ประเด็นหนึ่งที่ถูกยกขึ้นมาหลังจากที่ ลิเวอร์พูล บุกไปโดน นาโปลี สอนบอลหมดสภาพ 4-1 นั่นคือ การเรียกร้องให้ปลด เยอร์เก้น คล็อปป์ ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม
ด้วยผลงานการออกสตาร์ท 6 นัดแรกของฤดูกาลซึ่งย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่คุมทีมอย่างเต็มตัวเมื่อฤดูกาล 2016-2017 รวมทั้งการออกสตาร์ท แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่น่าผิดหวัง ในขณะเดียวกันดูเหมือนว่าคู่ปรับสำคัญอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังอยู่ในฟอร์มที่แข็งแกร่งและมีแนวโน้มพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้การทำงานของ เอริค เทน ฮาก
พร้อมกับข่าวที่ เชลซี ประกาศปลด โธมัส ทูเคิล ออกจากตำแหน่งแบบสายฟ้าแลบ หลังออกไปแพ้ ดินาโม ซาเกร็บ ในรายการ UCL นัดแรก เมื่อคืนวันอังคาร, สิ่งเหล่านี้กลายเป็นตัวกระตุ้นให้แฟนบอลบางส่วนออกมาเรียกร้องให้บอร์ดบริหารปลดนายใหญ่ชาวเยอรมันเสียที
บางคนยกเหตุการณ์สมัยที่เขาคุม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในปีสุดท้ายซึ่งตอนนั้นสภาพของ เสือเหลือง ก็ไม่ต่างจาก หงส์แดง ตอนนี้ พวกเขามีปัญหาเรื่องผลงานในสนาม ฟอร์มแย่จนร่วงลงไปอยู่ท้ายตาราง บุนเดสลีกา ก่อนจะกลับมาคว้าพื้นที่ ยูโรป้า ลีก ได้สำเร็จในบั้นปลาย เมื่อจบฤดูกาล คล็อปป์ ก็ตัดสินใจลาออก
ส่วนหนึ่งมองว่าเวลานี้ ผู้จัดการทีมเมืองเบียร์กำลังซ้ำรอยเดิมของตัวเอง จากการที่คุมทีมในช่วง 4-5 ปีแรกได้ดี จากนั้นก็มีปัญหาเรื่องนักเตะบาดเจ็บจนทำให้ผลงานตกต่ำ และสุดท้ายก็ตัดสินใจแยกทางกับสโมสร….แม้ว่าจะทำผลงานได้ดีขึ้นในท้ายฤดูกาลก็ตาม
ถ้า โอเล กุนนาร์ โซลชา มีลูปของตัวเอง ด้าน เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็อาจจะมีลูปของเขาเองเหมือนกัน
กระแสเล็ก ๆ ในเรื่องของการเรียกร้องให้ปลด หรือถ้าพูดกันแบบหยาบ ๆ ก็คือไล่ออกจากตำแหน่ง เกิดขึ้นทันทีหลังเกมเมื่อคืนวันพุธ โดยเชื่อว่านายใหญ่ หงส์แดง หมดมุขหมดความท้าทายในการทำงานไปแล้ว
ทั้ง ๆ ที่เมื่อฤดูกาลก่อนเขาสามารถพาทีมลุ้นถึง 4 แชมป์ แต่การลงทุนในตลาดซื้อขายซัมเมอร์ที่ผ่านมา กลับไม่สามารถช่วยต่อยอดความสำเร็จนั้นได้, ลิเวอร์พูล คว้า 3 นักเตะใหม่เข้ามาก็จริง แต่ที่ใช้งานได้ทันทีมีเพียง ดาร์วิน นูนเญซ เท่านั้น ส่วน ฟาบิโอ คาร์วัลโญ ยังต้องนั่งสำรอง และ คาลวิน แรมซีย์ ก็ได้รับบาดเจ็บ ยังไม่ได้ลงเล่นให้กับทีมแม้แต่นาทีเดียว
แม้จะมีเสียงเรียกร้องให้ คล็อปป์ เดินหน้าหากองกลางคนใหม่ในช่วงที่เหลือของตลาดนักเตะ แต่เจ้าตัวก็ยืนยันว่า ที่มีอยู่ในทีมนั้นเพียงพอแล้ว พร้อมเผยแผนการใหญ่ที่จะดึงตัว จู้ด เบลลิงแฮม ในฤดูกาลหน้า ให้กองเชียร์เนื้อตัวสั่นไปด้วย
อย่างไรก็ตาม, เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อนักเตะค่อย ๆ ได้รับบาดเจ็บกันคนละคนสองคนจนแทบไม่เหลือให้ใช้งาน ส่งผลกระทบต่อผลงานในช่วงต้นฤดูกาลและมาตกต่ำสุดขีดในเกมกับ นาโปลี เมื่อคืนก่อน
ลิเวอร์พูล ในเวลานี้คือทีมที่ฟอร์มลุ่ม ๆ ดอน ๆ หาจุดลงตัวไม่ได้ ต่างคนต่างเล่น สภาพจิตใจก็ย่ำแย่ ไม่ฮึกเหิมเหมือนเดิม ปัญหาทุกอย่างประเดประดังเข้ามาอย่างไม่ขาดสายและคนที่ต้องรับผิดชอบคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เยอร์เก้น คล็อปป์
