โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มองว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ ลิเวอร์พูล พลาดท่าพ่าย อินเตอร์ มิลาน คาบ้านในเกมเลก 2 ที่ผ่านมา เป็นเพราะความมั่นใจที่มากเกินไป
“เราต้องออกสตาร์ทให้ดีกว่านี้ตั้งแต่นาทีแรก เราต้องกดดันให้มากกว่านี้ บางทีอาจเป็นเพราะว่าลึก ๆ แล้วเราค่อนข้างจะมีความเชื่อมั่นมากเกินไป แต่มันก็เป็นเกมที่ดีที่เราทำให้เราได้เรียนรู้จากมัน”
“การเก็บชัยชนะได้มันเป็นสิ่งที่สำคัญเสมอ แต่คืนนี้เรายิงชนเสาไป 2 ครั้ง และมีโอกาสมากมาย แต่เรื่องแบบนี้มันก็สามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งสิ่งที่สำคัญคือเราได้ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป”
นั่นคือบทสรุปที่กองหน้าทีมชาติอียิปต์มอง ซึ่งก็ต้องบอกว่าไม่มีอะไรผิด แต่สิ่งที่เขาลืมไปคือ เกมนี้ ลิเวอร์พูล ก็มีโชคอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
หงส์แดง ลงเล่นเกมเลก 2 ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยการมาแต้มต่อที่ 2 ประตูจาก จูเซ็ปเป้ เมียสซา ดังนั้นในเกมนี้พวกเขาจึงน่าจะเล่นได้อย่างสบายใจ แต่ก็คงไม่ประมาทจนเกินเลย
เยอร์เก้น คล็อปป์ ออกมาเตือนลูกทีมก่อนเกมแล้วว่า สกอร์ 2-0 นี่มีพลิกล็อกกันบ่อย ๆ ดังนั้นถ้าคิดว่าจะผ่านได้ง่าย ๆ คงไม่ใช่
จะว่าไปแล้วเกมนี้ อินเตอร์ มิลาน ไม่ได้เล่นเป็นรองเลย แถมยังทำได้ดีเหมือนเกมแรกที่เจอกันที่อิตาลีด้วย โดยเฉพาะช่วง 20 นาทีแรกที่พวกเขายังคงไล่เพรสแดนบน และไล่แย่งบอลในแดนกลาง เพื่อเอาบอลกลับมาเล่นพร้อมทำเกมบุกใส่ นี่คือสิ่งที่ อินซากี้ กำชับมาเป็นอย่างดี เพราะมันเคยได้ผลมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม, หงส์แดง ก็เก๋าพอที่จะประคองตัวให้ผ่านพ้นช่วงที่โดนบีบโดนเพรสมาได้ พวกเขาพยายามคุมพื้นที่และถึงแม้จะไม่ได้ครองบอลถนัด แต่ก็ไม่ให้คู่แข่งมาจบสกอร์ได้ในแดนสามของตัวเอง ดังนั้นเราจึงไม่ได้เห็นจังหวะหวาดเสียวจากแชมป์อิตาลีเท่าไหร่นัก
ช่วงท้ายครึ่งแรกกลับกลายเป็นเด็ก ๆ ของ คล็อปป์ ที่ใช้ลูกเซ็ตพีซเล่นงานทีมเยือนได้ถนัดถนี่มากกว่า คือเกมที่ครองบอลไม่ได้มาก มีความกดดันสูง ทีมที่ดีกว่ามักจะมีทีเด็ดที่การใช้ลูกตั้งเตะโจมตีคู่ต่อสู้ ลิเวอร์พูล ก็เช่นกัน พวกเขาทำแบบนี้กับคู่แข่งมานักต่อนัก เพียงแต่ในนัดนี้เหมือนบุญมีแต่กำบัง ทั้งจังหวะ มาติป โหม่งชนคานและ ฟาน ไดค์ โหม่งติดหัวนักเตะทีมเยือน ทำให้สกอร์ยังคง 0-0 อยู่
