แม้การเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์ของ ลิเวอร์พูล จะทำให้แฟนบอล ลิเวอร์พูล รู้สึกตื่นเต้นและคึกคักอยู่บ้าง แต่เราก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า คำถามเรื่องใครจะมาแทน ซาดิโอ มาเน ยังคงค้างคาใจใครอยู่หลายคนเหมือนกัน
ดาวเตะทีมชาติเซเนกัลมีส่วนสำคัญการทำงานของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่ แอนฟิลด์ นับตั้งแต่ที่ย้ายมาจาก เซาแธมป์ตัน เมื่อปี 2016 เพราะเขาถือได้ว่าเขาเป็น “สารตั้งต้น” ของโปรเจ็คอันยิ่งใหญ่และความสำเร็จตลอด 6 ปีที่ผ่านมา
การย้ายทีมของ มาเน จึงมีคำถามตามมาว่าแล้วใครกันที่จะเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้แทนเขาในฤดูกาลหน้า?
หลายคนบอกว่า ดาร์วิน นูนเญซ คือนักเตะใหม่ที่จะเข้ามาสานต่อสิ่งที่แข้งรุ่นพี่วัย 30 ปีทำเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ หากแต่ดาวยิงอุรุกวัยคือนักเตะกองหน้าตัวกลางโดยธรรมชาติ และถึงแม้ทั้งคู่จะยิงประตูได้มากมายพอ ๆ กัน แต่ก็ยังไม่สามารถนำมาเทียบเคียงกันได้อยู่ดี
อย่างไรก็ตาม เราอาจจะลืมไปว่า คล็อปป์ ไม่ได้มีแค่ นูนเญซ เท่านั้น แต่เขายังได้ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ ดาวเตะผู้โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นกับ ฟูแลม เมื่อฤดูกาลที่แล้วจนสามารถพาทีมคว้าแชมป์ เดอะแชมเปี้ยนชิพ และเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จอยู่อีกคน
ด้วยสไตล์การเล่นที่ทำให้บางคนอาจมองว่านี่คือ “นิว คูตินโญ” มากกว่า หากแต่ คล็อปป์ ไม่คิดเช่นนั้น เมื่อเขาได้ดูฟอร์มการเล่นของเด็กหนุ่มคนนี้มานับไม่ถ้วน และเชื่อว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีบางอย่างที่คล้ายกับ มาเน อยู่ไม่น้อย
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่นายใหญ่ชาวเยอรมันเข้ามาคุม ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงกลางฤดูกาล 2015-2016 ในซัมเมอร์ต่อมา เขาก็ดึงเอา ซาดิโอ มาเน ในวัย 24 ปีที่กำลังสดและห้าวมาจาก เซาแธมป์ตัน ซึ่งตำแหน่งของเขาในเวลานั้นคือการรับบทบาทเป็น “กองหน้าคนที่สอง” หรือ Second Striker หรือ “หมายเลข 10” คอยทำหน้าที่สนับสนุนกองหน้าตัวเป้าอย่าง กราเซียโน เปเล ซึ่งก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเสียด้วย
แถมในบ้างครั้งอดีตดาวเตะ เร้ดบูล ซัลซ์บวร์ก ยังสามารถถ่างออกไปเล่นเป็นตัวริมเส้น คอยปั่นประสาทแนวรับคู่แข่ง และเข้ามาประสานงานตรงกลางกับแผงมิดฟิลด์ช่วยสร้างสรรค์เกมรุกให้กับทีมอยู่บ่อยครั้งด้วย
แต่ด้วยความที่ยังไม่ผ่านการเจียรนัย ทำให้ตอนนั้นแม้ มาเน จะโดดเด่น แต่ก็ไม่สามารถรักษาความสม่ำเสมอเอาไว้ได้ มีหลุดไปเป็นตัวสำรองอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังถือว่าเป็นทีเด็ดของ เซาแธมป์ตัน ในยามที่พวกเขาต้องการความแตกต่างในเกมรุก
พอย้ายมาเล่นกับ ลิเวอร์พูล ในปี 2016 มาเน โดนปรับบทบาทอยู่หลายครั้ง เขาเคยเล่นมาแล้วทุกตำแหน่งในแนวรุก เนื่องจากศักยภาพอันล้นเหลือและความสารพัดประโยชน์ที่มีอยู่ในตัว