บางคนเชื่อว่านายใหญ่ หงส์แดง ถึงทางตัน เข็นนักเตะไม่ขึ้น ใช้แผนเดิม ๆ จนโดนจับทางได้ สมควรแก่เวลาที่เขาจะเดินออกจากถิ่น แอนฟิลด์ เพื่อเปิดทางให้คนใหม่เข้ามา ยิ่งเมื่อเอาไปเทียบกับกรณีของ โธมัส ทูเคิล ยิ่งดูจะไม่แฟร์เท่าไหร่ เพราะสถานการณ์ของ คล็อปป์ ดูจะแย่กว่าด้วยซ้ำ แต่ก็ยังอยู่ในตำแหน่งได้แบบชิล ๆ
อย่างไรก็ดี กระแสที่เกิดขึ้นมาจากแฟนบอลหรือกูรูเพียงไม่กี่คน ซึ่งเมื่อเราพิจารณาในภาพรวมแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นจะพบว่ามันอาจจะเป็นเพียงปัญหาชั่วคราว และหลายคนยังเชื่อว่าอดีตนายใหญ่ ดอร์ทมุนด์ จะสามารถแก้ไขได้ ซึ่งเขาก็เคยทำให้เห็นมาแล้วเมื่อตอนที่อยู่กับทีม เสือเหลือง รวมทั้งเมื่อ 2 ปีก่อนที่ทีมผลงานตกลงไปอยู่ช่วงหนึ่งก่อนจะกลับไล่เก็บคะแนนในช่วงท้ายฤดูกาลจนพาทีมกลับไปเล่น ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ
เพียงแต่สิ่งที่แฟนบอลคิดตรงกันก็คือ พวกเขาอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในส่วนของตัวผู้เล่น อยากเห็นการทุ่มเงินซื้อนักเตะเหมือนกับทีมใหญ่อื่น ๆ เพราะจากที่มีอยู่ แม้จำนวนอาจจะเพียงพอแต่คุณภาพนั้นถดถอยลงอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งอายุแต่ละคนก็เลยจุดพีคมาแล้ว
อันที่จริง เยอร์เก้น คล็อปป์ เองก็ไม่ได้มองข้ามเรื่องนี้ ลิเวอร์พูล เสริมทัพแทบจะทุกปี อย่างน้อย 1-2 ตำแหน่ง แต่เจ้าตัวแค่ยังคงยึดติดกับทีมชุดหลักแล้วค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปทีละนิด ซึ่งจุดนี้ทำให้เกิดปัญหาเมื่อพวก 11 ตัวจริงได้รับบาดเจ็บ เพราะมาตรฐานของตัวสำรองนั้นยังห่างอยู่มาก รวมทั้งพวกดาวรุ่งก็โตให้ใช้งานไม่ทัน
เรื่องนี้เห็นได้จาการที่ คล็อปป์ ยังใช้นักเตะจากทีมชุดแชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก 2019 และแชมป์ พรีเมียร์ลีก 2020 ที่แทบจะเป็นทีมชุดเดียวกัน ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ก็ยังมีบทบาทสำคัญเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น อลิสซอน เบ็คเกอร์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, เวอร์จิล ฟาน ไดค์, โจเอล มาติป, เทรนท์ อาร์โนลด์, ฟาบินโญ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์
จะเห็นได้ว่าการเปลี่ยนแปลงตลอด 4 ปีที่ผ่านมานั้นมีน้อยมาก แม้จะมีการดึง ทาคุมิ มินามิโนะ, ดิโอโก้ โชต้า, ติอาโก้ อัลคันทารา, อิบราฮิมา โคนาเต้ และ หลุยส์ ดิอาซ เข้ามา แต่ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้สร้างอิมแพ็คให้กับทีมอย่างชัดเจน ในขณะที่ตัวหลักเริ่มโรยราลงไปทุกที
สิ่งที่แฟนบอลอยากเห็นคือการซื้อผู้เล่นที่สร้างความแตกต่างและยกระดับได้ทันที เหมือนที่พวกเขาได้ ฟาน ไดค์, อลิสซอน และ ฟาบินโญ มาร่วมทีมเมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งต้องยอมรับว่าแข้งเหล่านี้มีส่วนสำคัญที่ทำให้ ลิเวอร์พูล สามารถก้าวขึ้นไปเป็นเบอร์หนึ่งของยุโรปและเกาะอังกฤษได้สำเร็จ
แม้จะเสริมทัพด้วยนักเตะเกรดดีขนาดไหน หากไร้ซึ่งมันสมองของยอดผู้จัดการทีมมันก็เหมือนการลงทุนที่สูญเปล่า
และหากต้องการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ขอถามว่า “มีใครที่เหมาะสมไปกว่านี้อีกหรือ?”
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม เดอะ ค็อป ส่วนใหญ่ จึงยังเชื่อมั่นใน เยอร์เก้น คล็อปป์ อยู่เหมือนเดิม…