Man City vs Liverpool กับ 5 ประเด็นหลังเกม หงส์แดง บุกแบ่งแต้ม เรือใบสีฟ้า

Man City vs Liverpool เกมที่ถือว่าเป็นเกมบิ๊กแมตช์ที่สุด ในสัปดาห์ที่ 13 ของรายการ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่ง ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยการบุกไปแบ่งแต้มจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมลีก ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แบบสุดมันส์

ในเกมนี้ พลพรรคหงส์แดง ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ และทุ่มเทสุด ๆ จนคว้าแต้มกลับออกมาได้สำเร็จ และนี่คือ 5 ประเด็นที่พูดถึง ในเกมที่ยากที่สุดเกมหนึ่งของ ลิเวอร์พูล

1. ได้ 1 คะแนนสำคัญจากเกม Man City vs Liverpool

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์

คล็อปป์ พูดก่อนเกมนัดนี้ว่า ลูกทีมจะต้องเล่นให้ดีที่สุด หากหวังจะมีคะแนนกลับออกไป หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยอดเทรนเนอร์ชาวสเปน เดินหน้าเก็บชัยชนะที่บ้านในทุกรายการมาแล้วถึง 23 เกมติดต่อกัน  

ในช่วงแรกดูเหมือนว่า ลิเวอร์พูล ไม่สามารถรับมือกับการครอบครองเกมของ แมนฯ ซิตี้ ได้เลย และโดนเจ้าบ้านสร้างความกดดันใส่หลายจังหวะ ก่อนที่ เออร์ลิง ฮาแลนด์ หัวหอกชาวนอร์เวย์ จะโชว์ความเฉียบขาด ยิงเสียบเสาเข้าไปให้ “เรือใบสีฟ้า” ขึ้นนำ ซึ่งถือเป็นประตูแรกของเจ้าตัวที่ยิง “หงส์แดง” ได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลัง ลูกทีมของ คล็อปป์ ค่อย ๆ รวบรวมสติกลับมาเล่นในเกมของตนเอง และอาศัยช่องว่างในแนวรับของเจ้าถิ่น ซัดประตูตีเสมอจาก เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็คขวารองกัปตันทีม พร้อมแย่ง 1 แต้มกลับออกมาได้สำเร็จ

2. เสียประตูจากความผิดพลาด

อลิสซง เบ็คเกอร์

แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะพอใจกับผลการแข่งขัน และความพยายามของพวกเขาในเกม Man City vs Liverpool ก็ตาม, แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ในบางจุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความผิดพลาดส่วนบุคคลในจังหวะเสียประตูที่ อลิสซอน เบ็คเกอร์ นายทวารชาวบราซิล เปิดบอลพลาด  

ขณะเดียวกัน นักเตะในแดนกลาง และแนวรับฝั่งขวาอย่าง โดมินิค โซบอสไล และ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ไม่สามารถป้องกันการลากบอลของ นาธาน อาเก้ กองหลังเจ้าบ้านได้ ก่อนที่ ฮาแลนด์ จะตะบันประตูเข้าไป

ส่วน เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กองหลังกัปตันทีม ลิเวอร์พูล ก็ทำได้ไม่ดีนัก ที่ปล่อยพื้นที่ว่างให้กับ ฮาแลนด์ ได้มีเวลาง้างเท้าสับไกแบบง่าย ๆ ก่อนที่บรรดาแผงแบ็คโฟร์ “หงส์แดง” จะรวบรวมสมาธิกลับมาได้อีกครั้ง โดยที่ยังไม่เสียประตูเพิ่ม

>>>>> คลิกชมไฮไลท์ Man City 1-1 Liverpool <<<<<

3. ฮีโร่ผู้ปิดทองหลังพระ

ซิมิคาส

สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุด 2 จุดจากไลน์อัพของ คล็อปป์ ในเกมนี้คือ การออกสตาร์ทของ คอสตาส ซิมิกาส ในตำแหน่งแบ็คซ้าย และ โจเอล มาติป ในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง แต่ทั้งคู่ก็แสดงให้เห็นว่า เหมาะสมที่จะได้ลงเล่นเป็น 11 คนแรก

