ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์

ศึก “แดงเดือด” เมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา ถือเป็นเกมที่แฟนบอล ลิเวอร์พุล มีความสุขมากที่สุดเลยก็ว่าได้ หลังจากพลพรรค “หงส์แดง” เดินหน้าไล่ถล่มอริตลอดกาลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบหมดทางสู้ด้วยสกอร์ 7-0 ชัยชนะนัดนี้ถือเป็นผลการแข่งขันที่ห่างกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์ในการพบกันของทั้ง 2 ทีม  แทนที่สถิติเดิม ซึ่ง ลิเวอร์พูล เคยชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ 7-1 ในศึกดิวิชั่น 2  เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ปี 1985 หรือ เมื่อ 128 ปีก่อน การเอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ครั้งนี้ อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในฤดูกาลนี้ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ และลูกทีมเลยก็ว่าได้ และนี่คือ 5 เรื่องหลักที่ควรพูดถึง หลังเกมส่ง “ปีศาจแดง” กลับบ้านแบบสุดเจ็บปวด 1. เปลี่ยน 3 ผู้เล่น […]

ลิเวอร์พูล ทีมดัง แห่งศึก พรีเมียร์ลีก ภายใต้การนำของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน กลับสู่ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมอีกครั้ง หลังจากเปิดสนาม แอนฟิลด์ ทุบเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 2-0 พร้อมสร้างความหวังในการลุ้นติดท็อปโฟร์มากขึ้น ขณะเดียวกัน พลพรรค “หงส์แดง” ยังสร้างความยอดเยี่ยมต่อเนื่องด้วยการเก็บคลีนชีตในลีกได้ 4 เกมติดต่อกัน ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับพวกเขาพอสมควร และนี่คือ 4 เรื่องหลัก ๆ ที่ควรพูดถึงหลังเกมถลกหนัง “หมาป่า” 1. แผงกองกลางใหม่ที่สมดุลย์ ลิเวอร์พูล ทีมดัง แห่งศึก พรีเมียร์ลีก หลังจากผิดหวังกับฟอร์มการเล่นที่บุกไปเสมอกับ คริสตัล พาเลซ แบบโนสกอร์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา คล็อปป์ หันมาใช้แผงมิดฟิลด์ใหม่อีกครั้ง โดยให้โอกาสดาวรุ่งอย่าง สเตฟาน บาย์จเซติช และ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ จับคู่กันเป็นครั้งแรก และมี ฟาบินโญ่ ยืนเป็นห้องเครื่องอยู่ข้างหลัง เกมกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน เรียกได้ว่า

ผลงานในช่วงนี้ของพลพรรค “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เรียกได้ว่าทำเอาสาวก “เดอะ ค็อป” ทั่วโลกต่างก็ต้องเซ็งไปตามๆกัน และดูเหมือนว่าทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน ไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นกลับมาสู่ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมได้ง่ายๆเลย จากทีมที่เคยลุ้นแชมป์เมเจอร์ 4 รายการเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้ ลิเวอร์พูล กลายเป็นคนละทีมจากที่หลายๆคนเคยรู้จัก โดยบรรดานักเตะคีย์แมนที่เคยเล่นด้วยความฟิต กระฉับกระเฉง มุ่งมั่น กลับกลายเป็นแสดงออกทางจิตใจ และภาษากายที่แย่มากๆจากความเหนื่อยล้าที่สะสมมา อย่างไรก็ตาม แม้จะตกรอบฟุตบอลถ้วยในประเทศอย่าง เอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ รวมถึงหมดลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก แทบจะแน่นนอนแล้ว แต่เมื่อมองในเชิงบวกมันก็ยังพอมีเรื่องดีๆอยู่บ้างที่อาจช่วยเยียวยาจิตใตแฟนบอลให้อดทนเชียร์ไปจนจบซีซั่นนี้  1. เยอร์เก้น คล็อปป์ กล้าดร็อปนักเตะตัวหลักที่ฟอร์มตก ในช่วงนี้ คล็อปป์ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พร้อมให้โอกาสนักเตะอย่าง โจ โกเมซ, สเตฟาน บายจ์เซติช และ นาบี เกอิต้า ลงสนามเป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าผลการแข่งขันจะออกมาไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้ก็ตาม แผงมิดฟิลด์ที่มีปัญหาเมื่อ ฟาบินโญ่ และ จอร์แดน

มีการเรียกร้องให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล เสริมความแข็งแกร่งให้กับแดนกลางตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่า สถานการณ์ของพลพรรค “หงส์แดง” กำลังเข้าขั้นวิกฤตอย่างหนัก และส่อแววพลาดตั๋วไปเล่นใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปีหน้าค่อนข้างสูงเลยทีเดียว แผงมิดฟิลด์เป็นจุดที่อ่อนแอที่สุดของ ลิเวอร์พูล ในปีนี้ โดยหลังจากผ่านครึ่งฤดูกาลปัญหาต่างๆ เริ่มแสดงออกมาอย่างชัดเจน และตอนนี้ถึงแม้จะมีนักเตะหลายคนหายเจ็บกลับมาแต่ดูเหมือนว่า ลูกทีมของ คล็อปป์ ยังไม่มีทีท่าจะดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย โครงการยกเครื่องแดนกลางของ เยอร์เก้น คล็อปป์ หลังสิ้นสุดฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล วางโครงการจะถ่ายเลือดแดนกลางครั้งใหญ่ หลังจากนักเตะอย่าง นาบี เกอิต้า, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน และ เจมส์ มิลเนอร์ จะหมดสัญญา ส่วน อาตูร์ เมโล่ ก็จะถูกส่งกลับไปที่ ยูเวนตุส ซึ่งมองไปแล้วจะเห็นได้ว่า มีพื้นที่ว่างให้ผู้เล่นใหม่เยอะพอสมควร จู๊ด เบลลิงแฮม เป็นเป้าหมายตัวเลือกแรกของ คล็อปป์ แต่ดูเหมือนว่า โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จะไม่ยอมปล่อยตัว ดาวเตะวัย