ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมชุดท้ายได้ 4 ทีมแรกผ่านเข้าไปเล่นในรอบควอเตอร์ไฟนอล หลังจากที่ทราบผลของคู่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ – สปอร์ติ้ง ลิสบอน และ เรอัล มาดริด – ปารีส แซงต์–แชร์กแมง เป็นที่เรียบร้อย
ลิเวอร์พูล, บาเยิร์น มิวนิค, แมนฯ ซิตี้ และ เรอัล มาดริด คือ 4 สโมสรแรกที่ไปรอจับฉลากในวันที่ 18 มีนาคมนี้ โดยยังเหลือการแข่งขันอีก 4 คู่ ไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – แอตเลติโก้ มาดริด, อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม–เบนฟิก้า, ยูเวนตุส–บียาเรอัล และ ลีลล์–เชลซี
เมื่อดูจากชื่อชั้นแล้วก็พอจะเดาได้ว่าในรอบ 8 ทีมสุดท้ายจะมีแต่พวกเสือสิงห์กระทิงแรดทั้งนั้น ซึ่งว่ากันว่าทีมที่ผ่านมาเข้ามาในรอบนี้ได้คือ “ของจริง” ล้วน ๆ และนี่คือ แชมเปี้ยนส์ลีก แท้ ๆ ที่ทุกคนเฝ้าจับตามอง
สถานการณ์ของ 4 ทีมแรกมีความดรามาคละเคล้ากันไป ลิเวอร์พูล ไม่ได้เจองานง่ายอย่างที่ทุกคนคิด แม้ว่าในนัดแรกจะบุกไปเอาชนะ อินเตอร์ มาได้ก่อน 2-0 เพราะเกมคุณภาพสูงแบบนี้การพลิกล็อคย่อมเกิดขึ้นได้ทุกช่วงเวลา และต้องยอมรับว่าทีม งูใหญ่ มีฟอร์มที่ดีกว่าทั้ง 2 เกมเพียงแต่ขาดความเฉียบคมและประสบการณ์เท่านั้น
ในขณะที่ ปารีส แซงต์–แชร์กแมง ที่เปิดบ้านเฉือน เรอัล มาดริด มาได้ก่อน 1-0 แถมในเกมเลก 2 ยังบุกยิงขึ้นนำได้ก่อนอีกต่างหาก แต่ใครจะไปคิดว่า คาริม เบนเซมา จะใช้เวลาเพียง 17 นาทีในการกดแฮททริคให้เจ้าบ้านลอยลำเข้าสู่รอบต่อไปได้อย่างเหลือเชื่อ
หรือจะเป็น บาเยิร์น มิวนิค ที่เปิดบ้านไล่ถล่ม เร้ดบูล ซัลซ์บวร์ก ชนิดที่เรียกได้ว่า “บอลคนละชั้น” ไป 7-1 ทั้ง ๆ ที่เกมแรกดูเหมือนจะลำบากเพราะทำได้แค่บุกไปเสมอมา 1-1 เท่านั้น
ทางด้าน แมนฯ ซิตี้ ไม่มีอะไรต้องลุ้นมาก พวกเขาถล่ม สปอร์ติ้ง คาบ้านมาแล้ว 5 เม็ด เกมเมื่อคืนนี้จึงเป็นการประคองตัวเพื่อเข้ารอบแบบไม่ให้มีอะไรเสียหาย
ส่วนอีก 4 ทีมที่เหลือ บิ๊กแม็ตช์ก็คงเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ แอตเลติโก้ มาดริด ซึ่งทั้งคู่ฟอร์มในลีกก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และอยู่ในสถานะลุ้นท็อปโฟร์เหมือนกัน เกมคู่นี้จึงสามารถออกได้ทุกหน้า อีก 3 คู่ดูแล้วน่าจะเดาได้ไม่ยาก ถ้าไม่พลิกล็อควินาศสันตะโรกันหมด
สาวก หงส์แดง คงต้องอดทนรออีก 1 สัปดาห์กว่าจะได้รู้ว่าพวกเขาจะถูกจับมาเจอกับใคร ซึ่งในรอบ 8 ทีมสุดท้ายนี้ไม่มีกติกาอะไรให้มากความ ทีมจากประเทศเดียวกันสามารถเจอกันได้เลย ดังนั้นเราอาจได้เห็นศึก พรีเมียร์ลีก และ ลาลีกา ในรายการนี้
