสำรองที่สามารถลงเล่นทดแทนกันได้ทั้ง อิบราฮิมา โคนาเต้, โจ โกเมซ, รีสห์ วิลเลียมส์, เคอร์ติส โจนส์, ฮาร์วีย์ เอลเลียต, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน และ เจมส์ มิลเนอร์ ที่เรียกว่าใครจะลงเล่นแทนก็แทบจะไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ซึ่งทั้งหมดนี้คือนักเตะที่มีส่วนพาทีมลุ้น 4 แชมป์เมื่อฤดูกาลที่แล้วด้วย
โอกาสลงเล่นของนักเตะดาวรุ่ง
การมาเยือนไทยแลนด์แดนสยามเที่ยวนี้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ขนนักเตะดาวรุ่งมาด้วยจำนวนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นในตำแหน่งผู้รักษาประตูอย่าง ฮาร์วีย์ เดวีส์, ฟาเบียน เอ็มโรเซ็ค กองหลังมี สเตฟาน บาจเซบิก, ลุค แชมเบอร์ส และ เจมส์ นอร์ริส ส่วนแผงมิดฟิลด์มีชื่อของ ไทเลอร์ มอร์ตัน, เลจ์ตัน คลาร์กสัน, เมลกามู เฟราเอนดอร์ฟ, อิซัค มาบายา และ ทอม ฮิลล์ และกองหน้าเป็น บ็อบบี้ คลาร์ก
นั่นหมายความว่าเราจะได้เห็นนักเตะเหล่านี้ลงเล่นในเกม “แดงเดือด” ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งดูแล้วนายใหญ่ชาวเยอรมันคงอยากจะลองของอยู่เหมือนกัน แม้มันอาจจะเป็นเกมที่ไม่มีความหมายในแง่ของผลการแข่งขัน แต่การได้ให้โอกาสเด็ก ๆ ดูบ้าง อาจจะทำให้เขาค้นพบเพชรเม็ดงามที่จะใช้งานในซีซันหน้าก็ได้
ยลโฉมแข้งใหม่ ดาร์วิน นูนเญซ
หนึ่งในไฮไลท์สำคัญก็คือ คนไทยอาจจะเป็นชาติแรกที่ได้เห็น ดาร์วิน นูนเญซ ลงสนามในสีเสื้อของ ลิเวอร์พูล หลังจากที่เจ้าตัวตกลงย้ายมาร่วมทีมเมื่อเดือนมิถุนายนด้วยค่าตัวสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรที่ 85 ล้านปอนด์
กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยเพิ่งจะมารายงานตัวกับทีม หงส์แดง หลังจากที่ได้รับอนุญาตให้พักผ่อนเป็นพิเศษจากการรับใช้ทีมชาติเมื่อเดือนที่แล้ว โดยเขาขึ้นเครื่องมาพร้อม ๆ กับเพื่อนร่วมทีมอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดค์, หลุยส์ ดิอาซ, อิบราฮิมา โคนาเต้, ติอาโก้ อัลคันทารา, นาบี เกอิต้า, แอนดรูว โรเบิร์ตสัน และ เทรนท์-อาร์โนลด์ ซึ่งทั้งหมดนี้มีสิทธิ์ที่จะได้ลงเล่นด้วยกันในศึกแดงเดือดที่เมืองไทย
ทดลองแผนการเล่นและแท็คติกใหม่
เกมแดงเดือดที่จะลงปะทะกับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นถือเป็นเกมอุ่นเครื่องพรี-ซีซันนัดแรกของทั้ง 2 ทีม ซึ่งคาดว่ากุนซือของทั้งสองฝั่งอาจจะมีการทดลองแท็คติกบางอย่างเพื่อนำไปปรับใช้ใช่ซีซันหน้าด้วย
ฝั่งของ เยอร์เก้น คล็อปป์ นั้นด้วยการที่ได้ ดาร์วิน นูนเญซ มาร่วมทีมซึ่งเจ้าตัวถือเป็นกองหน้าตัวกดลางที่ยิงประตูได้คมกริบ ทำให้เราอาจจะได้เห็นการลองใช้แผนการเล่นแบบ 4-2-3-1 ในเกมนี้สลับกับแผนหลักอย่าง 4-3-3 เพื่อใช้ในการประเมินศักยภาพของกองหน้าคนใหม่ และเป็นการทดสอบนักเตะที่มีอยู่ว่าจะเล่นได้ลื่นไหลมากน้อยขนาดไหน
ส่วนทาง เอริค เทน ฮาก ก็คงอยากจะเห็นลูกทีม ปีศาจแดง ของตนเล่นในแท็คติกใหม่ที่เน้นการผ่านบอลแม่นยำ และวิ่งหาพื้นที่ พร้อมเพรสแดนบน ซึ่งพวกเขาไม่เคยทำมาก่อนเลยทั้งในยุคของ โอเล กุนนาร์ โซลชา และ ราล์ฟ รังนิค