False 9 คือตำแหน่งที่มีบทบาทและอิทธิพลต่อแผนการเล่นของ ลิเวอร์พูล ในยุคของ เยอร์เก้น คล็อปป์ สูงมาก ซึ่งคนที่รับหน้าที่ในตำแหน่งนี้มานานหลายปีดีดักก็คือ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน ที่เหล่า เดอะ ค็อป ยกให้เป็น ‘ฟอลส์ไนน์ระดับตำนาน‘ ของ หงส์แดง
อย่างที่พวกเราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ‘บ็อบบี้‘ ฟีร์มีโน ตัดสินใจที่จะแยกทางกับทีมด้วยการไม่ต่อสัญญากับ ลิเวอร์พูล ในซัมเมอร์นี้ และก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ คล็อปป์ จะไปเสาะหาตำแหน่ง False 9 ในแบบที่ ฟีร์มิโน ทำผลงานไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ตลอดระยะเวลาที่เขาได้สวมเครื่องแบบสีแดงเพลิง แต่ก่อนที่เหล่าแฟนบอลจะได้รับรู้ข่าวการตัดสินใจอำลาทีมของ ฟีร์มิโน นั้น, ลิเวอร์พูล ก็ได้คว้าเอาตัว โคดี้ กัคโป ตัวรุกจาก พีเอสวี ไอน์โฮเฟน มาร่วมทีมได้แล้ว เมื่อช่วงตลาดหน้าหนาวมกราคมที่ผ่านมา
นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงเดือนมกราคม โคดี้ กัคโป เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ กับการรับบทบาท ‘ฟอลส์ไนน์‘ ในแนวรุก แต่ด้วยฟอร์มของทีมในปัจจุบันและแผนงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตจึงมีคำถามว่า เขาจะทำหน้าที่นี้ได้อีกนานขนาดไหน
แข้งวัย 23 ปีสร้างความประทับใจให้กับบรรดาแมวมองของสโมสรชั้นนำทั่วยุโรปเมื่อครั้งลงเล่นในนามทีมชาติฮอลแลนด์ในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ซึ่งเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นด้วยการยิง 3 ประตูในทัวร์นาเม้นท์พาทีมเข้าถึงรอบควอเตอร์ไฟนอลก่อนจะไปโดน “แชมป์โลก” อย่าง อาร์เจนตินา เตะตกรอบด้วยการดวลจุดโทษ
หลังจบรายการดังกล่าว มีข่าวว่า กัคโป เป็นที่หมายตาของบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็โดน ลิเวอร์พูล กล่อมมาร่วมทีมได้สำเร็จด้วยค่าตัว 37 ล้านปอนด์ในช่วงตลาดซื้อขายหน้าหนาว
จริง ๆ แล้ว ตำแหน่งที่สร้างชื่อให้กับดาวเตะดัตช์คือปีกซ้าย พร้อมด้วยสไตล์การตัดเข้ากลางและซัดด้วยขวา แต่เมื่อลงเล่นในทีมชาติ หลุยส์ ฟาน กัล ก็ใช้งานให้เขาเป็นกองหน้าตัวหลอกหรือฟอลล์ไนน์ และเมื่อมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล, เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็วางให้เขาเล่นในตำแหน่งดังกล่าวเพื่อทดแทน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน
ตอนแรกหลาย ๆ คนตั้งข้อสงสัยว่าทำไม คล็อปป์ จึงใช้งาน กัคโป ในตำแหน่งนี้ ทั้ง ๆ ที่เขาถนัดในการเล่นปีก ซึ่งนายใหญ่ หงส์แดง ก็ให้คำตอบว่า เขาชอบความที่นักเตะเล่นได้หลากหลายตำแหน่งมากกว่า
เจ้าตัวจึงค่อย ๆ เติบโตและเรียนรู้การเล่นในตำแหน่งนี้มาเรื่อย ๆ และเกมที่ทำให้เขาโดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นการยิง 2 ประตูใส่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมชัยชนะมโหฬารด้วยสกอร์ 7-0 ในศึกวันแดงเดือดเมื่อต้นเดือนมีนาคม
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นอีก 3 เกมต่อมาแข้งทีมชาติฮอลแลนด์ก็ยังไม่สามารถทำประตูคู่แข่งได้เลย ทำให้มีคำถามว่าตกลงแล้วเขาเหมาะที่จะทดแทน บ็อบบี้ จริงหรือเปล่า เพราะยิ่งเมื่อดูจากสถิติการยิงประตูของทั้งคู่ จะพบว่า กัคโป มีค่าเฉลี่ยการทำประตูอยู่ที่ 1 ลูกต่อ 3 เกมในขณะที่แข้งบราซิลเลียนทำได้ดีกว่าที่ 1 ลูกต่อ 2.56 เกม
