จาเรลล์ ควอนซาห์ ของ หงส์แดง
ย้อนไปในเกมที่ ลิเวอร์พูล สามารถเปิดบ้านเอาชนะ ไบรท์ตัน ไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น หนึ่งในนักเตะที่ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม นอกเหนือจาก อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กองกลางชาวอาร์เจนไตน์ ก็คือ จาเรลล์ ควอนซาห์ แนวรับดาวรุ่งสัญชาติอังกฤษ
ปราการหลังดาวรุ่งวัย 21 ปีผู้นี้ กลายเป็นผู้เล่นที่มีความสำคัญต่อแผงหลังของ ลิเวอร์พูล ในซีซันนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ทั้ง ๆ ที่ก่อนจะเริ่มต้นฤดูกาลปัจจุบัน ไม่ค่อยจะมีใครรู้จักเด็กคนนี้ด้วยซ้ำ
ช่วงปรีซีซั่น คือช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการลองของและใช้งานเด็กดาวรุ่งในทีม เพื่อทดสอบศักยภาพว่า พวกเขาเหล่านั้น มีความพร้อมที่จะรับมือกับการเล่นขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่มากน้อยขนาดไหน ซึ่งเจ้าหนู ควอนซาห์ ก็สามารถสร้างผลงานได้น่าประทับใจไม่น้อย แต่เชื่อเถอะ!! แทบจะไม่มีใครเลยที่คิดว่า เขาจะได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่ได้เร็วถึงขนาดนี้
ช่วงแรก พวกเราจะได้เห็นดาวรุ่งผู้นี้ ในบทบาทของการเป็นตัวสำรองอยู่บ่อยครั้งเช่นกัน ซึ่งเจ้าตัวก็ทำผลงานได้ดีพอตัว เมื่อได้รับโอกาสลงสนาม และเมื่อ ลิเวอร์พูล ประสบกับปัญหาผู้เล่นแนวรับตัวหลักได้รับบาดเจ็บหรือติดโทษแบน, Jarell Quansah จึงกระโดดขึ้นมาเป็นผู้เล่นแนวรับคนสำคัญของทีมขึ้นมาทันที
ฤดูกาลสำคัญของ จาเรลล์ ควอนซาห์
พวกเราอาจจะพูดได้เต็มปากก็ได้ว่า ณ เวลานี้ ควอนซาห์ คือเซ็นเตอร์ตัวหลักของทีมคู่กับ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ไปแล้ว ยิ่งในกรณีของ อิบราฮิมา โคนาเต้ ที่ยังมีปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บออด ๆ แอด ๆ ภาพของคู่เซ็นเตอร์แบ็คที่ประสานงานกัน ก็ยิ่งชัดเจนตามกล่าวไป
เฉกเช่นเดียวกับในเกมที่ หงส์แดง เปิดบ้านเอาชนะ ไบรท์ตัน ไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 ในศึก พรีเมียร์ลีก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา, จาเรลล์ควอนซาห์ ก็ได้ออกสตาร์ทเป็นเซ็นเตอร์แบ็คตัวจริงอีกครั้ง และเป็นการลงสนามเป็น 11 คนแรกให้กับทีมนัดที่ 21 จากทั้งหมด 26 นัดในฤดูกาลนี้
หากพวกเราไม่นับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ด้วยสถิติตัวเลขนี้, นั่นเท่ากับว่า จาเรลล์ ควอนซาห์ ได้ทำสถิติใหม่ กลายเป็นแข้งดาวรุ่งจากอคาเดมีของสโมสร ที่ได้ลงเล่นมากที่สุดในหนึ่งฤดูกาล ภายใต้การคุมทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ โดยทำลายสถิติเดิมของ เคอร์ติส โจนส์ ไปเรียบร้อยแล้ว
โดย ควอนซาห์ ลงสนามไปทั้งหมดเป็นเวลา 1,926 นาที มากกว่าสถิติที่ เคอร์ติส โจนส์ เคยทำไว้ที่ 1,920 นาที ในฤดูกาลที่ 2022-2021
ในขณะที่ แนท ฟิลลิปส์ มีสถิติตามมาเป็นอันดับ 3, ลงเล่นไป 1,724 นาทีในซีซัน 2020-2021 อันดับ 4 ได้แก่ จอร์แดน ไอบ์ ในฤดูกาล 2015-2016 ลงเล่นไปทั้งหมด 1,680 นาที และอันดับที่ 5 เป็น รีส์ วิลเลียมส์ ลงเล่นไป 1,350 นาทีในซีซัน 2020-2021
ถ้ามองเผิน ๆ ก็อาจไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเท่าไหร่ กับการที่มีนักเตะดาวรุ่งพุ่งแรง สร้างชื่อขึ้นมาเฉิดฉายได้เช่นนี้ แต่ถ้าโฟกัสไปที่อนาคตของ ควอนซาห์ แล้ว ก็ดูจะสดใสกว่ารุ่นพี่อีก 3 รายอย่าง ไอบ์, ฟิลลิปส์ และ วิลเลียมส์ เพราะฟอร์มการเล่นที่ไม่ธรรมดา บวกกับความนิ่งที่เกินวัย คุณสมบัติ 2 ข้อนี้ถูกพูดถึงอย่างมากในหมู่สาวก ‘หงส์แดง’
