ลิเวอร์พูล vs ฟอเรสต์ 5 ประเด็นหลังเกม หงส์แดง ไล่อัด เจ้าป่า 3-0

ลิเวอร์พูล vs ฟอเรสต์ เกมที่ 10 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่ง ลิเวอร์พูล สามารถเก็บ 3 แต้มได้ แบบไม่ได้เหนื่อยอะไรมากนัก หลังเปิดสนาม แอนฟิลด์ ไล่ต้อน น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ แบบสบาย ๆ ไปด้วยสกอร์ 3-0

ในเกมนี้เรียกได้ว่า พลพรรค หงส์แดง ทำผลงานได้ตามเป้าหมาย ด้วยการเก็บ 3 แต้ม และไม่เสียประตูให้กับผู้มาเยือน พร้อมกับรั้งอันดับ 4 เกาะกลุ่มผู้นำต่อไป และนี่คือ 5 ประเด็นที่พูดถึงในเกมที่ง่ายที่สุดเกมหนึ่งของ ลิเวอร์พูล  

1. เกม ลิเวอร์พูล vs ฟอเรสต์ ส่งกำลังใจให้ หลุยส์ ดิอาซ และแสดงความเคารพต่อตำนานคู่อริ

Diogo Jota

ในช่วงเช้าเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนเกมกับ ลิเวอร์พูล vs ฟอเรสต์ จะเริ่มขึ้น สโมสรจากถิ่นยเมอร์ซีย์ไซด์ ได้ออกแถลงการณ์สั้น ๆ ระบุว่า หลุยส์ ดิอาซ แนวรุกคนสำคัญของทีม กำลังเผชิญกับความกังวลอย่างยิ่ง หลังจาก พ่อ-แม่ ของเขา ถูกลักพาตัวในประเทศโคลอมเบีย

แน่นอนว่า ปีกวัย 26 ปี ไม่มีชื่อแม้กระทั่งเป็นตัวสำรอง แต่มีจังหวะสำคัญที่ ดิโอโก้ โชต้า หัวหอกชาวโปรตุเกส ที่ลงมายืนทำเกมรุกริมเส้นฝั่งซ้ายแทน ซัดประตูแรกพาทีมขึ้นนำ พร้อมกับนำเสื้อของ หลุยส์ ดิอาซ มาชูต่อหน้าแฟนบอลทั่วสนาม เพื่อเป็นการส่งกำลังใจไปให้ปีกชาวโคลอมเบียผู้นี้

ขณะเดียวกัน บรรยากาศก่อนเกม บรรดาสาวก “เดอะ ค็อป” และทุก ๆ คนในสโมสร ลิเวอร์พูล ต่างก็ร่วมใจกันแสดงความเคารพ ด้วยการยืนไว้อาลัยให้กับ บิล เคนไรท์ ประธานสโมสร เอฟเวอร์ตัน และ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ตำนานนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เสียชีวิต

2. ดาร์วิน นูนเญซ เริ่มแสดงศักยภาพในตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้า

Darwin Nunez

ก่อนที่สถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับพ่อ-แม่ของ ดิอาซ มีการคาดหมายกันว่า โชต้า จะได้ออกสตาร์ทยืนเป็นกองหน้าตัวกลางก่อน นูนเญซ ที่เพิ่งเล่นเป็นตัวจริงในเกม ยูโรปา ลีก กลางสัปดาห์กับ ตูลูส มาราว 70 นาที

อย่างไรก็ตาม หลังจาก ดิอาซ สภาพจิตใจไม่พร้อมลงสนาม ทำให้ โชต้า และ นูนเญซ ได้ลงเล่นพร้อมกัน โดยมี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ประจำการทางปีกขวาเช่นเดิม และ หัวหอกทีมชาติอุรุกวัย วัย 24 ปี ก็ไม่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง

นูนเญซ ใช้ความเร็ว และความแข็งแกร่งปั่นป่วนแนวรับของ ฟอเรสต์ ได้ตลอด และยังขยับออกมานอกกรอบเขตโทษ เพื่อมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์เกมรุกกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ อีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่า เจ้าตัวก็ได้รับรางวัลจากความพยายามด้วยการซัดไป 1 ประตู

ผลงาน 6 ประตู 5 แอสซิสต์ จาก 13 เกมรวมทุกรายการในฤดูกาลนี้ ดูเหมือนว่า นูนเญซ จะเข้าใจบทบาทการเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้าให้กับทีมของ คล็อปป์ แล้ว

