พลันที่ข่าวจาก ฟาบริซิโอ โรมาโน สื่อระดับเทียร์ 1 เจ้าดังหลุดออกมาว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และเอเยนต์ยังไม่มีแผนในการต่อสัญญาใหม่กับ ลิเวอร์พูล แม้ว่าเจ้าตัวจะยืนยันว่าต้องการค้าแข้งในถิ่น แอนฟิลด์ ต่อไปก็ตาม เสียงสะท้อนจากแฟนบอลส่วนใหญ่เป็นไปในทางเดียวกันว่า “สโมสรย่อมสำคัญกว่านักเตะเสมอ”
ข่าวคราวการเจรจาเรื่องสัญญาฉบับใหม่ระหว่างกองหน้าทีมชาติอียิปต์และทีม หงส์แดง ยืดเยื้อกันมานานตั้งแต่ปลายซีซันก่อน ในขณะที่ทางสโมสรได้จับนักเตะตัวหลัก ๆ จรดปากกาต่อสัญญาใหม่ไปเมื่อช่วงซัมเมอร์ไม่ว่าจะเป็น เวอร์จิล ฟาน ไดค์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์–อาร์โนลด์, ฟาบินโญ, อลิสซอน เบ็คเกอร์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน หรือแม้กระทั่ง แน็ต ฟิลลิปส์ ไปเป็นที่เรียบร้อย
สัญญาฉบับปัจจุบันของ ซาลาห์ จะหมดลงในเดือนมิถุนายนปี 2023 ถ้านับจนถึงตอนนี้ก็เหลืออีกไม่ถึง 16 เดือน ซึ่งตามปกติแล้ว สโมสรส่วนใหญ่จะเริ่มพิจารณาสัญญาของนักเตะตอนที่เข้าสู่ 18 เดือนสุดท้าย คือต้องรีบเจรจากันให้เสร็จภายในช่วงซัมเมอร์ หรือประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายน
หากไม่สามารถดำเนินการได้หรือการพูดคุยกันไม่ลงตัวในช่วงดังกล่าว ก็ยังพอมีเวลาที่จะโน้มน้าวผู้เล่นในระหว่างฤดูกาลซึ่งถ้าตกลงกันได้ก็ไม่มีปัญหา แต่หากไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกันได้ ช่วงซัมเมอร์สโมสรก็อาจจะต้องยอมขายผู้เล่นคนนั้นออกจากทีมไป
ที่เป็นเช่นนี้, เพราะหากนักเตะเหลือสัญญาเพียง 12 เดือน มันมีความเป็นไปได้สูงที่เจ้าตัวจะต้องการย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัวเพื่อเป็นข้อต่อรองในการรับค่าเหนื่อยที่เพิ่มขึ้นจากสโมสรใหม่ ซึ่งด้วยเงื่อนไขของกฎบอสแมน นักเตะจะสามารถเปิดเจรจาย้ายทีมได้แบบไม่มีค่าตัวกับทีมจากลีกนอกประเทศได้เมื่อเข้าสู่ช่วง 6 เดือนสุดท้ายของสัญญาหรือประมาณเดือนมกราคม และจะสามารถเปิดการเจรจาย้ายภายในประเทศได้หลังหมดสัญญาถาวร
กรณีแบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วกับ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ที่มีข่าวว่าเจ้าตัวไม่ค่อยพอใจข้อเสนอของสโมสรและปล่อยให้สัญญาหมดลง เพื่อย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัว และไม่นานนักก็ไปโผซบ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง พร้อมสัญญา 3 ปีและรับค่าเหนื่อยเพิ่มเป็น 2 เท่าจากของเดิม
