อาร์เซนอล vs ลิเวอร์พูล กับ 5 ประเด็นหลังเกม หงส์แดง บุกเขี่ย ปืนใหญ่ ตกรอบเอฟเอคัพ

อาร์เซนอล vs ลิเวอร์พูล บิ๊กแมตช์ในศึก เอฟเอ คัพ รอบที่ 3 ซึ่งเป็นฝั่ง ลิเวอร์พูล ที่ผ่านเข้าสู่รอบที่ 4 ได้อย่างน่าประทับใจ หลังจากบุกไปเอาชนะ อาร์เซนอล ถึงถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 0-2 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

แม้ในช่วงต้นเกม, ลิเวอร์พูล จะเป็นฝ่ายที่โดนเจ้าบ้านบุก กดดันอย่างหนัก แต่พลพรรค “หงส์แดง” ก็สามารถเอาตัวรอดได้ และแสดงให้เห็นถึงความเด็ดขาดในการจบสกอร์ และนี่คือบทสรุป 5 ประเด็น หลังเกมที่บุกไปทุบ “ปืนใหญ่” คารัง ได้อย่างยอดเยี่ยม

1. การแก้เกมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ในแมตช์ อาร์เซนอล vs ลิเวอร์พูล

เยอร์เก้น คล็อปป์

ในขณะที่ มิเกล อาร์เตต้า เทรนเนอร์ อาร์เซนอล ผิดหวังกับโอกาสมากมาย ที่ลูกทีมของตนเอง ยิงประตูทิ้งขว้างไปมากมายในช่วงครึ่งเวลาแรก  ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เจ้าตัวจะสั่งให้แข้ง “เดอะ กันเนอร์ส” ปูพรมลุยแหลก ในช่วงครึ่งหลังเพื่อทำประตูให้ได้

อย่างไรก็ตาม, เพราะความไม่เฉียบขาดของ อาร์เซนอล นั่นเอง ที่ทำให้ ลิเวอร์พูล เริ่มตั้งตัวได้ และการปรับแท็คติคของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็ทำให้ “หงส์แดง” กลับมาครอบครองเกม ด้วยความนิ่งกว่าเดิม และใช้จังหวะโต้กลับได้สวย ๆ หลายครั้ง 

ขณะเดียวกัน การตัดสินใจเปลี่ยนตัวสำรองอย่าง ดิโอโก้ โชต้า, ไรอัน กราเวนเบิร์ช, บ็อบบี้ คลาร์ก และ คอเนอร์ แบรดลีย์ ลงสนาม นั้นก็ถือเป็นส่วนสำคัญอย่างมาก ที่ทำให้ ลิเวอร์พูล บุกไปเอาชนะ อาร์เซนอล ได้สำเร็จ

ผลการแข่งขันในนัดนี้ พิสูจน์ให้เห็นว่า คล็อปป์ มีความยอดเยี่ยมในการวางแท็คติค และมีการตัดสินใจที่เหมาะสม เมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของทีม

2. อิบราฮิมา โคนาเต้ ท็อปฟอร์มในเกม อาร์เซนอล vs ลิเวอร์พูล

โคนาเต้

รายงานข่าวที่ออกมา ก่อนเกม อาร์เซนอล vs ลิเวอร์พูล จะเริ่มฟาดแข้ง ค่อนข้างสร้างความน่ากังวลใจ ให้กับเหล่า เดอะ ค็อป เพราะมีรายงานว่า เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค จะไม่ได้ลงเล่นในเกมนี้ เนื่องจากมีอาการป่วย มันจึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะต้องมีนักเตะคนอื่นก้าวขึ้นมาเป็นหัวใจของแนวรับของ ลิเวอร์พูล เพื่อเป็นการทดแทน และแน่นอนว่า อิบราฮิมา โคนาเต้ ก็คือคน ๆ นั้น

เซ็นเตอร์แบ็คทีมชาติฝรั่งเศส โชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่งมาก ในการรับมือกับบรรดาแนวรุกของ อาร์เซนอล, โดย โคนาเต้ ทำสถิติ บล็อกลูกยิง 2 ครั้ง, เคลียร์บอล 2 ครั้ง, ตัดบอล 2 ครั้ง และแย่งบอลกลับคืนมาได้ถึง 4 ครั้ง พร้อมกับสั่งการเพื่อนร่วมทีมตลอดเวลา

ข้อกังวลเพียงอย่างเดียวของ โคนาเต้ คือ เรื่องสภาพร่างกาย ที่มักจะไม่พร้อมลงเล่นติด ๆ กัน และหากเจ้าตัวสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาบาดเจ็บที่เกิดขึ้น ในช่วงที่เหลือของฤดูกาลได้นั้น ลิเวอร์พูล ก็จะมีแนวรับที่มั่นคง และไว้วางใจได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม, นอกจากฟอร์มอันสุดยอดเของ โคนาเต้ แล้ว กองหลังดาวรุ่งอย่าง จาเรลล์ ควอนซาห์ และ โจ โกเมซ ที่ต้องขยับมาเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้าย ก็ทำผลงานได้น่าประทับใจเช่นกัน