ซึ่งเราก็ต้องไม่ลืมว่า หน้าที่หลักของ ฟีร์มีโน ในช่วงพีคไม่ใช่การลงไปยิงประตูให้ถล่มทลาย แต่เขาคือคนที่ทำให้ปีกฝั่งซ้ายและขวาเล่นได้ง่ายขึ้นและยิงประตูได้เยอะขึ้น ทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน จึงได้รับประโยชน์จากการเล่นในระบบนี้แบบเต็ม ๆ
เมื่อมาดูฟอร์มการเล่นของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ รวมทั้งฟอร์มของ กัคโป เราจะเห็นได้ว่าในระบบและแท็คติกแบบนี้ยังไม่เวิร์คเท่าที่ควรทั้งสำหรับสโมสรและตัวนักเตะเอง ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาซักระยะ แต่คำถามก็คือเมื่อไหร่
“ตำแหน่งที่ผมลงเล่นที่นี่เกือบทุกนัดคือ ฟอลส์ไนน์ สำหรับผมแล้ว แค่จะต้องทำความคุ้นเคยกับมัน แต่มันจะเป็นแผนระยะยาวหรือเปล่านั้น เรื่องนี้คุณต้องไปถามผู้จัดการทีมเอาเอง”
กัคโป กล่าวกับ สื่อ ดิ แอธเลติก
ในขณะเดียวกันการเล่นในตำแหน่งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่ตำแหน่งที่ กัคโป ถนัดมาตั้งแต่ตอนที่ค้าแข้งอยู่กับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน ดังนั้นคนที่จะช่วยให้เขาเข้าใจถึงปรัชญาของมันได้ดีที่สุดคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน
“บ็อบบี้ คือผู้เล่นที่น่าทึ่งและยังเป็นคนที่น่าทึ่งด้วย เขาพยายามช่วยเหลือผม (ในการเล่นตำแหน่งฟอลส์ไนน์) ในทุกทางที่สามารถทำได้และผมก็รู้สึกประทับใจมาก”
กัคโป กล่าวถึง ฟีร์มิโน่
เมื่ออ้างจากบทสัมภาษณ์ หมายความว่าสิ่งที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ กำลังทำอยู่นั้นอาจจะไม่ใช่แผนและระบบที่ถาวรก็ได้ เพราะอย่าลืมว่า ที่ผ่านมาผู้เล่นในแนวรุกต่างได้รับบาดเจ็บและต้องสลับหน้ากันลงสนามอยู่แทบทุกนัด มีเพียง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เท่านั้นที่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอกว่าเพื่อน
เช่นเดียวกับในเกมที่เสมอกับ เชลซี 0-0 นัดล่าสุดผู้จัดการทีมชาวเยอรมันปรับระบบแนวรุกอีกรอบ โดยเขาใช้ นูนเญซ ด้านซ้าย, ดิโอโก้ โชต้า ด้านขวา และ ฟีร์มีโน เล่นตรงกลาง ก่อนจะส่ง กัคโป และ ซาลาห์ ลงสนามในช่วงครึ่งหลังแต่ก็ยังยิงประตูไม่ได้อยู่ดี
เข้าใจได้ว่าเหตุผลหนึ่งเป็นเพราะเรื่องโปรแกรมที่ต้องลงเล่นติด ๆ กัน แต่การที่แนวรุกยิงได้เพียง 1 ประตูจาก 4 เกมหลังสุดมันก็เป็นเรื่องที่น่ากังขาไม่น้อยเหมือนกัน
เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงอาจจะเกิดขึ้นอีกครั้งในเกมที่จะเปิดบ้านต้อนรับ อาร์เซนอล ในวันอาทิตย์นี้ เพราะข่าวล่าสุดแจ้งว่า หลุยส์ ดิอาซ ฟิตเต็มร้อยและกลับมาลงซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึง ติอาโก้ อัลคันทารา ที่อาจได้โอกาสกลับมาประจำการในแดนกลางด้วยเช่นกัน
เท่ากับว่า คล็อปป์ จะมีแนวรุกเต็มไม้เต็มมือทั้ง ซาลาห์, นูนเญซ, กัคโป, ดิอาซ, ฟีร์มีโน และ โชต้า ซึ่งว่ากันตรง ๆ นี่คือขุมกำลังที่พร้อมสร้างความอันตรายให้กับคู่ต่อสู้ได้ทุกทีม ถ้าทุกคนอยู่ในช่วงพีค
ในขณะเดียวกัน นี่จะเป็นความท้าทายครั้งสำคัญของ โคดี้ กัคโป ด้วยว่า เขาจะสามารถรักษาตำแหน่ง 1 ใน 3 แนวรุกเอาไว้ได้หรือไม่ เมื่อข้างหลังมีคนพร้อมรอเสียบอยู่ตลอดเวลา
10 เกมสุดท้ายของฤดูกาลจึงเป็นช่วงเวลาที่แข้งชาวดัตช์จะต้องงัดฟอร์มออกมาช่วยทีมให้ได้ ไม่ว่าจะถูกจับลงเล่นในตำแหน่งใด ซึ่งต้องไม่ลืมว่า คล็อปป์ ไม่ได้ซื้อเขามาเพื่อยืนในตำแหน่งปีกซ้ายเพียงอย่างเดียว
เพราะตอนนี้ เขาถูกมองว่าเป็นตัวแทนของ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน ที่กำลังจะอำลาทีมในซัมเมอร์นี้ไปแล้ว…
ขอบคุณผู้สนับสนุนหลัก ufabet