ลิเวอร์พูล – ฟูแล่ม กับ 5 ประเด็นหลังเกม เปิดบ้านเฉือน เจ้าสัวน้อย เกมแรก

ลิเวอร์พูล – ฟูแล่ม เกมรอบรองชนะเลิศนัดแรก ในรายการ คาราบาว คัพ ประจำฤดูกาลที่ 2023-24 ซึ่งในเกมนี้ ฝั่ง “หงส์แดง” เป็นฝ่ายที่พลิกกลับมาเอาชนะ “เจ้าสัวน้อย” ได้อีกครั้งแล้ว หลังจากโดนทีมเยือนขึ้นนำก่อน ตั้งแต่ช่วงครึ่งเวลาแรก

แม้จะโดนผู้มาเยือน เป็นฝ่ายยิงประตูขึ้นนำไปก่อน และต้องใช้เวลานานพอสมควร ในการบดคู่แข่งเพื่อเอาประตูกลับคืนมา แต่ผลการแข่งขันในเกมนี้ ก็ทำให้ ลิเวอร์พูล กุมความได้เปรียบก่อนจะไปเยือนในเลก 2 ที่สนาม คราเวน คอทเทจ ปลายเดือนนี้ และนี่คือบทสรุปของ 5 ประเด็นหลังเกมที่ควรถูกพูดถึง

1. ลิเวอร์พูล – ฟูแล่ม เกมที่ คล็อปป์ เปลี่ยนตัวนักเตะได้ตรงจุดอีกครั้ง

กัคโป - นูนเญซ

การตัดสินใจเปลี่ยนตัวสำรองในช่วงท้ายเกมของ คล็อปป์ ไม่เป็นรองกว่ากุนซือชั้นนำคนอื่น ๆ ในยุคนี้อย่างแน่นอน และด้วยผลการแข่งขันในเกมกับ ฟูแล่ม ครั้งนี้ เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เขาสร้างความได้เปรียบให้กับทีม ได้อย่างมหาศาล  

ตลอดทั้งเกม ลิเวอร์พูล ครองบอลได้เหนือกว่า ฟูแล่ม เยอะมาก แต่ในบางครั้ง พวกเขาก็ยังดูขาดความกระฉับกระเฉง ขาดความคิดสร้างสรรค์ ในการเจาะแนวรับผู้มาเยือนที่ยืนปักหลักกันอย่างแน่นหนา ในกรอบเขตโทษของตัวเอง

ดาร์วิน นูนเญซ หัวหอกชาวอุรุกวัย และ โคดี้ กัคโป กองหน้าชาวดัตช์ คือ 2 แข้งที่ถูกส่งลงมาพร้อมกัน ในนาทีที่ 56 และหลังจากนั้น เกมรุกของ ลิเวอร์พูล ก็เริ่มกดดันกองหลังของทีมเยือนได้มากขึ้น รวมถึงสร้างจังหวะอันตรายใส่ทีม “เจ้าสัวน้อย” ได้อยู่บ่อยครั้ง

จนในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็ได้ประตูตีเสมอจาก เคอร์ติส โจนส์ ในนาทีที่ 68 โดยได้ นูนเญซ เป็นคนแอสซิสต์ให้ ก่อนจะได้ประตูแซงขึ้นนำจาก โคดี้ กัคโป ในอีก 3 นาทีต่อมา และก็เป็น นูนเญซ คนเดิมที่ทำแอสซิสต์ เรียกได้ว่า ตัวสำรองทั้ง 2 ราย เป็นคนพลิกสถานการณ์ให้กับทีมโดยแท้จริง

2. เคอร์ติส โจนส์ โชว์ฟอร์มแจ่ม!

เคอร์ติส โจนส์

หากนึกถึงกองกลางชาวอังกฤษ ที่โชว์ฟอร์มดีที่สุดในศึก พรีเมียร์ลีก ขณะนี้, ก็ไม่น่าแปลกใจ ถ้าจะมีชื่อของ เคอร์ติส โจนส์ อยู่ในข่ายพิจารณาด้วย โดยดาวเตะวัย 22 ปี แสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่า เจ้าตัวมีคุณสมบัติครบถ้วน ในการก้าวขึ้นมาเป็นมิดฟิลด์ระดับท็อปในอนาคต

ในขณะที่ ไรอัน กราเวนเบิร์ช ต้องดิ้นรนกับผลงานของตัวเอง และ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ต้องทำงานหนักในการปักหลักหน้าแผงแนวรับ แต่สำหรับ โจนส์ ที่มีโอกาสได้เล่นฟุตบอลในแบบฉบับของตัวเอง ทำให่เขาดูเปี่ยมไปด้วยพลังงานตลอดทั้งเกม

ตลอด 90 นาที, โจนส์ สร้างสถิติ ผ่านบอลสำเร็จ 98 เปอร์เซ็นต์ โดยจ่ายบอลสำเร็จ 47 ครั้ง จากทั้งหมด 48 ครั้ง และยังมีชื่อเป็นคนทำประตู 1 ลูก ซึ่งถือว่า เด็กท้องถิ่นรายนี้ กลายเป็นคีย์แมนของ ลิเวอร์พูล เวอร์ชั่น 2.0 อย่างเต็มตัวไปเรียบร้อยแล้ว

