ยูโรป้า ลีก ฤดูกาลที่ 2023/24 กำลังจะบรรเลงแข้งรอบแบ่งกลุ่มนัดแรกแล้ว ในวันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายนนี้ ซึ่ง ลิเวอร์พูล ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม E โดยมีคิวบุกไปเจอกับ LASK ลินซ์ ตอน 23.45 น.
ซึ่งทีม หงส์แดง เอง ก็ห่างหายจากการลงเล่นในรายนี้ไปค่อนข้างนานแล้ว ครั้งนี้ถือเป็นการกลับมาเล่นในรายการ ยูโรป้าลีก ในรอบ 8 ปีของ ลิเวอร์พูล กันเลยทีเดียว
ครั้งล่าสุดที่ หงส์แดง ลงเล่นในถ้วยใบนี้ พวกเขาจบรายการด้วยความผิดหวัง โดยทำได้เพียงการเป็นรองแชมป์ในปี 2016 จากการพ่ายต่อ “เจ้าพ่อ Europa” ตัวจริงอย่าง Sevilla ในรอบชิงชนะเลิศ อย่างสุดเจ็บปวด
และเนื่องจากผลงานเมื่อซีซันที่แล้ว ที่จบฤดูกาลได้เพียงอันดับที่ 5 เลยทำให้ Liverpool ต้องหล่นลงมาเล่นในรายการนี้อีกครั้ง แต่ก็ใช่ว่า มันจะไม่มีคุณค่าใด ๆ เลย เพราะถึงแม้ศักดิ์และสิทธิ์อาจจะเป็นรอง UEFA Champions League แต่เมื่อพิจารณาดี ๆ แล้ว ถ้วยใบนี้มันมีความหมายในหลาย ๆ แง่มุมอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
และนี่คือเหตุผล ที่ Liverpool ควรจะคว้าแชมป์ ยูโรป้า ลีก ในซีซันนี้ให้ได้
ยูโรป้า ลีก คือ โทรฟี่ที่ Klopp ยังไม่เคยได้
ตั้งแต่ที่ Jurgen Klopp ย้ายมาคุม Liverpool เมื่อปี 2015 เขาก็ปลุกปั้นทีมในรูปแบบของตัวเอง และประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถคว้าแชมป์แทบทุกรายการที่เข้าร่วม รวมทั้งสิ้น 7 รายการ ได้แก่ UEFA Champions League, Premier League, Super Cup, แชมป์สโมสรโลก, League Cup, FA Cup และ Community Shield
เหลือเพียง Europa League ที่ยังเป็นหนามตำใจกุนซือ หงส์แดง เพราะเมื่อ 7 ปีก่อน เขาเกือบทำสำเร็จมาแล้ว หากแต่ต้องพ่ายแพ้ต่อ Sevilla ในรอบชิงชนะเลิศไปแบบน่าเสียดาย
ถ้วยใบนี้ จึงน่าจะเป็นการเติมเต็มความสำเร็จบนเส้นทางอาชีพของ Klopp และหากว่าเขาสามารถทำได้สำเร็จ จะทำให้นายใหญ่ชาวเยอรมันกลายเป็นผู้จัดการทีมคนแรกในประวัติศาสตร์สโมสรที่คว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ได้ครบทุกรายการ พร้อมขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในกุนซือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ของ Liverpool ด้วย
การคว้าแชมป์ ยูโรป้า เป็นใบเบิกทางสู่ Champions League
การได้แชมป์ ยูโรป้า ลีก จะทำให้พวกเขาคว้าโควต้าไปเล่นรายการใหญ่อย่าง UEFA Champions League โดยอัตโนมัติได้ทันที แบบที่ไม่ต้องไปลุ้นอันดับในลีกให้เสียเวลา
แม้หลายคนอาจมองว่า ทีมของ Klopp ในซีซันนี้ ถือว่าแข็งแกร่งและดีกว่าเมื่อฤดูกาลที่แล้วอยู่มาก ผ่านมาแล้ว 5 นัด พวกเขาชนะ 4 และเสมอแค่เกมเดียว ยังไม่แพ้ใคร และรั้งอันดับ 3 ของตาราง การที่จะหลุด Top 4 นั้น คงเป็นไปได้ยากเมื่อเทียบกับปีก่อน