สถิติของนักเตะลิเวอร์พูลในเกมนี้

3. เทรนต์ รักษาฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมได้ต่อเนื่อง

เทรนท์

หลังจากเปลี่ยนมาสวมรองเท้า adidas Predator เวอร์ชันปี 2024, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก็ระเบิดฟอร์มได้อย่างสุดยอดมาก ๆ ด้วยการมีส่วนร่วมกับการทำประตูของทีมถึง 6 ลูก ใน 9 เกมที่เจ้าตัวเปลี่ยนมาสวมสตั๊ดรุ่นดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเซอร์ไพรส์ อยู่พอสมควรเลยทีเดียว

แม้ในเกม อาร์เซนอล vs ลิเวอร์พูล นั้น, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จะไม่ได้มีชื่อเป็นผู้ทำประตู หรือทำแอสซิสต์ แต่เจ้าตัวก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญ ในการที่เจ้าตัวช่วยทั้งเกมรุก และเกมรับของ ลิเวอร์พูล รวมถึงมีส่วนร่วม ในการทำให้ทีมได้ประตูขึ้นนำจากการเตะมุม ที่ทำให้ จาคุบ กีวีออร์ กองหลังทีมเจ้าบ้านโหม่งเข้าประตูตัวเอง

แบ็คขวารองกัปตันทีม หงส์แดง ทำสถิติสร้างโอกาสได้ 2 ครั้ง, จ่ายบอลในจังหวะสุดท้ายได้ 15 ครั้ง, เคลียร์บอลได้ 3 ครั้ง, ตัดบอลคืนได้ 9 ครั้ง และชนะการดวล 6 ครั้ง ซึ่งถือเป็นตัวเลข ที่ตอกย้ำผลงานของเจ้าตัวที่กำลังดีวันดีคืนเป็นอย่างมาก

ดูไฮไลท์ อาร์เซนอล 0-2 ลิเวอร์พูล

4. ลิเวอร์พูล จริงจังกับถ้วย เอฟเอ คัพ!

ลิเวอร์พูล

มีสาเหตุหลายอย่างจากความจริงที่ว่า การเสมอกันในเกมนี้ มันจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี และหลังการให้สัมภาษณ์ก่อนเกมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ หลายคนมองว่า โค้ชชาวเยอรมัน จะยอมทิ้งฟุตบอลรายการนี้ และไปมุ่งมั่นกับรายการอื่นแทน

อย่างไรก็ตาม, คล็อปป์ แสดงให้เห็นแล้วว่า เขาให้ความสำคัญกับเกมนี้มากเพียงใด หลังใส่ขื่อผู้เล่นชุดใหญ่ ลงสนามเกือบทั้งหมด เว้นแต่เพียง ฟาน ไดจ์ค ที่ไม่พร้อมลงสนาม และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ วาตารุ เอ็นโด ที่ต้องเดินทางไปรับใช้ชาติ

ขณะเดียวกัน, เมื่อมองไปที่ภาษากายของ คล็อปป์ และนักเตะ ลิเวอร์พูล ตลอดทั้งเกม นั่นก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พวกเขาต้องการชัยชนะเพื่อผ่านเข้ารอบต่อไป 

5. ต้องหาคนมาทดแทน โมฮาเหม็ด ซาลาห์

ซาลาห์

เมื่อมองไปที่ภาพรวมของทีมแล้ว, การใช้ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ มายืนในตำแหน่งตัวรุกฝั่งขวา ในช่วงที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไปเล่นในรายการ AFCON จะเป็นทางเลือกที่ดี แต่ในเกมกับ อาร์เซนอล ดาวเตะวัย 20 ปี ยังไม่สามารถทำผลงาน ได้ตามที่หลาย ๆ คนคาดหวังเอาไว้ได้

เอลเลียตต์ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ในตำแหน่งริมเส้นฝั่งขวา ก่อนที่ คล็อปป์ จะขยับให้เขา เข้ามายืนเป็นมิดฟิลด์ตรงกลาง และในครึ่งหลังก็เป็น หลุยส์ ดิอาซ ที่ขยับมาทำหน้าที่ทางกราบขวาแทน ซึ่งปีกชาวโคลอมเบีย ก็ซัดประตูย้ำชัยไปอย่างสุดสวย หลังจากที่เจ้าตัวฝืดมาหลายนัด

แต่อย่างไรก็ตาม, ผลงานของ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ในเกมนี้ ยังไม่ควรถูกตัดสินทันทีว่า เขาไม่สามารถทดแทน ซาลาห์ ได้ หลังจากนี้ ยังมีอีกหลายเกมที่เขา จะได้พิสูจน์ตัวเองต่อไป

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top