Spur vs Liverpool เกมที่ ลิเวอร์พูล ต้องเจอกับความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรก ในฤดูกาลนี้ หลังบุกไปพ่ายให้กับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ แบบหวุดหวิด ด้วยสกอร์ 2-1 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม แม้จะพบกับความปราชัย แต่พลพรรค หงส์แดง ก็แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทอย่างเต็มที่ ตลอดทั้ง 90 นาที โดยเกมดังกล่าว มีข้อถกเถียงกันอย่างมากมาย ถึงการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน ทั้งประเด็นลูกล้ำหน้าของ Luis Diaz และการแจกใบแดง จนทีมเยือนเหลือเพียง 9 คน และนี่คือ 5 ประเด็นสำคัญที่ต้องพูดถึง ในแมทช์ที่เต็มไปด้วยคำถาม
1.เกม Spur vs Liverpool ทำให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีขึ้น ของทีม ลิเวอร์พูล
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คงเป็นเรื่องยากสำหรับ คล็อปป์ และบรรดาลูกทีมของเขา ในการค้นหาผลลัพธ์เชิงบวก หลังจากพ่ายแพ้ ในสถานการณ์ที่น่าสะเทือนใจแบบนี้ แต่มันเป็นอีกครั้งที่ ลิเวอร์พูล เวอร์ชั่น 2.0 แสดงให้ทุกคนเห็นว่า พร้อมเป็นหนึ่งในทีมที่จะท้าทายการลุ้นแชมป์ ไปจนจบฤดูกาล
ในช่วงเริ่มต้นเกม ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่ง และสามารถควบคุมเกมไว้ได้ รวมถึงมีจังหวะจบสกอร์ที่มากกว่า สเปอร์ส แต่หลังจากที่ เคอร์ติส โจนส์ โดนใบแดง และถูกส่งตัวออกจากสนาม ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งทำให้ลูกทีมของ คล็อปป์ ต้องเล่นด้วยความรัดกุมมากขึ้น
แม้ในท้ายที่สุด ลิเวอร์พูล จะเหลือผู้เล่นเพียง 9 คน แต่ทีมของ คล็อปป์ ก็แสดงให้เห็นถึงความสามัคคี และมีสัญญาณที่บ่งบอก อย่างเป็นนัยสำคัญว่า พวกเขาพร้อม ที่จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในฤดูกาลนี้ และสำหรับแฟนบอล เดอะ ค็อป แล้ว แน่นอนว่า การพ่ายแพ้ มันเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวด แต่เราก็ได้เห็นถึงความทุ่มเท จิตวิญญาณนักสู้ และแนวโน้มที่ดีขึ้น ของทีมชุดนี้
2.คำถามเกี่ยวกับใบแดงที่ ลิเวอร์พูล ได้รับ
ลิเวอร์พูล เคยทำผลงาน เป็นจ่าฝูงตารางของการเล่นแบบ แฟร์เพลย์ ในศึก พรีเมียร์ลีก มา 5 ฤดูกาลติดต่อกัน ภายใต้การคุมทัพของ เยอร์เก้น คล็อปป์ แต่ในฤดูกาลนี้ พวกเขาโดนใบแดงถึง 4 ใบ จาก 7 เกม และมันต้องเป็นคำถามอย่างแน่นอน ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ไม่ใช่ว่าจู่ ๆ ทีมของ คล็อปป์ จะเปลี่ยนแนวทาง มาเล่นฟุตบอลแบบสกปรก โดยหลายคนเริ่มสงสัยว่า ลิเวอร์พูล กำลังตกเป็นเหยื่อของคำตัดสิน ที่น่ากังขาอยู่หลายครั้ง และ หงส์แดง ก็มักจะเป็นฝ่ายเสียประโยชน์ มากกว่า ได้ประโยชน์ ยิ่งในเกม Spur vs Liverpool ก็ยิ่งทำให้เห็นถึงข้อนี้ ได้อย่างชัดเจนเอามาก ๆ
ใบแดงของ โจนส์ ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคร้ายสุด ๆ เนื่องจากเจ้าตัวเหยียบบอลลื่น ก่อนจะไปโดนข้อเท้าของ อีฟ บิสซูม่า ขณะที่ใบเหลืองแรกของ ดิโอโก โชต้า ก็ดูเบาไปหน่อย เพราะเจ้าตัวตัดเกมกลางสนาม และแทบไม่ได้สัมผัสโดนตัวของ เดสตินี่ อูโดกี เลย ส่วนจังหวะใบเหลืองที่สอง ก็ไม่มีใครเถียงอยู่แล้ว