แต่ในโลกของฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้ ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่จะเข้ามาสร้างผลกระทบให้กับทีมได้อีก โดยเฉพาะเรื่องของอาการบาดเจ็บของนักเตะตัวหลัก รวมทั้งฟอร์มการเล่นที่อาจจะไม่คงเส้นคงวาขึ้นมาดื้อ ๆ ซึ่งหากยังไม่จบนัดที่ 38 เราก็ยังไม่สามารการันตีอะไรได้เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม การไม่ต้องใช้ออปชั่นนี้คงจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
การันตี เกียรติยศ และ ความสำเร็จ
การคว้าแชมป์ ยูโรป้า ลีก ที่แม้จะมีชื่ชั้นเป็นถ้วยรอง แต่ที่แน่ ๆ คือ มันสามารถการันตีได้ว่า Liverpool ประสบความสำเร็จ และมีถ้วยแชมป์ติดไม้ติดมือกลับ Anfield เหมือนกัน
ทีมฟุตบอลทีมหนึ่ง เมื่อเข้าร่วมแข่งขันในรายการใดรายการหนึ่ง เป้าหมายสูงสุดก็คือการเป็นแชมป์ ซึ่งมันเป็นความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม และสร้างมูลค่าให้กับสโมสรได้อย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อช่วงปลายซีซันที่แล้ว Rio Ferdinand อดีตกองหลังของ Manchester United ได้พูดถึงเรื่องนี้อย่างน่าสนใจ ท่ามกลางสถานการณ์การลุ้นแชมป์ Premier League ระหว่าง Manchester City และ Arsenal โดยเขาเชื่อว่า หาก The Gunners จบด้วยการเป็นรองแชมป์ มันก็ไม่ต่างอะไรกับความล้มเหลว เพราะพวกเขาไม่มีถ้วยรางวัลใด ๆ ติดมือเลย
ต่างจากทีม ปีศาจแดง ของเขา ที่ได้แชมป์ League Cup มาแล้ว ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่จับต้องได้ และช่วยให้แฟนบอลได้ดื่มด่ำกับการเฉลิมฉลองแชมป์ แม้จะเป็นถ้วยใบเล็กที่สุดก็ตาม
ขนาด League Cup ยังดีใจกันขนาดนั้น แล้วทำไมกับ Europa League เราจะไม่ฉลองกันบ้างล่ะ
เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียวบนเกาะอังกฤษ
หากนับสถิติการเป็นแชมป์ระดับเมเจอร์ ซึ่งคิดเฉพาะถ้วยสำคัญอย่าง Premier League, FA Cup, League Cup, UEFA Champions League, Europa League, Super Cup และ แชมป์สโมสรโลก จนถึงเวลานี้ Liverpool ถือว่าเป็นทีมที่คว้าแชมป์ได้มากที่สุดของอังกฤษ โดยพวกเขาทำได้รวมกันที่ 50 ครั้ง
อันดับ 2 แน่นอนว่าไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากคู่รักคู่แค้นอย่าง Manchester United ที่คว้าแชมป์รวมกันทั้งหมด 46 ครั้ง น้อยกว่า หงส์แดง อยู่ 4 ครั้ง ซึ่งอาจจะมีระยะห่างอยู่บ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะตามไม่ทันซะทีเดียว
เพื่อเป็นการการันตี การเป็นทีมอันดับ 1 บนเกาะอังกฤษ Liverpool จะต้องคว้าแชมป์เพิ่ม ในฤดูกาลนี้ ซึ่งเมื่อมองไปยังรายการต่าง ๆ แล้วดูเหมือนว่า พวกเขาจะมีโอกาสลุ้นแชมป์ ยูโรป้า อยู่ด้วย และหากทำสำเร็จ ก็จะเป็นการสร้างสถิติคว้าแชมป์รายการที่ 51 หรือ ไม่แน่เหมือนกันว่า อาจจะเป็นรายการที่ 52 หรือ 53 ด้วย ก็เป็นได้
ขอเพียงแค่ รักษาฟอร์มอันยอดเยี่ยมแบบนี้ ให้ได้ก็พอ