หลังจบเกมที่ ลิเวอร์พูล บุกไปเสมอกับ ฟูแลม 2-2 ในนัดเปิดฤดูกาลของ พรีเมียร์ลีก ซีซัน 2022-2023 พวกเขาต้องเจอกับปัญหาสำคัญอีกหนึ่งอย่างนอกจากเรื่องฟอร์มการเล่นที่ต่ำกว่ามาตรฐาน นั่นคืออาการบาดเจ็บของ ติอาโก้ อัลคันทารา
กองกลางสแปนิชได้รับบาดเจ็บช่วงต้นครึ่งหลังและถูกเปลี่ยนตัวออกทันที โดยเป็น ฮาร์วีย์ เอลเลียต ที่ได้โอกาสลงสนาม นั่นหมายความว่าตอนนี้ เยอร์เก้น คล้อปป์ มีนักเตะในลิสต์ที่ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเป็นรายที่ 8 ต่อจาก ควีวิน เคลเลเฮอร์, ดิโอโก้ โชต้า, อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน, อิบราฮิมา โคนาเต้, เคอร์ติส โจนส์, คอสตาส ซิมิคาส และ นาบี เกอิต้า
ซึ่งหากนับเฉพาะในแผงมิดฟิลด์ ติอาโก้ ก็จะเป็นรายที่ 4 ที่หายหน้าไป ทำให้ตอนนี้นายใหญ่ชาวเยอรมันเหลือกองกลางไว้ใช้งานเต็มที่ 5 รายประกอบไปด้วย เจมส์ มิลเนอร์, ฟาบินโญ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฮาร์วีย์ เอลเลียต และ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ
เมื่อเป็นเช่นนี้ คล็อปป์ จึงได้รับคำถามหลังจบเกมเมื่อวันเสาร์เกี่ยวกับเรื่องของการหามิดฟิลด์คนใหม่เข้ามาเสริมทัพก่อนที่ตลาดซัมเมอร์จะปิดทำการในอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนข้างหน้านี้
“เราเคยพูดเอาไว้ว่าจะไม่ซื้อมิดฟิลด์เพิ่มแล้วเพราะเรามีนักเตะที่เพียงพอต่อการใช้งาน และมันก็เป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้เราได้รับผลกระทบจากสิ่งที่ไม่ได้เป็นคนทำ ซึ่งเรื่องแบบนี้มันสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ”
“ไม่มีใครคิดว่า เคอร์ติส จะได้รับบาดเจ็บแบบนั้น แต่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เขายังเด็ก ร่างกายของคนเรามันก็เป็นแบบนี้ ส่วน นาบี แค่มีอาการป่วย และคาดว่าจะกลับมาได้อีกครั้งในสัปดาห์หน้า อ็อกซ์เหลด มีอาการบาดเจ็บมาก่อนแล้ว ส่วนตอนนี้ก็เป็น ติอาโก้ ซึ่งเราจะได้รู้กันว่าจะต้องทำอย่างไร”
“ฟังนะ การซื้อนักเตะใหม่นั้นมันต้องเมคเซ้นส์ ซึ่งถ้ามองกันในระยะยาวจริง ๆ แล้วเรามีนักเตะที่เพียงพอ มันไม่ใช่เรื่องของการขาดผู้เล่นในแดนกลาง แค่นักเตะได้รับบาดเจ็บเท่านั้น ซึ่งมันเป็นสถานการณ์ที่ไม่ดีสำหรับเรา ผมไม่ชอบเรื่องแบบนี้หรอก ก็ต้องรอดูว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่เราไม่ได้รู้สึกตระหนกตกใจกับเรื่องนี้” เยอร์เก้น คล็อปป์ กล่าว
จะเห็นได้ว่าคำตอบของผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ค่อนข้างชัดเจน เขาไม่มีแผนที่จะซื้อกองกลางคนใหม่และต้องการที่จะรอผู้เล่นหายจากอาการบาดเจ็บมากกว่า แต่คำถามที่ตามมาคือ นักเตะที่มีอยู่ตอนนี้จะสามารถก้าวขึ้นมาทดแทนกันได้มากน้อยขนาดไหน
