5 ประเด็นหลังเกม ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเชือด สเปอร์ส แบบสุดมันส์

ลิเวอร์พูล ทีมดัง แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ภายใต้การนำของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน ทำเอาแฟนบอลใจหายใจคว่ำ หลังจากเปิดรัง แอนฟิลด์ เฉือนเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ไปแบบหวุดหวิด 4-3 ในเกมลีกเมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา

 ในช่วง 15 นาทีแรกดูเหมือนจะเป็นงานง่ายของ พลพรรค “หงส์แดงหลังขึ้นนำทีมเยือนไปก่อนถึง 3 ประตู แต่ลูกทีมของ คล็อปป์ กลับเฉื่อยชาจนโดนตามตีเสมอ 3-3 ก่อนจะได้ ดิโอโก โชต้า สวมบทฮีโร่ซัดประตูชัยในนาทีสุดท้าย และนี่คือ 5 ประเด็นที่นำมาพูดถึงหลังเกมที่ตื่นเต้นที่สุดของซีซัน  

ลิเวอร์พูล ทีมดัง

1. ลิเวอร์พูล ทีมดัง แห่งศึก พรีเมียร์ลีก ได้ หลุยส์ ดิอาซ กลับมาลงสนาม

เกมนี้เป็นการออกสตาร์ทครั้งแรกของ ดิอาซ ให้กับ หงส์แดง ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว และไม่ต้องสงสัยเลยว่า การที่เจ้าตัวกลับมาฟิตสมบูรณ์นั้น จะทำให้ คล็อปป์ มีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น และมีขุมกำลังเชิงลึกที่มีคุณภาพมากกว่าเดิม

ปีกชาวโคลอมเบีย ยังคงแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมในการเอาชนะการดวลต่อตัวต่อตัวกับกองหลัง ความเร็ว และเทคนิคการเอาตัวรอด นอกจากนี้ ดิอาซ ยังยิงได้ 1 ประตูด้วย และถึงแม้ครึ่งหลังจะดูเงียบๆไปบ้าง แต่เขาก็เป็นตัวอันตรายสำหรับแนวรับ สเปอร์ส อย่างแท้จริง

ในฤดูดาลนี้ ลิเวอร์พูล เหลือการแข่งขันอีกเพียง 5 เกม และการที่มีนักเตะอย่าง ดิอาซ อยู่ในทีมนั้น ก็ทำให้มีความหวังว่า จะสามารถยิงประตูคู่แข่งได้ทุกนัด

2. เกมรับที่ยังสับสนกับแท็คติคใหม่

เทรนต์-อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ปรับตัวเข้ากับระบบใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งทำให้ได้ขยับขึ้นไปเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์อย่างเต็มตัวคู่กับ ฟาบินโญ่ ห้องเครื่องชาวบราซิล แต่ช่องว่างที่ ดาวเตะวัย 24 ปี ทิ้งเอาไว้นั้น คล็อปป์ ยังต้องแก้ปัญหาอีกพอสมควร

อิบราฮิมา โกนาเต้ คือ คนที่ต้องทำงานหนักในบทบาทเซ็นเตอร์แบ็คฝั่งขวา ซึ่งต้องคอยปิดพื้นที่ของ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และประตูแรกที่เสียให้กับ สเปอร์ส นั้น กองหลังชาวฝรั่งเศส ขยับขึ้นไปบีบพื้นที่แดนกลางทำให้แนวรับฝั่งขวาเกิดช่องว่าง

ขณะที่ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ก็ยังดูสับสนกับการยืนตำแหน่งของตัวเอง ส่วน แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ก็ต้องรับบทหนักในแนวรับฝั่งซ้ายที่ต้องเจอสถานการณ์ 2 ต่อ 1 แทบตลอด และตาละประตูที่เสียไปมันทำให้เห็นช่องว่างมาหกมายในเกมรับของ ลิเวอร์พูล

