ประโยชน์อันใดที่ ลิเวอร์พูล จะได้ จากการไปลุยในศึก ยูโรป้า ลีก

ยูโรป้า ลีก ศึกสังเวียนผืนหญ้าที่ถูกหลายคนมองว่ามี ‘ฐานันดรศักดิ์’ น้อยกว่ารายการ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก น่าจะเป็นเส้นทางของ ลิเวอร์พูล ในการลุยรายการยุโรปฤดูกาลหน้า อย่างแน่นอนแล้ว

ซึ่ง ลิเวอร์พูล เองก็ใกล้จะได้รบทราบเรื่องที่จั่วหัวไปข้างต้นอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หากว่าทีมอันดับ 4 อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถเก็บแต้มจากเกมนัดที่ 37 ในการต้อนรับการมาเยือนของ เชลซี คืนวันพฤหัสบดีนี้ได้สำเร็จ

โดยทีม ปีศาจแดง ต้องการเพียงคะแนนเดียวเท่านั้น ก็จะการันตีการได้ไปเล่น ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซันหน้าทันที และจะทิ้งให้ ลิเวอร์พูล ต้องหลุดจากการลุ้นคว้า ‘ถ้วยหูใหญ่’ ใบนี้เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งพวกเขาสร้างสถิติที่น่าทึ่งด้วยการเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ถึง 3 จาก 5 ครั้งหลังสุด

ต้องบอกว่าจริง ๆ แล้ว ยูโรป้า ลีก ถือเป็นรายการที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ มีความคุ้นเคยอยู่ไม่น้อย เพราะในซีซันแรกที่เข้ามารับงานคุมทีมที่ แอนฟิลด์ เขาก็สามารถพาทีมทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จมาแล้ว แต่น่าเสียดายที่ต้องอกหักพ่ายให้กับเจ้าพ่อของถ้วยใบนี้อย่าง เซบีญา

ยูโรป้า ลีก นัดชิง ปี 2016
ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ให้กับ เซบีญา ในนัดชิงชนะเลิศ
ด้วยสกอร์ 1-3 เมื่อปี 2016

และเนื่องในโอกาสที่ ลิเวอร์พูล กำลังจะได้กลับไปเล่นในถ้วยใบนี้อีกครั้งในซีซันหน้า (หากไม่มีการพลิกล็อคแบบวินาศสันตะโร) มันก็เลยมีคำถามที่น่าสนใจว่า พวกเขาจะได้ประโยชน์อะไรจากการลงเล่นในรายการนี้?

ในสายตาของแฟนบอลทั่วไปก็มองว่าถ้วย ยูโรป้า ลีก เป็นรายการที่มีแต่ทีมที่ไม่ได้แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ หากจัดตัวนักเตะแบบเน้น ๆ สักหน่อย ก็มีสิทธิ์ที่จะผ่านเข้าถึงรอบลึก ๆ ได้อย่างไม่ยากเย็น ทีมที่ต้องเจอส่วนใหญ่ก็อยู่ในระดับกลางตารางของลีกใหญ่ในยุโรปผสมรวมกับพวกทีมดังในลีกเล็ก ๆ

อาจจะต้องเจอกับพวกทีมขาใหญ่บ้าง แต่ก็คงจะเป็นรอบเพลย์ออฟที่คัดเลือกทีมไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เหมือนที่ บาร์เซโลนา อันดับ 3 จากรอบแบ่งกลุ่ม UCL  ที่ต้องมาเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อหาทีมผ่านเขาสู่รอบน็อคเอาท์ต่อไป

ในอีกมุมหนึ่ง การเจอกับทีมที่ไม่ได้แข็งแกร่งมากเท่ากับ แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่จะได้ลองให้โอกาสนักเตะที่อาจจะไม่ได้ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่มากเท่าที่ควร รวมทั้งพวกดาวรุ่งที่กำลังจะก้าวขึ้นมาท้าทายตำแหน่งตัวจริงของพวกพี่ ๆ ในทีมชุดใหญ่ได้พิสูจน์ตัวเองหรือลับฝีเท้ากันบ้าง

ลิเวอร์พูล U-23
ลิเวอร์พูลชุด U-23

เช่นเดียวกับโค้ชหลาย ๆ คนที่ผ่านมา เราได้เห็นพวกเขาส่งทีมชุดผสมลงสนามในรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่จะมีแกนหลักเป็นตัวสำรองและเด็ก ๆ ดาวรุ่ง ซึ่งตรงจุดนี้ ลิเวอร์พูล ก็สามารถทำแบบนั้นได้ ถ้ามองตัวนักเตะที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ มีอยู่ในมือ ณ เวลานี้ มีหลายคนที่ถ้าหากยังอยู่กับทีมต่อไปในฤดูกาลหน้า ก็มีสิทธิ์ที่จะได้ลงเล่นเป็นตัวหลักใน ยูโรป้า ลีก เพื่อสร้างผลงานให้เข้าตาผู้จัดการทีมด้วยเช่นกัน