3.นักเตะแนวรุกที่ยังไว้ใจได้
แม้ ดาร์วิน นูเนซ หัวหอกทีมชาติอุรุกวัย จะพร้อมออกสตาร์ทในเกมนี้ได้ แต่ คล็อปป์ ไม่กล้าเสี่ยงใช้งาน เนื่องจาก ดาวยิงวัย 24 ปี มีปัญหาบาดเจ็บเล็กน้อย และก็เลือกใช้ โคดี้ กัคโป กองหน้าชาวดัตช์ ลงมาประจำการแทน
ในเกมเยือนระดับ บิ๊กแมทช์ แบบนี้ การเพรสซิ่งอย่างชาญฉลาดของ กัคโป คือ สิ่งที่จำเป็นที่สุด และการครอบครองบอล เพื่อเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่ถูกกดดัน ก็จำเป็นไม่แพ้กัน ซึ่งอดีตกองหน้า พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน ก็ทำหน้าที่ของตัวเอง ได้เป็นอย่างดี รวมถึงการที่เจ้าตัวยิงประตูตีเสมอให้กับทีมได้ด้วย
ในขณะที่ หลุยส์ ดิอาซ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็ยังโชว์ฟอร์มได้อย่างอันตราย และคุกคามแนวรับ สเปอร์ส ได้ตลอด ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะเหลือผู้เล่นเพียง 9 คน และทั้งคู่ ก็ต้องโดนเปลี่ยนตัวออกมา เพื่อรักษาพื้นที่ระหว่างกองกลาง และแนวรับเอาไว้
4.ความโชคร้ายของ โจเอล มาติป
มันเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของ คล็อปป์ ที่จะเลือกใช้ โจเอล มาติป ออกสตาร์ทเป็น 11 คนแรก ยืนคู่กับ เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ ในแผงแบ็คโฟร์ก่อน อิบราฮิมา โคนาเต้ ที่เพิ่งฟิตกลับมา เนื่องจาก ต้องการประสบการณ์ของปราการหลังวัย 32 ปี ในเกม Spur vs Liverpool
แม้ว่า มาติป จะทำเข้าประตูตัวเองในช่วงท้ายเกม แต่เราไม่ควรมองข้ามว่า อดีตกองหลังทีมชาติแคเมอรูนรายนี้ พิสูจน์ให้เห็นว่า เป็นการเลือกที่ถูกต้องของ คล็อปป์ หลังจากเคลียร์บอล ได้ถึง 10 ครั้ง ตลอดทั้งเกม
มาติป แสดงให้เห็นว่า ยังเป็นกองหลังที่ไว้ใจได้อยู่เสมอ เขายืนตำแหน่งได้อย่างยอดเยี่ยม อยู่ถูกที่ถูกเวลา และเก็บลูกกลางอากาศได้ทั้งหมด ซึ่งเจ้าตัวควรเดินออกจากสนาม ด้วยการถูกยกย่อง ถึงฟอร์มการเล่นอันแข็งแกร่งด้วยซ้ำ
5.จะต้องเจอกับการตัดสินที่ผิดพลาดแบบนี้อีกหรือไม่? หลังจากเกม Spur vs Liverpool
ชัดเจนว่า มันเป็นการตัดสินที่ไม่ถูกต้อง กับประตูของ หลุยส์ ดิอาซ ในครึ่งแรก ที่ถูกริบประตูคืน เนื่องจาก VAR มองว่า เป็นการล้ำหน้าทั้งที่ ปีกชาวโคลอมเบีย อยู่ต่ำกว่าแนวรับของ สเปอร์ส อย่างแน่นอน
ล่าสุด หลังจบเกม องค์กรอาชีพผู้ตัดสินฟุตบอลแห่งอังกฤษ หรือที่รู้จักกันในชื่อ PGMOL ออกมาแถลงการณ์ยอมรับแล้วว่า ประตูของ ดิอาซ ไม่ได้เป็นจังหวะล้ำหน้า และเป็นการตัดสินที่ผิดพลาด ซึ่ง ลิเวอร์พูล ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร จากการออกมาแถลงในครั้งนี้ และทำให้ คล็อปป์ รวมถึงนักเตะ หงส์แดง หลายคน มีอาการหัวเสียอย่างหนักกันเลยทีเดียว
ในช่วงที่เหลือของซีซันนี้ นอกจากจะต้องต่อสู่กับคู่แข่งแล้ว ลูกทีมของ คล็อปป์ ก็ต้องต่อสู้ กับคำตัดสินของกรรมการด้วย เช่นเดียวกัน