ความแตกต่างที่หลายคนมองเห็นอย่างชัดเจนที่สุด ถ้าเปรียบเทียบกันระหว่าง ควอนซาห์ กับนักเตะคนอื่น ๆ ที่อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกัน นั่นคือการที่เขาเป็นนักเตะที่มีความสามารถในการอ่านเกมที่ดี ครองบอลได้เหนียวแน่น และการผ่านบอลจากแนวลึกอย่างแม่นยำ รวมถึงความเร็วในการเติมเกมบุกด้วย
คุณสมบัติของเขาที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น อาจจะดูเว่อร์วังจนดูเหมือนอวยนักเตะดาวรุ่งจนเกินเบอร์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่า นักเตะในตำแหน่งแนวรับ ต้องมีคุณสมบัติที่มากกว่าแค่การเล่นเกมรับที่แข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว ในฟุตบอลยุคสมัยใหม่
ซึ่งในเกมกับ ไบรท์ตัน มีการเก็บสถิติที่น่าสนใจของ ควอนซาห์ โดยพบว่า เขาผ่านบอลให้เพื่อนได้สำเร็จมากถึง 114 ครั้ง ซึ่งมากเป็นอันดับ 2 รองจากเกมที่เจอกับ เบิร์นลีย์ ที่เจ้าตัวเคยทำสถิติเดียวกันไว้ที่ 116 ครั้ง
แต่ที่เป็นไฮไลท์จริง ๆ ก็คือ สถิติการผ่านบอลแม่นยำของเขาในเกมล่าสุด มีเปอร์เซ็นต์ที่สูงถึง 89.5% มากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากนัดที่เจอกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ที่ทำไว้ที่ 96.3%
ด้วยอายุอานามเพียง 21 ขวบปีของ ควอนซาห์ คิดรวมกับสถิติอันยอดเยี่ยมในฐานะของการผู้เล่นตัวสำรองเช่นนี้ ก็น่าจะเป็นเครื่องการันตีได้แล้วว่า เจ้าตัวจะยังคงอยู่ในแผนการทำทีมของนายใหญ่คนใหม่ได้อย่างไม่ต้องสงสัย ในฤดูกาลหน้า
การบาดเจ็บยาวของ โจเอล มาติป และความไม่แน่นอนของ อิบราฮิมา โคนาเต้ เป็นปัจจัยสำคัญอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้ ควอนซาห์ ได้รับโอกาสในการลงสนามอย่างต่อเนื่อง และเจ้าหนูรายนี้ก็ต้องขอบคุณตัวเองเช่นกัน ที่สามารถทำผลงานได้ดีขนาดนี้
ผลงานล่าสุดของ Jarell Quansah
หลังจบเกมที่สนาม แอนฟิลด์ เมื่อวันอาทิตย์, คล็อปป์ ถึงกับออกมาบอกว่า เขาไม่ได้มองพวกดาวรุ่งอย่าง คอเนอร์ แบรดลีย์ และ จาเรลล์ ควอนซาห์ เป็นแค่นักเตะดาวรุ่งจากอคาเดมีอีกต่อไปแล้ว หลังจากที่ทั้งคู่ แทบจะกลายเป็นตัวหลักในแนวรับของทีมในช่วงหลัง
“ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่า พวกเราเลิกมองว่าพวกเขาเป็นดาวรุ่งตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมจำไม่ได้แล้วว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน รู้แต่ว่าตอนนี้…พวกเขามีความสำคัญกับทีมเรามาก”
เยอร์เก้น คล็อปป์ กล่าวหลังเกม
นอกจากนั้น อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กองกลางที่ได้รับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกม พรีเมียร์ลีก นัดล่าสุด ก็ยังกล่าวชื่นชมฟอร์มของ ควอนซาห์ แทบไม่ขาดปาก ด้วยการโปรยคำหวาน ๆ ที่จับใจความได้ว่า การประสานงานของ ควอนซาห์ กับ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ทำให้นักเตะคนอื่น ๆ สามารถเล่นได้อย่างเย็นใจ
อย่างไรก็ตาม, มันก็เป็นเรื่องปกติที่เหล่าแฟนบอลจะรู้สึกกังวล ในแง่อนาคตของนักเตะดาวรุ่งกับทีม โดยเฉพาะเมื่อมีผู้จัดการทีมคนใหม่ย้ายเข้ามา กุนซือคนใหม่ก็อาจจะไม่ได้ให้เครดิตกับนักเตะอายุน้อยมากนัก บางคนอาจยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เด็ก ๆ ที่มีอยู่ในทีมสามารถทำอะไรได้บ้าง หรือแม้กระทั่งไม่อยากเสี่ยงใช้งานเลยก็เป็นไปได้
แต่กับ จาเรลล์ ควอนซาห์ คนนี้, เจ้าตัวได้พิสูจน์ตัวเองมามากพอแล้วเช่นกัน กับการที่จะทำให้นายใหญ่คนใหม่ มอบโอกาสให้เขาได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั่นคือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เจ้าตัวมีอนาคตที่สดใสรออยู่
แม้ในเส้นทางอนาคตที่พวกเรากล่าวถึง จะไร้เงาของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ในถิ่น แอนฟิลด์ แล้วก็ตาม