กองหลังอย่าง โจ โกเมซ ที่มีข่าวว่าอาจจะย้ายทีมหลังจบฤดูกาลก็น่าจะกลับมาได้โอกาสลงเล่น หลังจากที่ตลอดทั้งซีซันนี้เจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้ไม่ค่อยดีนักและโดนวิจารณ์อย่างหนัก แต่อย่าลืมว่า โกเมซ มีอายุเพียงแค่ 26 ปีเท่านั้น ถือเป็นช่วงที่กำลังพีคของอาชีพค้าแข้ง และหากเขาสามารถสลัดอาการบาดเจ็บออกไปได้ โอกาสในการกลับมาคืนฟอร์มก็คงไม่ยากเท่าไหร่

สเตฟาน บายจ์เซติช กองกลางดาวรุ่งที่โชว์ฟอร์มได้ดีในช่วงครึ่งซีซันหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะโชคร้ายได้รับบาดเจ็บยาวจนต้องปิดเทอมไป ก็มีสิทธิ์ที่จะได้ลงเล่นเป็นตัวหลักในรายการนี้ด้วยเหมือนกัน ถ้าหากว่า คล็อปป์ ดึงเอากองกลางรายใหม่เข้ามาร่วมทีมได้สำเร็จในช่วงซัมเมอร์

จริงอยู่ที่ บายจ์เซติช เป็นนักตะที่มีพรสวรรค์และเป็นความหวังของ ลิเวอร์พูล ในอนาคต แต่ก็ต้องยอมรับเหมือนกันว่า เป้าหมายของ หงส์แดง ในซีซันหน้า คือการกลับไปติดท็อปโฟร์ให้ได้เป็นอันดับแรก การฝากความหวังทั้งหมดเอาไว้ที่นักเตะดาวรุ่งคงเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ นอกเสียจากว่า เขาจะสามารถระเบิดฟอร์มเทพออกมาได้ อันนั้นก็ค่อยไปว่ากันทีหลัง

นูนเญซ-บายจ์เซติซ ที่อาจได้โอกาสใน ยูโรป้า ลีก
เอลเลียตต์ – นูนเญซ – บายจ์เซติช

นอกจากนั้นยังมี 2 แนวรุกที่สามารถใช้เวทีนี้ในการคืนฟอร์มเก่งได้ นั่นก็คือ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ และ ดาร์วิน นูเญซ

อดีตแข้ง ฟูแลม ไม่ค่อยได้รับโอกาสมากเท่าไหร่ตลอดซีซันที่ผ่านมา แม้ว่าเจ้าหนู คาร์วัลโญ จะเคยทำประตูสำคัญได้ แต่ฟอร์มการเล่นในภาพรวมถือว่าสอบตกอย่างแรง เจ้าตัวยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับระบบของ ลิเวอร์พูล ได้ รวมทั้งเรื่องของพละกำลังและความแข็งแกร่งก็ยังมีคำถามมากมาย

หาก คาร์วัลโญ ไม่ถูกปล่อยยืมตัวเสียก่อน เชื่อว่า คล็อปป์ คงจะให้โอกาสในการได้พิสูจน์ตัวเองใน ยูโรป้าลีก การเจอกับทีมที่ไม่แข็งแกร่งมากน่าจะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กลับมาและได้แสดงศักยภาพที่แท้จริงให้ผู้จัดการทีมได้เห็นด้วย

ส่วน ดาร์วิน นูนเญซ นั้น คงได้โอกาสใช้การแข่งขันรายการนี้ในการคืนฟอร์มด้วยเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมาเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นตัวเลือกลำดับ 4-5 ในแดนหน้าไปแล้ว หลังจากที่ ดิโอโก้ โชต้า และ หลุยส์ ดิอาซ กลับมาจากการบาดเจ็บและทำผลงานได้อย่างน่าชื่นชม

ซาลาห์-ดาร์วิน
ดาร์วิน นูนเญซ ยังต้องพัฒนาและทำความเข้าใจกับทีมให้มากขึ้น

ปัญหาเรื่องภาษาก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ฉุดรั้งให้เขายังไม่ได้รับความไว้วางใจมากเท่าที่ควร แม้จะยิงไปถึง 15 ประตูในฤดูกาลแรกของตัวเอง แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงระบบการเล่นในช่วงหลัง ทำให้นักเตะต้องทำความเข้าใจและสื่อสารกันมากกว่าเดิม การลงสนามในถ้วยยุโรปใบนี้ น่าจะช่วยให้แข้งอุรุกวัยได้มีการเรียนรู้และทำความเข้าใจกับเพื่อนร่วมทีมได้มากขึ้นด้วยเหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม ยูโรป้า ลีก ก็ยังเป็นรายการที่จะประมาทคู่แข่งไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง เพราะถ้วยใบนี้ก็ถือเป็นศักดิ์ศรีระดับแชมป์ยุโรปเหมือนกัน ทุกทีมที่ลงเล่นในรายการนี้ก็ต้องการที่จะมีชื่อเป็นผู้ชูถ้วยแชมป์กันทั้งนั้น แถมยังได้โควต้าในการไปเล่น ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ในซีซันต่อไปเป็นโบนัสอีกต่างหาก มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประสบความสำเร็จได้

แต่ไม่ว่าจะได้ลงเล่นในถ้วยไหน เยอร์เก้น คล็อปป์ และ ลิเวอร์พูล ก็ต้องเตรียมตัวให้ดีที่สุด

พราะในซีซันหน้า ความคาดหวังจากแฟนบอลจะกลับมา และพวกเขาจะทำพลาดเหมือนในปีนี้ไม่ได้อีกแล้ว

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top