3. เกมรุกของ หงส์แดง จากทุกพื้นที่ในสนาม ในเกม ลิเวอร์พูล vs ฟอเรสต์

ลิเวอร์พูล vs ฟอเรสต์

ตั้งแต่ยิงประตูขึ้นนำจาก โชต้า จนถึงการบวกประตูที่ 2 ของ นูนเญซ ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นว่า พวกเขาเหนือกว่าผู้มาเยือนในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการครองบอล ผ่านบอล คุมจังหวะ และเปิดเกมรุกได้จากทุกทิศทาง

ลิเวอร์พูล เวอร์ชั่น 2.0 ยังคงห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ แต่ผลงาน และฟอร์มการเล่นในภาพรวมตั้งแต่ออกสตาร์ทซีซั่นนั้น ก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ และดูเหมือนว่า ทีมชุดนี้ของ คล็อปป์ น่าจะพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้อีก

ขณะเดียวกัน ปัญหาการเจอกับทีมเยือนที่ตั้งใจมาเล่นเกมรับลึกหน้าเขตโทษตัวเองเป็นหลัก ก็น่าจะค่อย ๆ ได้รับการแก้ไขแล้ว และแนวทางการเล่นของทีมในเวลานี้ ก็ดูมีทิศทางที่ชัดเจน และดีขึ้นตามลำดับ

4. โดมินิก โซบอสซ์ไล กลายเป็นหัวใจสำคัญในแผงมิดฟิลด์

Dominik Szoboszlai

เจ้าของเสื้อหมายเลข 8 ทำแอสซิสต์ได้ 2 ครั้ง ให้กับ นูนเญซ และ ซาลาห์ และนอกเหนือจากการส่งบอลให้เพื่อนทำประตูแล้ว โซบอสซ์ไล ยังมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเกมทุกจังหวะ และกลายเป็นคนกำหนดทิศทางการเล่นของ ลิเวอร์พูล ไปแล้ว

โซบอสซ์ไล ปรับตัวกับแท็คติคของ คล็อปป์ ได้อย่างรวดเร็ว และยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถรอบด้านทั้งพลังงาน ความแข็งแกร่ง ความเร็ว ความเข้าใจเกม และวิสัยทัศน์ในการเล่น ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยที่ ดาวเตะวัย 23 ปี จะกลายเป็นขวัญใจ “เดอะ ค็อป” อย่างรวดเร็ว

มิดฟิลด์กัปตันทีมชาติฮังการี ลงเล่นในบทบาทกองกลางฝั่งขวา และประสานงานกับ ซาลาห์ รวมถึง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้อย่างลงตัว ดังนั้น คงไม่เกินไปที่จะบอกว่า โซบอสซ์ไล เป็นหนึ่งในการทำธุรกิจที่คุ้มค่าที่สุดของ ลิเวอร์พูล ในซัมเมอร์ที่ผ่านมา

5. ขุมกำลังเชิงลึกที่แข็งแกร่ง และการรับมือกับเกมกลางสัปดาห์

Liverpool 2-0 Nottingham Forest

เกม ลิเวอร์พูล vs ฟอเรสต์ เป็นเกมที่ หงส์แดง เก็บ 3 คะแนน ได้แบบไม่ยากเย็นนัก และทำได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ แต่พลพรรค “หงส์แดง” ยังคงต้องมุงมั่นทำงานของตัวเองต่อไป และโชว์ฟอร์มการเล่นที่มีประสิทธิภาพอย่างสม่ำเสมอ

ผลงานชนะ 4 เสมอ 1 นับตั้งแต่พ่ายแพ้ให้กับ ท็อตแนม ฮฮตสเปอร์ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เป็นผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ และเชื่อได้ว่า แฟนบอลหลายคนคาดหวังว่า ลิเวอร์พูล จะรักษาฟอร์มที่ดีต่อเนื่อง ไปจนถึงช่วงพักเบรกทีมชาติในเดือนพฤศจิกายน

คล็อปป์ จะได้ผู้เล่นอย่าง เคอร์ติส โจนส์ พ้นโทษแบนกลับมาให้ใช้งานในแดนกลาง ขณะที่ โคดี้ กักโป ก็ฟิตพร้อมเป็นตัวเลือกในแดนหน้าแล้ว ส่วนผู้เล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ซึ่งทำให้มีทางเลือกมากมายในการจัดทีม

ลิเวอร์พูล ยังคงเกาะกลุ่มมผู้นำไปเรื่อย ๆ โดยมีแต้มตามหลัง สเปอร์ส ทีมจ่าฝูงเพียง 3 คะแนน เท่านั้น ซึ่งในอนาคตก็มีโอกาสจะเบียดขึ้นไปเป็นผู้นำได้เช่นกัน

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top