บางทีการเสริมกองกลางคนใหม่เข้ามาอาจจำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้ โกนาเต้ หรือ โรเบิร์ตสัน ต้องขยับขึ้นสูงเพื่อไปบีบพื้นที่ตรงกลางสนาม

3. เกมที่บ้าคลั่ง และจบลงด้วยชัยชนะครั้งสำคัญ

ฟอร์มการเล่นของของ ลิเวอร์พูล ในปีนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนบอลได้เสมอ แต่แน่นอนว่า มันไม่ใช่เรื่องดีเลยที่ในการยิงนำคู่แข่งไปก่อน 3 ประตู และปล่อยให้โดนตามตีเสมอ 3-3 ก่อนจะยิงประตูชัยเอาชนะในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย

บรรยากาศของ แอนฟิลด์ ค่อนข้างเงียบหลังจาก ลิเวอร์พูล นำห่าง 3-0 ในช่วง 15 นาทีแรก ซึ่งบางทีมันอาจจะดูเหมือนทุกๆอย่างจะง่ายเกินไป และสาวก “เดอะ ค็อป” ก็กำลังมีความสุขเต็มที่กับผลงานของทีมในช่วงต้นเกม

สเปอร์ส ค่อยๆฉกฉวยพื้นที่ว่างหลังแนวรับเจาะประตู ลิเวอร์พูล จนตีเสมอได้สำเร็จ ทั้งที่เกมดูน่าจะจบไปนานแล้ว แต่ลูกทีมของ คล็อปป์ ยังทำเรื่องง่ายให้กลายเป็นเรื่องยาก และหากพลาด 3 คะแนนในเกมนี้ พวเขาคงโดนวิจารณ์อย่างหนักแน่นอน

ลิเวอร์พูล ทีมดัง

4. ผู้เล่นตัวจริงจากเด็กท้องถิ่น

รายชื่อนักเตะ ลิเวอร์พูล ที่เจอกับ สเปอร์ส เป็นการผสมผสานระหว่างนักเตะท้องถิ่น และผู้เล่นฝีเท้าดีจากหลายประเทศ โดย อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และ เคอร์คิส โจนส์ เป็นเด็กที่เติบโตมาจากอคาเดมี่ ขณะที่ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ก็เป็นดาวรุ่งชาวอังกฤษ

อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, โจนส์ และ เอลเลียตต์ จะยังคงเป็นแกนหลักของ ลิเวอร์พูล ภายใต้การนำของ คล็อปป์ ไปอีกหลายปี และในปีหน้า เราอาจจะได้เห็นผู้เล่นอายุน้อยทั้งที่ย้ายมาจากสโมสรอื่น และจากทีมเยาวชนก้าวเข้ามามีส่วนร่วมกับทีมเพิ่มอีก

5. ฟุตบอลยุโรปในปีหน้าของ ลิเวอร์พูล ทีมดัง แห่งศึก พรีเมียร์ลีก

หากมองตามฟอร์มโดยภาพรวมมันแทบไม่น่าเชื่อว่า ก่อนเกม สเปอร์ส ทีมนี้จะอยู่เหนือ ลิเวอร์พูล, ไบรท์ตัน และ แอสตัน วิลล่า ในตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก แต่ตอนนี้ “หงส์แดง” พลิกกลับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 5 เรียบร้อยแล้ว

ผลจากความตกต่ำของ สเปอร์ส ในหลายๆเกมที่ผ่านมา ทำให้ ลิเวอร์พูล ที่กำลังมั่นใจ และเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้แล้วนั้น น่าจะคว้าตั๋วไปเล่นในศึกฟุตบอล ยูโรป้า ลีก ในปีหน้าแทบจะแน่นอนแล้ว

อย่างไรก็ตาม การทำอันดับติดท็อปโฟร์ไปเล่นใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลหน้าของ ลิเวอร์พูล ก็แทบจะหมดหวังไปแล้วเช่นกัน

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top