เกมเปิดบ้านเชือด แอตเลติโก้ มาดริด 2-0 เมื่อ 2 คืนก่อนถือเป็นแม็ตช์ที่นักเตะ ลิเวอร์พูล หลายคนโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็น ดิโอโก้ โชต้า หรือ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน ที่ระเบิดร่างทองโชว์ฟอร์มสุดไฉไลต่างจากเกมกับ ไบรท์ตัน โดยสิ้นเชิง
อีกคนหนึ่งที่จะไม่พูดถึงก็ไม่ได้ นั่นคือ คอสตาส ซิมิคาส ที่ได้ลงเล่นแบ็คซ้ายตัวจริงแทน แอนดี้ โรเบิร์ตสัน อย่างสุดเซอร์ไพรส์
พูดถึงฟอร์มของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ในช่วงหลังเริ่มมีคนตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าตัวยังทำได้ไม่ถึงมาตรฐานที่เคยสร้างไว้ในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ โดยเฉพาะในเกมเสมอกับ เบรนท์ฟอร์ด 3-3 และล่าสุดที่โดน ไบรท์ตัน บุกมาแบ่งแต้มที่ แอนฟิลด์
ทั้ง 2 เกมหลาย ๆ คนมองว่าเกมรับฝั่งขวาของ ลิเวอร์พูล อย่าง เทรนท์ อาร์โนลด์ โดนเจาะซะพรุนก็จริง แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าบอลที่ครอสมานั้นส่วนใหญ่ทะลุมาจากฝั่งซ้ายพื้นที่รับผิดชอบของ โรเบิร์ตสัน
เสียงวิจารณ์ในเกมล่าสุดกับทีมเจ้านกนางนวลตั้งข้อสงสัยกับในเกมรับและเกมรุกของกัปตันทีมชาติสกอตแลนด์ที่ไม่แน่นอนเหมือนก่อน และดูจะไม่ค่อยมีส่วนร่วมในเกมบุกเท่าใดนัก
หลายคนบอกว่า คล็อปป์ ควรเพลาการใช้งาน ร็อบโบ้ ก่อนดีกว่า เพราะเจ้าตัวลงเล่นติด ๆ กันแทบไม่พักเลยในช่วง 3 ปีหลัง บางทีอาจจะล้าสะสมหรือตื้อไปแล้วก็ได้ แล้วลองให้โอกาส คอสตาส ซิมิคาส ได้ลงเล่นสลับกันบ้าง
ซึ่งเอาจริง ๆ คงไม่มีใครคิดว่านายใหญ่ หงส์แดง จะกล้าส่งลงเป็น 11 ตัวจริงในเกมสำคัญกับ แอตฯ มาดริด แบบนี้, อย่างไรก็ตามจากการเล่นของ ซิมิคาส เจ้าตัวพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากนัดแรกที่ลงเล่นในเกมเจอ นอริช ซิตี้ ที่ตอนนั้นดูเหมือนลนลาน ตื่นสนาม จน เจมส์ มิลเนอร์ ต้องกระตุ้นให้กลับมาอยู่ในเกม
ในเกมนัดที่เจอแชมป์ลาลีก้า ดูเหมือน ซิมิคาส จะตั้งใจเป็นพิเศษไม่ว่าจะเป็นเกมรุกและเกมรับ ซึ่งพิสูจน์ได้จากสถิติที่ออกมาหลังจบเกม
สัมผัสบอล 66 ครั้ง
เคลียร์บอล 1 ครั้ง
แท็คเกิ้ลสำเร็จ 100%
เลี้ยงบอลสำเร็จ 100%
ชนะการดวลบนพื้น 2 ใน 3 ครั้ง
ครอสบอล 8 ครั้ง
ครอสบอลสำเร็จ 4 ครั้ง
สร้างสรรค์โอกาส 4 ครั้ง
และ สร้างสรรค์โอกาสสำคัญ 2 ครั้ง
เว็บไซต์ whoscored ให้คะแนนความสามารถของ ซิมิคาส ในเกมนี้สูงถึง 7.84 มากที่สุดเป็นอันดับ 3 เป็นรองแค่ เทรนท์ อาร์โนลด์ และ อ็อกซ์เหลด แชมเบอร์เลน
ความโดดเด่นของแบ็คซ้ายวัย 25 ปีคือการเปิดบอลจากด้านข้าง ซึ่งถือเป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้เกมรุกของ ลิเวอร์พูล อันตรายมากขึ้นและคุกคามแนวรับของทีมเยือนได้หลายครั้ง, ซิมิคาส อาจไม่ใช่ประเภทห้อตะบึงหรือวิ่งไล่บอลเป็นบ้าเป็นหลังเหมือน ร็อบโบ้ แต่เขาก็สามารถจัดการกับเกมรุกทางฝั่งขวาของลูกทีม ดิเอโก้ ซิมิโอเน ได้อย่างน่าชื่นชม
ตอนที่ ลิเวอร์พูล ตัดสินใจจะซื้อกองหลังรายนี้ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ ตามดูฟอร์มหมอนี่และได้เห็นการ “ปล่อยของ” ในช่วง 4 เกมสุดท้ายกับ โอลิมเปียกอส
ซิมิคาส ทำสถิติครอสบอลเข้าเป้าถึง 12 ครั้งใน 3 เกมและนัดสุดท้ายก่อนที่ทีมงานของ เอ็ดเวิร์ดส์ จะตัดสินใจคุยกับผู้จัดการทั่วไปของทีมจากกรีซคือเกมที่ โอลิมเปียกอส พบกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ใน ยูโรป้าลีก เลกที่ 2 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
เกมนั้นฟูลแบ็คชาวกรีซดวลกับ อดามา ตราโอเร ซึ่งเจ้าตัวก็โชว์ฟอร์มได้น่าพอใจ นั่นจึงเป็นที่มาของการพูดคุยกับผู้จัดการทั่วไปของยักษ์ใหญ่จากกรีซและการย้ายทีมก็เกิดขึ้นในซัมเมอร์ที่แล้ว และ ซิมิคาส ก็แสดงคุณสมบัติเหล่านั้นให้เห็นอย่างชัดเจนในเกมเปิดบ้านเชือดตราหมีเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
จากฟอร์มที่ได้รับคำชมมากมายเช่นนี้เป็นการส่งสัญญาณว่าเขาไม่ได้ย้ายมาเพื่อเป็นแบ็คอัพของ โรเบิร์ตสัน อีกต่อไป ซึ่งก็น่าจะทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องปวดหัวและคิดหนักเรื่องการจัดตัวในเกมต่อ ๆ ไปอย่างแน่นอน