‘จู๊ด เบลลิงแฮม’ กับโปรเจ็คต์แห่งอนาคตของ ‘ลิเวอร์พูล’

Darwin Nunez, Jude bellingham, Jurgen Klopp, liverpool, Premier League, UEFA Champions League, Ufabet, Ufaclub.live, ดาร์วิน นูเญซ, พรีเมียร์ลีก, ยูฟา แชมเปียนส์ลีก, ลิเวอร์พูล, สมัครยูฟ่าคลับ, หงส์แดง

เมื่อตอนที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจเข้ารับงานคุม ลิเวอร์พูล เมื่อเดือนตุลาคม 2015 เขาตัดสินใจสร้างทีมใหม่โดยมี โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน ที่เพิ่งย้ายมาจาก ฮอฟเฟนไฮม์ เป็นศูนย์กลาง, ตอนนั้น แข้งบราซิลเลียนถือเป็นคลื่นลูกใหม่ในแนวรุก หงส์แดง และกำลังเข้าใกล้ช่วงฟอร์มพีคจากผลงานใน บุนเดสลีกา ทำให้นายใหญ่ชาวเยอรมันมองว่านี่คือนักเตะที่เหมาะกับฟุตบอลที่เข้มข้นและดุดันของเขา

บ็อบบี้ ถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นแรกในโปรเจ็คการพาทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์กลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ และจากนั้นก็ค่อย ๆ เติมเต็มด้วย 2 แนวรุกอย่าง ซาดิโอ มาเน ในซัมเมอร์ 2016 และตามมาด้วย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในปีต่อมา ซึ่งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาโลกก็ได้รู้จักกับ 3 ประสานสุดอันตรายภายใต้รหัส SMF

อย่างไรก็ตาม, ในช่วงเวลาดังกล่าวฟุตบอลของ ลิเวอร์พูล ยังมีจุดอ่อนที่แนวรับและผู้รักษาประตู อดีตผู้จัดการทีม ดอร์ทมุนด์ จึงจัดการทำลายสถิติสโมสรด้วยการคว้าตัว เวอร์จิล ฟาน ไดค์ เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับหลังบ้านในเดือนมกราคม 2018 และตามมาด้วย อลิสซอน เบ็คเกอร์ และ ฟาบินโญ ในซัมเมอร์ปีเดียวกัน

เมื่อทุกอย่างลงล็อก คล็อปป์ ได้เสาหลักในแต่ละตำแหน่งเรียบร้อย ที่เหลือคือประวัติศาสตร์ พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ได้อย่างมากมายนับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา เริ่มต้นด้วย ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูฟา ซูเปอร์คัพ, แชมป์สโมสรโลก, พรีเมียร์ลีก, คาราบาวคัพ และ เอฟเอคัพ โดยทำแต้มในลีกได้เกินกว่า 90 แต้มถึง 3 ซีซัน และเพิ่งเป็นทีมที่มีลุ้นแชมป์ 4 รายการพร้อม ๆ กันเมื่อซีซันที่ผ่านมา

Darwin Nunez, Jude bellingham, Jurgen Klopp, liverpool, Premier League, UEFA Champions League, Ufabet, Ufaclub.live, ดาร์วิน นูเญซ, พรีเมียร์ลีก, ยูฟา แชมเปียนส์ลีก, ลิเวอร์พูล, สมัครยูฟ่าคลับ, หงส์แดง

มีเพียงฤดูกาลเดียวที่ลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ประสบความสำเร็จนั่นคือในปี 2020-2021 ที่พวกเขาเจอปัญหากองหลังอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ได้รับบาดเจ็บหนักจนทีมเสียศูนย์ ไร้ซึ่งถ้วยรางวัลแต่ยังประคองตัวผ่านเข้าไปเล่น แชมเปี้ยนส์ลีก ได้

สิ่งเหล่านี้บอกเราได้ว่า ลิเวอร์พูล จะไม่ประสบความสำเร็จใด ๆ เลยหาก คล็อปป์ ไม่วางรากฐานอันแข็งแกร่งอย่าง อลิสซอน, ฟาน ไดค์, ฟาบินโญ และ ฟีร์มีโน เอาไว้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปทั้ง 4 คนอายุเพิ่มมากขึ้นและกำลังจะผ่านช่วงพีคของการค้าแข้ง อาจจะยกเว้นเพียง “พ่อหมี” ซึ่งยังสามารถพีคได้อีกหลายปีในตำแหน่งผู้รักษาประตู ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