หากวัดจากเกมที่เล่นกับ ฟูแลม ในช่วงครึ่งหลังก็พอจะฝากผีฝากไข้ได้อยู่บ้าง เอลเลียต ที่ลงมาเล่นแทนนั้นมีส่วนร่วมในประตูตีเสมอ โดยเป็นคนดึงผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามเข้าหาตัวเอง เปิดพื้นที่ให้กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่โดนจับตายมาตลอดครึ่งแรกสามารถลากเลื้อยเข้าไปผ่านบอลให้ ดาร์วิน นูนเญซ ยิงตีเสมอได้
ธรรมชาติของเจ้าหนูวัย 19 ปีเป็นมิดฟิลด์ที่เน้นเกมรุกและพาบอลเข้าสู่แดน 3 มากกว่าสไตล์ของ ติอาโก้ ที่เน้นการลงไปล้วงบอลแล้วอาศัยการวางยาว นั่นจึงทำให้เกมรุกของ ลิเวอร์พูล ในครึ่งหลังดูอันตรายมากกว่าเดิม
การเล่นของ เอลเลียต เหมือนจะทำให้รูปแบบของ ลิเวอร์พูล เปลี่ยนไปเป็น 4-2-3-1 แบบกลาย ๆ และดูเหมือนจะเต็มรูปแบบเมื่อตอนที่ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ ถูกส่งลงมาแทน หลุยส์ ดิอาซ ในช่วง 12 นาทีสุดท้าย ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานก็ได้ประตูตีเสมอ 2-2
นั่นหมายความว่าเหตุผลที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ บอกว่าไม่จำเป็นต้องซื้อกองกลางคนใหม่ เพราะเขาพร้อมจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นโดยมี เอลเลียต และ คาร์วัลโญ เป็นกุญแจสำคัญ ซึ่งคลาสชองเด็กทั้ง 2 คนนี้สามารถเล่นกับพวกรุ่นพี่ได้ ด้วยเทคนิค วิสัยทัศน์ และความเร็ว พวกเขาสามารถทำให้ระบบการเล่นของ ลิเวอร์พูล มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และมีเกมรุกที่อันตรายขึ้นด้วย
เห็นได้ชัดว่าที่ผ่านมาระบบ 4-3-3 ของ คล็อปป์ นั้นถูกจับทางได้ ปีกทั้งสองข้างอย่าง หลุยส์ ดิอาซ และ โม ซาลาห์ โดนรุมกินโต๊ะทุกครั้งที่ได้บอล แดนหลังและแดนกลางโดนเพรสหนัก แถมการใช้ฟอลส์ไนน์แบบ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน ก็ไม่ได้ผลเหมือนเดิม
ดังนั้นการเสีย ติอาโก้ ไปมองในแง่หนึ่งอาจทำให้แดนกลางลดประสิทธิภาพลง เนื่องจากแข้งวัย 31 ปีคือคีย์แมนคนสำคัญที่ช่วยให้ หงส์แดง มีลุ้นถึง 4 แชมป์เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แต่หากมองถึงเรื่องพัฒนาการ เราอาจจะได้เห็น คาร์วัลโญ และ เอลเลียต ได้รับโอกาสมากขึ้น พร้อมด้วยการปรับระบบที่ยืดหยุ่นกว่าเดิมเพื่อสนับสนุน ดาร์วิน นูนเญซ ในแดนหน้า
คล็อปป์ อาจใช้วิกฤตินี้เป็นโอกาสที่เขาจะได้ใช้งานนักเตะใหม่อย่างเต็มประสิทธิภาพภายใต้การปรับแผนการเล่นที่ทำให้ทีมอันตรายขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้