เกมมาตื่นเต้นตรงครึ่งหลัง เมื่อ เลาตาโร มาร์ติเนซ จัดการซัดประตูขึ้นนำให้กับทีมเยือนในนาทีที่ 61 ชนิดที่ไม่รู้ว่าถ้าให้ยิงอีกก็ไม่รู้ว่าจะเข้าหรือเปล่า จากนั้นดูเหมือนว่าโมเมนตั้มกำลังเข้าทางพวกเขา แต่ไม่ถึง 2 นาทีกลายเป็นว่า อเล็กซิส ซานเชซ มาทำให้เพื่อนร่วมทีมต้องกลับไปเป็นรองอีกครั้ง เมื่อไปโดนเหลือง-แดงถูกไล่ออกจากสนามจากการเสียบที่ข้อเท้าของ ฟาบินโญ แทนที่ช่วง 20 กว่านาทีที่เหลือ อินเตอร์ จะได้เดินเกมบุกอย่างเต็มที่ ก็ต้องโดน หงส์แดง ครองบอลและบุกเข้าใส่แทน ดีที่ ซาลาห์ แม่นเสาและลูกยิงของ ดิอาซ ก็โดนบล็อก ทำให้จบลงที่สกอร์ 1-0 ซึ่งเพียงพอต่อการเข้าสู่รอบควอเตอร์ไฟนอลของเจ้าบ้าน
หลังจบเกมเห็นแฟนบอลตามโซเชียลบ่นดาวยิงทีมชาติอียิปต์กันใหญ่ เพราะเกมนี้เขามีโอกาสจะ ๆ อยู่ 2 ครั้ง ซึ่งชนเสาทั้ง 2 ลูก น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง พลางทำให้นึกถึงเกมกับ เวสต์แฮม ที่ยิงติด ยิงออก ก่อนจะเอาชนะไปได้อย่างหืดจับ
เมื่อดูภาพรวมแล้วทั้งสองทีมทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ลิเวอร์พูล ไม่ได้มีฟอร์มที่แย่มาก แค่พวกเขาเล่นไปตามเกม ในขณะที่ อินเตอร์ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ตามที่ต้องการ แม้จะไม่บรรลุเป้าหมาย แต่ประตูชัยของ มาร์ติเนซ ก็สมควรต้องได้รับการคารวะ
หากแต่เกมฟุตบอลมันไม่ได้วัดที่ฝีเท้าและแท็คติกซะทีเดียว แม็ตช์ที่ต่างฝ่ายต่างต้องการผลการแข่งขันกันแบบนี้ “โชคและดวง” จึงอาจจะเป็นตัวตัดสินชัยชนะได้ด้วย
อินเตอร์ ที่ว่ามากับเทพีแห่งโชคแล้ว จากลูกยิงของ เลาตาโร มาร์ติเนซ แต่แค่อีกไม่กี่นาที ซานเชซ ดันมาโดนเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงถูกไล่ออกจากสนามแบบไม่ทันตั้งตัว ทำเกมเปลี่ยนไปในพริบตา
ส่วน ลิเวอร์พูล ที่ดูเหมือนจะโชคร้ายจากการยิงชนเสาชนคาน อยู่ดี ๆ ส้มก็หล่นให้พวกเขามีตัวที่เหนือกว่าในช่วงเวลาที่สำคัญของเกม ทุกอย่างจึงกลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง
ลองนึกภาพว่าถ้ายัง 11 ต่อ 11 ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เหตุการณ์กับ แอตเลติโก้ มาดริด เมื่อ 2 ปีก่อนอาจตามมาหลอกหลอนอีกก็เป็นได้
หงส์แดง ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้แบบมีเสียว แต่ก็เชื่อว่าความพ่ายแพ้ในเกมนี้จะไม่ได้ส่งผลต่อขวัญกำลังใจของนักเตะมากนัก เพราะเป้าหมายคือการรักษาสกอร์และผ่านเข้าสู่รอบต่อไป
อย่างไรก็ตาม, พวกเขาก็คงต้องกลับไปทบทวนบทเรียนที่ได้รับให้ดี โดยเฉพาะเรื่องของการจบสกอร์ซึ่งต้องเด็ดขาดมากกว่านี้หากหวังเข้ารอบลึก ๆ และลุ้นแชมป์ที่เหลืออยู่
เพราะเทพีแห่งโชคอาจไม่ได้อยู่ข้างพวกเขาเสมอไป…