ซิมิกาส เคลียร์บอลได้ 3 ครั้ง และจ่ายบอลจังหวะสำคัญได้ 1 ครั้ง รวมถึงจัดการกับ ฟิล โฟเด้น แนวรุกเจ้าถิ่นได้เป็นอย่างดี แม้ก่อนหน้านี้ แบ็คซ้ายวัย 27 ปี ถูกมองว่า จะมีปัญหาเมื่อเจอกับคู่ต่อสู้ที่มีความเร็วกว่าก็ตาม

ขณะที่ มาติป เล่นได้อย่างมีสมาธิ และมั่นคงตลอดทั้งเกม โดยทำการเคลียร์บอลสูงสุด 5 ครั้ง และบล็อกลูกยิง ได้ 4 ครั้ง รวมถึงมีจังหวะลากบอลขึ้นมา เพื่อทำเกมด้วยตัวเองหลายครั้ง

4. อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ ในบทบาทกองกลางเบอร์ 6

แม็ค อัลลิสเตอร์

ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้เลย ที่ ลิเวอร์พูล จะผ่านเกมนี้ไปได้ โดยที่ไม่ต้องใช้งาน แม็ค อัลลิสเตอร์ เป็นกองกลางตัวรับหมายเลข 6 และด้วยการทำงานหนักในการช่วยตัดเกม ขึ้นเกม แต่เล่นบอลแบบง่ายๆ นั่นจึงทำให้หลายคน มองข้ามเขาไป

ดาวเตะชาวอาร์เจนตินา แสดงให้เห็นแล้วว่า เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ระดับท็อปของ พรีเมียร์ลีก โดย แม็ค อัลลิสเตอร์ ทำสถิติในเกมกับ แมนฯ ซิตี้ ด้วยการสกัดบอล 2 ครั้ง, เคลียร์บอล 2 ครั้ง, แย่งบอลได้ 3 ครั้ง และมีความแม่นยำในการผ่านบอลที่ดีที่สุดของ “หงส์แดง” ที่ 93.2%

แม็ค อัลลิสเตอร์ อาจไม่ใช่ตัวแทนที่ไร้รอยต่อของ ฟาบินโญ่ และบางทีนั่นอาจเป็นสิ่งที่ คล็อปป์ ต้องมองหาในที่สุด แต่เจ้าตัวก็พิสูจน์แล้วว่า เป็นการทำธุรกิจที่คุ้มค่าของ ลิเวอร์พูล

5. ได้ตัวสำรองกลับมาพร้อมหน้าอีกครั้ง ในเกม Man City vs Liverpool

Man City vs Liverpool

ไรอัน กราเฟนแบร์ช และ หลุยส์ ดิอาซ ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองแทนที่ของ เคอร์ติส โจนส์ และ ดิโอโก้ โชต้า และทั้งคู่ก็ไม่ทำให้ความสมดุลทางฝั่งซ้ายลดน้อยลงไป แถมยังช่วยให้เกมรุกดูไหลลื่นมากกว่าครึ่งแรกอีกด้วย

ขณะที่ โคดี กัคโป ก็ลงมาแทน โซบอสไล ที่เริ่มหมดแรง ส่วน ฮาร์วีย์ เอลเลียต และ วาตารุ เอ็นโด ก็ถูกส่งลงมาทำหน้าที่ในช่วงท้ายเกม แทน ดาร์วิน นูนเญซ และ แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่ต้องเดินทางไกล กลับมาจากการรับใช้ชาติ

บรรดานักเตะสำรองทั้งหมดช่วยให้ ลิเวอร์พูล มีความสดใหม่มากขึ้น ในการไล่บีบพื้นที่ของ แมนฯ ซิตี้ และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ “หงส์แดง” มีคะแนนกลับออกมา

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top