ในเคสของ ซาลาห์ ทีมงาน หงส์แดง ก็พยายามที่จะโน้มน้าวให้เจ้าตัวจรดปากกาเซ็นสัญญาตามหลังเพื่อน ๆ เหมือนกัน หากแต่เอเยนต์ของนักเตะมองว่าด้วยสถิติ ฟอร์มการเล่น และอายุของนักเตะ สมควรที่เขาจะได้รับสัญญาที่ดีที่สุด เพราะมันอาจจะเป็นสัญญาฉบับสุดท้ายกับสโมสร
นั่นจึงเป็นที่มาของการยื้อกันไปมาจนถึงตอนนี้
ตัดกลับมาที่แฟนบอล หลังได้รู้ข่าวจาก โรมาโน ว่า ซาลาห์ และเอเยนต์ไม่มีแนวโน้มที่จะต่อสัญญาใหม่ ส่วนใหญ่จึงมองไปที่อนาคตของสโมสรและการหาตัวแทนแข้งอียิปต์ในช่วงซัมเมอร์
แน่นอนว่าหากไม่มีการต่อสัญญา ลิเวอร์พูล ก็อาจจะต้องตัดใจยอมขายทิ้งหลังจบฤดูกาล ซึ่งดูแล้วค่าตัวของดาวยิงไอยคุปต์ไม่น่าจะต่ำกว่าระดับ 50 ล้านปอนด์ ซึ่งเงินจำนวนนี้เมื่อเอาไปรวมกับแข้งสำรองอีกหลายรายที่น่าจะโดนปล่อยออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์เช่นกัน จะทำให้ ลิเวอร์พูล มีรายรับไม่น้อยกว่า 100 ล้านปอนด์
เงินระดับนี้สามารถมองไปที่นักเตะฝีเท้าดีหลายคนใน พรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะพวกที่เคยตกเป็นข่าวกับ หงส์แดง ไม่ว่าจะเป็น จาร์ร็อด โบเวน ปีก เวสต์แฮม, ราฟินญา แข้งตัวเก่งจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด และ บูคาโย ซาก้า ดาวรุ่งฟอร์มฮ็อตของ อาร์เซนอล
เหตุผลที่ทำให้เชื่อว่า 3 รายนี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด หนึ่งคือพวกเขาเล่นใน พรีเมียร์ลีก อยู่แล้ว ไม่ต้องปรับตัวให้มากมาย ซึ่ง เยอร์เก้น คล็อปป์ และทีมงานได้เห็นฟอร์มกันอยู่แทบทุกสัปดาห์ ข้อสองคือเรื่องอายุของแต่ละคนก็ยังไม่มาก โบเวน และ ราฟินญา อายุเท่ากันที่ 25 ปี ส่วน ซาก้า นั้นแค่ 20 ปี ซึ่งนักเตะส่วนใหญ่ที่ คล็อปป์ ซื้อนั้นมักอยู่ในช่วงอายุดังกล่าวพอดี
ข้อสาม เรื่องค่าตัวที่น่าจะอยู่ในระดับ 50-60 ล้านปอนด์ ถือว่าไม่แพงเกินไปในยุคสมัยนี้ และข้อสี่ ในรายของ โบเวน และ ซาก้า ได้โควต้าโฮมโกรนเข้ามาเพิ่มด้วย ทำให้น่าสนใจมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม, คล็อปป์ และทีมงานอาจมีตัวละครลับที่เราไม่รู้ซ่อนอยู่ แต่ก็เชื่อว่าคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่พวกเขาจะตามหาแข้งที่จะมาแทนที่ ซาลาห์ ได้หากมีการย้ายทีมเกิดขึ้นจริง ๆ
หรือบางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้ต้องการนักเตะใหม่เลยก็ได้ เพราะในทีมยังมี ฮาร์วีย์ เอลเลียต และ หลุยส์ ดิอาซ ที่สามารถเล่นได้ทั้ง 2 ฝั่งและผ่านการพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าสามารถรับมือกับเกมหนักในอังกฤษได้
กว่าเรื่องนี้จะได้บทสรุปก็คงต้องตามลุ้นจนจบซีซัน เมื่อถึงตอนนั้นเราก็จะได้รู้ว่า ซาลาห์ จะอยู่หรือไป พร้อม ๆ กับที่ ลิเวอร์พูล จะได้เพิ่มอีกกี่แชมป์…