ไฮไลท์ คาราบาว คัพ รอบรองฯ นัดแรก ลิเวอร์พูล 2-1 ฟูแล่ม

3. กราเวนเบิร์ช ทำหน้าที่ในบทบาทของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน

ไรอัน กราเวนเบิร์ช

มิดฟิลด์ชาวดัตช์รายนี้ ได้รับมอบหมายให้เล่นในตำแหน่งกองกลางด้านซ้ายเป็นส่วนใหญ่ นับตั้งแต่ที่เขาย้ายมายังสโมสร ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ โดยทำหน้าที่ในตำแหน่งกองกลางหมายเลข 8 คอยสร้างสรรค์เกมรุก และวิ่งสอดขึ้นไปทำประตูใส่คู่แข่ง

แต่กับในเกม คาราบาว คัพ เกมนี้, กราเวนเบิร์ช ต้องเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวเชื่อมเกมฝั่งขวา ซึ่งเป็นบทบาทที่อดีตกัปตันทีม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เคยทำหน้าที่เอาไว้ ทำให้ในเกมนี้ เจ้าตัวแทบไม่ได้มีบทบาท หรือสร้างผลกระทบเชิงบวกใด ๆ ให้กับทีมได้เลย

กราเวนเบิร์ช ยังประสานงานร่วมกับ คอเนอร์ แบรดลีย์ แบ็คขวาดาวรุ่งได้ไม่ดีเท่าไหร่ และน่าเสียดายที่มิดฟิลด์ชาวเนเธอร์แลนด์ ไม่ได้มีโอกาสเล่นในบทบาทหลัก ตามที่ตัวเองถนัด ก่อนจะโดนเปลี่ยนตัวออกมา, แต่ก็อย่าลืมว่า เขาเพิ่งอายุเพียง 21 ปี เท่านั้น และยังต้องการเวลา ในการเรียนรู้ระบบของทีมให้มากกว่านี้

4. นักเตะที่น่าจับตามอง ในเกม ลิเวอร์พูล – ฟูแล่ม

โรบินสัน - ปาลินญ่า

หนึ่งในกองกลางตัวรับ ที่ตกเป็นข่าวพัวพันกับ ลิเวอร์พูล มาตลอด ก็คือ เปาลินญา แต่ดูเหมือนว่า แทบไม่มีโอกาสเลยที่ “หงส์แดง” จะเดินเครื่องเพื่อเซ็นสัญญาคว้า ดาวเตะชาวโปรตุเกส วัย 28 ปี รายนี้ มาเล่นยังถิ่น แอนฟิลด์

ในเกมนี้ เปาลินญา ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม และแข็งแกร่งเช่นเดิมในการยืนคุมเกมหน้าแนวรับ และตัดเกมจากแนวรุก ลิเวอร์พูล ซึ่งทำให้ทีมของ คล็อปป์ ต้องเหนื่อยทีเดียวกว่าจะพลิกกลับมาเอาชนะได้

ส่วนผู้เล่น ฟูแล่ม อีกรายที่ตกเป็นข่าวกับ ลิเวอร์พูล อย่าง แอนโทนี โรบินสัน แบ็คซ้ายทีมชาติสหรัฐอเมริกา ก็ทำผลงานของตัวเองได้คงเส้นคงวาเช่นเดิม

5. ลิเวอร์พูล ยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ ในทุกรายการ

ลิเวอร์พูล - ฟูแล่ม

ทีม หงส์แดง ยังคงอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ ทั้ง 4 รายการที่มีส่วนร่วมต่อไป ซึ่งการเอาชนะ ฟูแล่ม ในศึก คาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ เลกแรก ครั้งนี้ หมายความว่า พวกเขาจะไม่มีการพักเบรกหน้าหนาวมากนัก และต้องเตรียมรับมือกับจำนวนเกมที่มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม, แม้จะมีเกมที่มากขึ้น แต่ ลิเวอร์พูล ก็จะได้นักเตะที่บาดเจ็บอย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, คอสตาส ซิมิกาส, โดมินิค โซบอสซ์ไล และ ติอาโก อัลคันทารา ทยอยกลับมา รวมถึง 2 ผู้เล่นที่เดินทางไปรับใช้ชาติอย่าง วาตารุ เอ็นโด และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ด้วยเช่นกัน

หากบรรดานักเตะที่กล่าวมา พร้อมกลับมาลงสนามได้ บวกกับผู้เล่นชุดปัจจุบัน ที่กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม นั้น ลิเวอร์พูล เวอร์ชั่น 2.0 ภายใต้การนำของ คล็อปป์ ก็ยังมีโอกาส ลุ้นแชมป์ไปยาว ๆ จนถึงท้ายซีซัน


คลิกอ่านบทความอื่น ๆ ของเว็บไซต์

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top