อย่างไรก็ตาม, การมาถึงรอบนี้ไม่ว่าจะเจอกับทีมใดก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ออกมายอมรับเหมือนกันว่า ทีมของเขาเลือกไม่ได้ว่าอยากจะเล่นกับทีมใดในรอบนี้ เพราะทุกทีมที่ผ่านเข้ามาต่างมีศักยภาพพอที่จะเป็นแชมป์รายการนี้ได้ทั้งนั้น
“ใช่แล้ว ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่เราคาดเอาไว้ การเข้ามาเล่นในรายการนี้คุณเห็นได้เลยว่ามี 4, 5 หรือ 6 ทีมที่สามารถเป็นแชมป์ได้ และเมื่อคุณผ่านเข้ามาเล่นในรอบลึก ๆ โดยเฉพาะในรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่ส่วนใหญ่มีแต่ทีมชั้นนำ ทุกทีมที่ผ่านเข้ามาในรอบนี้ไม่มีทีมที่ขึ้นชื่อว่าโชคดีหรอก เพราะคุณกำลังเจอกับทีมที่เป็นแชมป์ได้ทั้งนั้น”
“ณ จุดนี้พวกเขาคือทีมที่สามารถจะคว้าถ้วยใบนี้ได้ เรากำลังเฝ้ารอการจับฉลากและหวังว่าจะได้รู้ว่าจะต้องเจอกับใคร”
นอกจากนี้แบ็คขวา หงส์แดง ยังมองว่าผลการประกบคู่จะมีส่วนสำคัญในการลุ้น “4 แชมป์” ของ ลิเวอร์พูล ด้วย ซึ่งฤดูกาลนี้ถือเป็นโอกาสที่สำคัญของพวกเขาเพราะตอนนี้ได้มาอยู่ในมือแล้ว 1 รายการคือ คาราบาวคัพ และที่เหลือก็ยังมีสิทธิ์ แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือทุกคนต้องพร้อมที่จะลงเล่นในอีก 3 รายการที่เหลือด้วย
“เราอยู่ในตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมที่สามารถคว้ามาได้แล้ว 1 โทรฟีในซีซันนี้และมีลุ้นที่จะทำได้อีก 3 แชมป์ที่เหลือ”
“รอบ 8 ทีมสุดท้ายที่น่าตื่นเต้นของทั้ง 2 รายการกำลังรอเราอยู่ และการลงเล่นในเกมลีกทุกสัปดาห์ที่เหมือนการเล่นนัดชิงชนะเลิศบอลถ้วย นี่คือช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นของสโมสร และหวังว่าทุกคนจะฟิตพร้อม และเราจะได้เห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป”
ลองนึกภาพ ลิเวอร์พูล เจอ แมนฯ ซิตี้, แมนฯ ยู หรือ เชลซี (ในกรณีที่ 2 ทีมหลังผ่านเข้ารอบ) หรือไม่เจอลีกเดียวกัน แต่ต้องพบกับ บาเยิร์น, เรอัล มาดริด, แอตเลติโก้ มาดริด หรือ ยูเวนตุส (ถ้าผ่านเข้ารอบ) ก็แทบอ้วกเหมือนกัน ส่วน อาแจ็กซ์, เบนฟิก้า และ ลีลล์ อาจเบากว่าหน่อยแต่ก็ประมาทไม่ได้
ไหนจะมี เอฟเอคัพ และการไล่ล่าทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ใน พรีเมียร์ลีก รออยู่ ดังนั้นการเข้ามาถึงจุดนี้แล้วไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือการมีนักเตะที่พร้อมลงสนามในทุก ๆ เกมเพื่อลุ้นสร้างประวัติศาสตร์
เพราะถ้าอยากจะเป็นแชมป์ ทุกอย่างก็ต้องพร้อม และไม่ต้องกลัวด้วยว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใคร…