ผลการแช่งชันที่ เซลเฮิร์ส ปาร์ค ทำให้ความหวังในการลุ้นแชมป์ของ ลิเวอร์พูล เปิดกว้างมากกว่าเดิม และส่งผลให้การออกไปเยือน เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในคืนวันพุธนี้มีความหมายขึ้นมาทันที
สกอร์ 0-0 ระหว่าง คริสตัล พาเลซ และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ขึ้นชื่อว่าเป็นทีมที่มีเกมรุกดุดันและพร้อมจะเอาประตูจากคู่แข่งได้ทุกสถานการณ์ ซึ่งเมื่อดูจากตัวผู้เล่นและผลงานที่ผ่านมา เจ้าบ้านไม่น่าจะมีอะไรมาสู้ได้
อย่างไรก็ตาม, ปาทริค วิเอรา ก็พาลูกทีมยันเสมอจ่าฝูงและเก็บ 1 คะแนนสำคัญในบ้านตัวเองได้สำเร็จ ถือเป็นการทำได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ ทำให้พวกเขากลายเป็นทีมที่ เป็ป ไม่สามารถเอาชนะได้ในฤดูกาลนี้
สำหรับ ซิตี้ แล้ว นี่คือความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย โดยเฉพาะในช่วงการเบียดลุ้นแชมป์กันแบบเอาเป็นเอาตาย ซึ่งนายใหญ่ชาวคาตาลันยอมรับหลังจบเกมว่า ลูกทีมเล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยม พวกเขามีเกมที่ดี ความผิดพลาดอย่างเดียวคือการที่ไม่สามารถทำประตูคู่แข่งได้
“โชคไม่เคยมีอยู่จริงในเกมฟุตบอล เราต้องทำประตูซึ่งเราทำไม่ได้ เราเล่นเพื่อยิงประตูและเสียให้น้อยที่สุด วันนี้เราค่อนข้างจะมีปัญหา”
“เราเล่นกันได้ดีมาก ๆ ตลอด 90 นาทีเรายอมรับว่ามีข้อผิดพลาดบ้าง แต่วิธีการเล่นของเรานั้นมันยอดเยี่ยมมาก ๆ”
“เรายิงประตูไม่ได้ นั่นคือความผิดพลาดที่เกิดขึ้น”
1 คะแนนที่เกิดขึ้นทำให้ช่องว่างของ ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้ เหลือ 4 คะแนน และภารกิจต่อไปของ เยอร์เก้น คล็อปป์ คือการพาลูกทีมบุกไปเก็บ 3 คะแนนที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ของ อาร์เซนอล ให้ได้ในคืนวันพุธ
เกมนี้จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ใช่ เพราะเมื่อดูสถิติการพบกันของทั้งสองทีม ดูเหมือนว่า หงส์แดง จะเหนือกว่านิด ๆ โดยในการเจอกัน 5 นัดหลังสุดใน พรีเมียร์ลีก พวกเขาสามารถเอาชนะได้ 3 นัดและแพ้ไป 2 นัด แต่ถ้านับเฉพาะในซีซันนี้ที่ได้เจอกันมาแล้ว 3 นัดทั้งในลีกและ คาราบาวคัพ รอบรองชนะเลิศ เป็น ลิเวอร์พูล ที่ทำได้ดีกว่าโดยเอาชนะไป 2 เกมและเสมอ 1 เกม ยิงได้ 6 ประตู ในขณะที่ อาร์เซนอล ยิงไม่ได้เลยแม้แต่ลูกเดียว
