Mac Allister กับข้อถกเถียงที่ยังไม่สิ้นสุด ในบทบาทกองกลางหมายเลข 6

Mac Allister ได้รับโอกาสให้ลงสนามจาก Jurgen Klopp ในฤดูกาลนี้อยู่หลายเกม และเหล่าแฟนบอล ก็มักจะเห็น “แม็คก้า” ได้เล่นในบทบาทที่แตกต่างออกไป จากสมัยที่เขายังค้าแข้งให้กับ Brighton

แม้ว่า Liverpool จะสามารถเก็บชัยชนะเหนือ Everton ได้ ในศึก Merseyside Derby ไปด้วยสกอร์ 2-0 ในรายการ Premier League เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีบางประเด็นที่สำคัญให้นั่งถกเถียงกันต่อหลังจบเกมอยู่ดี

ในเกมดังกล่าว มีผู้เล่นหลายคนที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น Mohamed Salah ที่ได้รับรางวัล Man of the match หรือ Dominik Szoboszlai ที่ฟอร์มดีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง Virgil Van Dijk ที่กลับมาได้รับการยกย่องอย่างมาก กับบทบาทการเล่นเกมรับที่แข็งแกร่ง

แต่กับในรายของ Alexis ก็ยังคงเป็นข้อถกเถียงกันอย่างต่อเนื่องว่า เขามีความเหมาะสม หรือดีพอที่จะรับบทบาทในตำแหน่งกองกลางตัวรับ หรือกองกลางหมายเลข 6 ให้กับ Liverpool จริงหรือไม่

แม็ค อัลลิสเตอร์

ถ้าส่องฟอร์มของ Mac Allister หลังจบเกม Merseyside Derby, เขาทำสถิติ สัมผัสบอลไปทั้งหมด 102 ครั้ง, ผ่านบอลเข้าเป้า 89% และสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้ 3 ครั้ง ในขณะที่เกมรับดูจะเป็นปัญหา เนื่องจากเจ้าตัวทำสถิติได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นการชนะการดวลตัวต่อตัวกับคู่แข่ง ที่เขาทำได้สำเร็จเพียง 3 จาก 13 ครั้ง และแท็คเกิ้ลชนะคู่แข่งเพียง 2 จาก 6 ครั้งเท่านั้น

หากมองถึงบทบาทที่ Jurgen Klopp มอบให้กับ แม็ค อัลลิสเตอร์ เราจะพบว่าส่วนใหญ่ เจ้าตัวจะทำหน้าที่เป็นทั้งกองกลางตัวรับและ Play Maker จากแนวลึก แต่ดูเหมือนว่า เขาจะถนัดการทำหน้าที่อย่างหลังเสียมากกว่า

ด้วยเหตุที่กล่าวมานี้ ทำให้แฟนบอลหลายคนมองว่า Klopp ดื้อหัวชนฝาเกินไป กับการโยนกองกลางทีมชาติอาร์เจนตินา ลงไปเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์หมายเลข 6 ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวไม่ได้มีความโดดเด่นในเรื่องของการตัดเกม หรือการอ่านทางบอลเลย เมื่อเทียบกับตัวรับธรรมชาติอย่าง Wataru Endo ซึ่งแฟนบอล เดอะ ค็อป หลายคน ก็อยากจะเห็นเขาลงได้สนามในนัดนี้

หลายคนเชื่อว่า การส่ง “แม็คก้า” ลงไปเล่นในตำแหน่งดังกล่าว เป็นการใช้คนไม่ถูกที่ หรือใช้งานมิดฟิลด์ระดับดีกรีแชมป์โลกแบบ “เสียของ” โดยมีการเรียกร้องให้ Endo หรือ Gravenberch ที่ดูจะมีเซ้นส์มากกว่า ลงเล่นแทน

ในขณะเดียวกัน, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ยังถูกวิจารณ์ด้วยว่า การเล่นของเขานั้นไม่มีความเนียนตา เขาใช้เวลากับบอลมากเกินไปในจุดสุ่มเสี่ยงกลางสนาม มีจังหวะที่ออกบอลช้าบ่อยครั้ง และไม่สามารถช่วยเกมรับของทีมได้ ต่างจากตอนเล่นให้กับทีมชาติที่เจ้าตัวมักเล่นบอลจังหวะเดียว และหาช่องจ่ายให้เพื่อนทันที ซึ่งทำให้เขาไม่โดนคู่แข่งไล่กดดันมาก เหมือนกับที่เล่นให้สโมสร

อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์

ถ้าคิดในมุมมองของ Jurgen Klopp แล้ว แท็คติกของการใช้กองกลาง 3 คนของเขานั้น มีความแตกต่างจากทีมอื่น โดยเฉพาะในยามที่ Mac Allister ลงสนาม ซึ่งนายใหญ่ชาวเยอรมันมักใช้ 2 กองกลางที่เหลือในการช่วยวิ่งไล่เพรสบอล หรือแบ่งเบาภาระเกมรับ โดยในนัดล่าสุด Dominik Szoboszlai และ Ryan Gravenberch ก็ทำหน้าที่นี้ได้เป็นอย่างดี

และเมื่อดูจากรูปเกมที่เกิดขึ้น จะเห็นได้ว่า Liverpool ครองบอลได้มากกว่าคู่แข่งเกือบเท่าตัว ซึ่งการวาง แม็ค อัลลิสเตอร์ ไว้ตรงกลางสนาม จึงถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เมื่อมีคนช่วยในเกมรับอยู่แล้วถึง 2 คน

จริงอยู่ที่ Wataru Endo อาจจะเป็นนักเตะตัวรับโดยธรรมชาติ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า สถานะของกองกลางทีมชาติญี่ปุ่นนั้น ไม่ใช่นักเตะตัวจริงแต่แรก ซึ่ง Klopp ก็แสดงความชัดเจนในเรื่องนี้ โดยการเลือก Mac Allister ลงสนามก่อนเสมอ ถ้าหากจะให้เขาไปเล่นเป็นบทบาทของหมายเลข 8 หรือหมายเลข 10 ก็คงต้องรอดูว่า ในเดือนมกราคมจะได้ Defensive Midfielder ตัวจริงเข้ามาเพิ่มหรือไม่

แน่นอนว่าในอีกด้านหนึ่ง บทบาทปัจจุบันของแข้งวัย 24 ปีก็ถูกยกไปเปรียบเทียบกับ Fabinho อดีตกองกลางตัวรับขนานแท้อย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งแฟนบอลและบรรดากูรูอาจจะคุ้นเคยมากกว่า กับการเห็นกองกลางตัวรับจริง  ๆ ลงสนาม ในขณะที่ แม็คก้า เองนั้น ถูกมองว่าเป็น Play Maker จากฟอร์มอันยอดเยี่ยมกับ Brighton เสียมากกว่า

Alexis Mac Allister

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครจะมองว่าอย่างไร แต่ตัวของ Jurgen Klopp ก็ยังคงเชื่อมั่นในการตัดสินใจของเขาเหมือนเดิม แบบที่เขาเคยทำมาตลอด 8 ปีที่ผ่านมา

และเมื่อใดที่นายใหญ่ชาวเยอรมัน ตัดสินใจส่ง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ลงสนามแล้ว ทีมก็ยังสามารถเก็บ 3 คะแนนไปได้เรื่อย ๆ และตัวเลขสถิติในเกมรับที่พวกเราเห็นกัน ก็คงไม่ใช่เรื่องที่สลักสำคัญอะไรอีกต่อไป….

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top