เราจึงได้เห็นนักเตะใหม่ ๆ อายุน้อย ๆ เดินเข้าสู่ทีมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น ดิโอโก้ โชต้า, อิบราฮิมา โคนาเต้, หลุยส์ ดิอาซ และรายล่าสุดอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ โดยคาดกันว่าพวกเขาจะกลายเป็นแกนหลักของทีมในระยะยาวอีก 4-5 ปีต่อจากนี้

การที่ทุกคนถูกดึงเข้ามานั้นมีนัยสำคัญ เพราะนี่คือตัวแทนแข้งรุ่นพี่ที่กำลังโรยรา แนวรับได้ โคนาเต้ แทน ฟาน ไดค์ ส่วนแนวรุกนั้นเป็นหน้าที่ของ โชต้า-ดิอาซ-นูนเญซ ที่จะเข้ามาแทน 3 ประสานแนวรุกซึ่งตอนนี้เหลือเพียง ซาลาห์ และ ฟีร์มีโน เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม, ตำแหน่งที่ขาดหายไปคือแดนกลาง ซึ่งตอนแรกมีการคาดหมายว่า หงส์แดง จะเดินหน้าอย่างเต็มที่เพื่อดึง จู้ด เบลลิงแฮม มาจาก ดอร์ทมุนด์ ในซัมเมอร์นี้ให้ได้ แต่จากรายงานล่าสุดระบุว่าโปรเจ็คนี้จะถูกเก็บเอาไว้ก่อนและจะไปเริ่มต้นในช่วงซัมเมอร์ 2023

เจ้าหนูเบลลิงแฮมถือเป็นเป้าหมายหลักของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ในการสร้าง ลิเวอร์พูล รุ่น 2 ในช่วงเวลาของเขา โดยแม้จะอายุเพียงแค่ 18 ปีแต่ก็เต็มไปด้วยประสบการณ์จากการลงเล่น บุนเดสลีกา และ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งก่อนหน้านี้ที่เล่นให้กับ เบอร์มิงแฮม ใน เดอะแชมเปี้ยนชิพ มาแล้ว 41 นัดด้วย

เท่านั้นยังไม่พอกองกลางเสือเหลืองยังก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกอันดับแรก ๆ ของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ในทีมชาติอังกฤษและน่าจะยึดตำแหน่งอย่างถาวรแบบยาว ๆ ได้อย่างน้อยก็ 10 ปีหากไม่เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นเสียก่อน

นี่คือคุณสมบัติที่สำคัญที่ คล็อปป์ ต้องการให้ เบลลิงแฮม เข้ามาเป็นหนึ่งในโปรเจ็คการสานต่อความสำเร็จของเขาหลังจากที่เจ้าตัวตัดสินใจต่อสัญญาคุมทีมออกไปจนถึงปี 2026 เมื่อช่วงก่อนปิดฤดูกาลที่ผ่านมา

ข่าวเรื่องการไม่เสริมแดนกลางในตลาดซัมเมอร์อาจทำให้ เดอะค็อป หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าตัวผู้เล่นที่มีอยู่จะเพียงพอหรือไม่เพราะตัวหลักแต่ละคนก็อายุเยอะกันทั้งนั้น แต่ คล็อปป์ และทีมงานคงประเมินไว้แล้วว่า การมีกำลังหนุนอย่าง เคอร์ติส โจนส์, ฮาร์วีย์ เอลเลียต และเจ้าหนู ฟาบิโอ คาร์วัลโญ น่าจะช่วยให้แข้งรุ่นพี่รุ่นน้าอย่าง ติอาโก้, ฟาบินโญ, เฮนเดอร์สัน, นาบี เกอิต้า และ เจมส์ มิลเนอร์ ยังพอยืนระยะต่อไปได้อีกซัก 1 ปี และจากนั้นพวกเขาจะเดินหน้าอย่างเต็มตัวเพื่อคว้า เบลลิงแฮม มาร่วมทีมต่อไป

การเต็มใจรอเซ็นสัญญากับแข้ง ดอร์ทมุนด์ ในซัมเมอร์หน้าเช่นนี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าพวกเขาวางแผนการพัฒนาทีมเอาไว้แล้วและมีการจัดลำดับความสำคัญอย่างชัดเจน เป็นขั้นเป็นตอน และยึดตามแนวทางของตัวเองอย่างแน่วแน่ ซึ่ง คล็อปป์ เชื่อมั่นว่านี่คือจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่จะทำให้ ลิเวอร์พูล เดินหน้าล่าแชมป์ได้ต่อไปอีกหลายปี

หวังแค่คู่แข่งอย่าง เรอัล มาดริด จะไม่บ้าเลือดทุ่มเงินดึงตัวไปร่วมทีมตอนนี้ซะก่อน…แค่นั้นเอง

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top