ในคราวแรกแข้งเซเนกัลยืนประจำการทางฝั่งขวา ก่อนที่จะถูกโยกมาเล่นด้านซ้ายหลังการย้ายมาของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในปีต่อมา ซึ่งเจ้าตัวเคยเปิดเผยว่า เขาไม่ได้มีปัญหากับการย้ามาเล่นอีกด้านและยินดีที่จะทำตามที่เจ้านายสั่ง โดยการมาเล่นฝั่งซ้ายของ มาเน นั้นทำให้ คล็อปป์ สามารถดึงศักยภาพของ ซาลาห์ ที่ถนัดเท้าซ้ายและชอบเลี้ยงตัดเข้ามาด้านในเพื่อยิงประตูได้อย่างเต็มที่
มาเน-ฟีร์มีโน-ซาลาห์ เล่นร่วมกันมาเกือบ 5 ปี ก่อนที่การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ หลุยส์ ดิอาซ ถูกดึงเข้ามาเมื่อเดือนมกราคมที่แล้ว ดาวเตะวัย 30 ปีก็ถูกปรับบทบาทการเล่นเสียใหม่โดยรับหน้าที่ “ฟอลส์ไนน์” พร้อมกับฟอร์มที่กลับมาร้อนแรงในช่วงปลายฤดูกาล
หลายคนบอกว่าการย้ายมาของ ดิอาซ คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ ลิเวอร์พูล มีลุ้นถึง 4 แชมป์ แต่ก็ต้องให้เครดิตกับฟอร์มการถล่มประตูของสตาร์ชาวเซเนกัลด้วย เพราะหากไม่มีเขาแล้วก็ยากที่จะมาถึงจุดนี้ได้
นี่คือสิ่งที่ ซาดิโอ มาเน ฝากไว้ก่อนที่จะอำลาทีมไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค
เมื่อหันกลับมามองที่ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ ณ เวลานี้ คงไม่มีใครคิดว่าเขาจะก้าวเข้ามาทาบรอยความยิ่งใหญ่ของแข้งรุ่นพี่ได้ทันทีทันใด หากแต่เมื่อฟังจากบทสัมภาษณ์ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็ทำให้เชื่อได้ว่าเขาได้เตรียมแผนที่จะใช้งานและปลุกปั้นดาวรุ่งรายนี้ให้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในอนาคตแล้ว
“ฟาบิโอ ว้าว!! มันเป็นซีซันที่สุดยอดมาก ๆ ตอนที่เขาเล่นกับ ฟูแลม” คล็อปป์ กล่าวกับเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสร “เมื่อคุณดูเขาเล่น มันเป็นอะไรที่มีความสุขมาก ๆ ที่ได้เห็นเขาในสนาม”
“เขาสามารถเล่นได้หลายตำแหน่งให้กับเราจากสไตล์การเล่นของเขา ตอนนี้เขายังไม่ได้มีในตำแหน่งที่ชัดเจน บางครั้งก็เล่นเป็นปีก เล่นเป็นกองกลางหมายเลข 8 เล่นตัวรุกหมายเลข 10 หรือฟอลส์ไนน์ก็ได้ ถ้าเขาไปเพิ่มกล้ามเนื้อขึ้นมาอีกนิด”
“มันเป็นโปรเจ็คระยะสั้นและระยะยาว เขาสามารถออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในวันพรุ่งนี้ได้ และเขาต้องปรับตัว ซึ่งคุณอาจจะได้เห็นบ้างแล้ว เขาครองบอลและไปกับบอลได้ดี นั่นคือคุณภาพที่เขามี ผมดีใจมากที่ได้เขามาอยู่ในทีม มันเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ” เยอร์เก้น คล็อปป์ กล่าว
จะเห็นได้ว่า เทคนิค ความเร็ว การมีส่วนร่วมกับเกม และความหลากหลายที่มีอยู่ในตัวของ คาร์วัลโญ นั้นคือสิ่งที่นายใหญ่ หงส์แดง ชื่นชอบ และเขาเชื่อว่าด้วยสิ่งเหล่านี้จะทำให้แข้งดาวรุ่งมีอนาคตที่สดใสรออยู่
แม้การจะก้าวขึ้นมาทดแทน ซาดิโอ มาเนอาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การที่มี เยอร์เก้น คล็อปป์ คอยปลุกปั้นจะทำให้เขากลายเป็นยอดนักเตะเหมือนกับ มาเน ได้ไม่ยาก
รอแค่เพียงเวลาสุกงอมเท่านั้น….