แต่ที่ว่ายากก็คือ เดอะกันเนอร์ส ก็ฟอร์มไม่ธรรมดา เกมลีก 5 นัดหลังสุดพวกเขาชนะรวดทุกนัด โดยเป็นการชนะรวดในบ้านถึง 3 เกมจนตอนนี้สามารถแซง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นมารั้งอันดับ 4 ของตาราง ทั้ง ๆ ที่ตอนออกสตาร์ทซีซันพวกเขาอยู่ในโซนตกชั้นด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม, ลิเวอร์พูล เองก็ผลงานไม่ธรรมดาพวกเขาชนะรวดใน พรีเมียร์ลีก มาแล้ว 8 นัด เป็นการชนะนอกบ้าน 3 นัดยิงได้ 6 เสียไปแค่ประตูเดียว ไล่จี้ แมนฯ ซิตี้ ที่เมื่อช่วงปีใหม่ทำแต้มทิ้งออกไปเป็นหลัก 10 กว่าคะแนน แต่ตอนนี้เหลือช่องว่างแค่ 4 แต้มเท่านั้นแถมยังแข่งน้อยกว่า 1 นัด
เมื่อดูจากสถิติของ หงส์แดง และ ปืนโต จึงถือได้ว่าเป็นเกมที่สุดสูสี แต่เมื่อเทียบตัวผู้เล่นหรือขุมกำลังในมือผู้จัดการทั้ง 2 คนแล้ว ดูเหมือนว่าทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ จะได้เปรียบอยู่เล็กน้อย
แกรี เนวิลล์ ตำนาน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พูดถึงเรื่องนี้โดยมองว่าการที่ แมนฯ ซิตี้ ทำแต้มหล่นที่ลอนดอนเมื่อคืนวันจันทร์ทำให้ หงส์แดง มีโอกาสมากขึ้น เพราะพวกเขามีนักเตะให้เลือกใช้ในแนวรุกหลากหลายกว่า
“ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่อันตรายมาก ๆ”
“พวกเขาดูอันตรายอย่างยิ่ง ผมแค่มองไปที่ 5 กองหน้าที่พวกเขามีโดยที่กำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของซีซัน ซึ่งคุณรู้เลยว่าพวกเขาจะสามารถเก็บชัยชนะได้อย่างมากมายด้วยการมีกองหน้า 5 คนนี้ ในขณะที่ ซิตี้ ไม่ได้มีขุมกำลังชั้นดีเช่นนี้ในแนวรุกเลย” อดีตแข้งแนวรับปีศาจแดงกล่าว.
แม้รายงานที่ออกมาล่าสุดจะระบุว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไม่ได้ลงซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บจากเกมที่เอาชนะ ไบรท์ตัน 2-0 เมื่อวันเสาร์ แต่คนที่เหลืออยู่อย่าง ดิโอโก้ โชต้า, หลุยส์ ดิอาซ, ซาดิโอ มาเน และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน ก็ยังดูอันตรายอยู่ดี
ตำแหน่งกองหน้าคือปัญหาของ แมนฯ ซิตี้ มาตั้งแต่ช่วงเปิดฤดูกาล หลังจากที่ เซร์คิโอ อเกวโร ย้ายไปเล่นให้ บาร์เซโลนา หลังหมดสัญญา และก็ต้องแขวนสตั๊ดก่อนเวลาอันควรเนื่องจากปัญหาโรคหัวใจ ทีมของ เป๊ป ปรับมาใช้ระบบ “ฟอลส์ไน” มาตลอด เพราะพวกเขายังหากองหน้าจริง ๆ ไม่ได้ ในขณะที่คู่แข่งอย่าง อาร์เซนอล ก็เพิ่งปล่อย ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ไปแทน อเกวโร ที่ คัมป์นู พวกเขาจึงต้องพึ่ง เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ และ อเล็กซองดร์ ลากาแซ็ตต์ ที่ยิงรวมกันยังไม่ถึง 10 ลูก
ขุมกำลังของ ลิเวอร์พูล จึงดูครบเครื่องที่สุดแล้วในตอนนี้ และโอกาสในการไล่จี้จ่าฝูงก็อยู่แค่เอื้อม เหลือเพียงแค่พวกเขาจะทำได้หรือไม่
ดังนั้นการไปเยือน เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม อาจถือเป็นเกมแห่งซีซันของ เยอร์เก้น คล็อปป์ และลูกทีมเลยก็ว่าได้…