จุดกึ่งกลางระหว่าง ‘โมฮาเหม็ด ซาลาห์’ และ ‘ลิเวอร์พูล’

ลิเวอร์พูล, ข่าวซื้อ-ขายนักเตะ, หงส์แดง, Liverpool, Mohamed Salah, โมฮาเหม็ด ซาลาห์

สถานการณ์เรื่องสัญญาฉบับใหม่ของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยังคงมีให้อัปเดตกันอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ ฟาบริซิโอ โรมาโน ได้เปิดเผยว่านักเตะและเอเยนต์ยังไม่มีแผนที่จะจรดปากกายืดอายุการค้าแข้งในถิ่น แอนฟิลด์ ออกไป

มีการเปิดเผยจากผู้สื่อข่าวในอียิปต์ว่า สาเหตุที่สัญญายังไม่ลงตัวเป็นเพราะดาวยิงวัย 29 ปีเรียกร้องเงินจำนวน 4.2 แสนปอนด์หรือประมาณ 17.8 ล้านบาทต่อสัปดาห์ ในขณะที่ หงส์แดง พร้อมทุ่มสุด ๆ เพียง 2.8 แสนปอนด์หรือประมาณ 11.9 ล้านบาทต่อสัปดาห์เท่านั้น

บางแหล่งข่าวบอกว่าสโมสรอาจให้ได้ในระดับ 3 แสนปอนด์ แต่นั่นก็ไม่ใช่ตัวเลขที่ ซาลาห์ และเอเยนต์ของเขาต้องการ

หากจะว่ากันตามผลงานและสิ่งที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากองหน้าวัย 29 ปีสมควรที่จะได้รับค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้น เพราะเขาคือ 1 ในนักเตะที่ดีที่สุดในยุคนี้หลังจากที่ย้ายมาเล่นกับ ลิเวอร์พูล เมื่อ 5 ปีก่อน

นับตั้งแต่ที่ ซาลาห์ ย้ายจาก โรมา มายังเมอร์ซีย์ไซด์เมื่อปี 2017 ด้วยค่าตัวประมาณ 34 ล้านปอนด์ ทุกสถิติที่มีในสโมสรมักมีชื่อของเขาเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอยู่เสมอ

ล่าสุดในเกมที่ยิงจุดโทษใส่ ไบรท์ตัน เขาก็กลายเป็นนักเตะที่ทำประตูเจ้านกนางนวลได้มากที่สุดเทียบเท่ากับ เคนนี ดัลกลิช ที่ 6 ประตู เป็นผู้เล่นคนที่ 3 ที่สามารถยิงประตูในเกมเยือนได้ถึง 50 ลูก รองจาก สตีเวน เจอร์ราร์ด และ ไมเคิล โอเวน และยังทำสถิติยิงใน พรีเมียร์ลีก ได้ถึงหลัก 20 ประตู 4 จาก 5 ฤดูกาล

ทว่าปัจจุบัน ซาลาห์ กลับได้รับเงินค่าเหนื่อยเพียงประมาณ 2 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์เท่ากับ ติอาโก้ อัลคันทารา ซึ่งยังเป็นรอง เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่รับอยู่ 2.2 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ เป็นสถิติตสูงที่สุดของสโมสรอยู่ในขณะนี้

ดังนั้นเมื่อดูจากผลงานแล้วจึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจที่เอเยนต์และนักเตะคิดว่าพวกเขาสมควรที่จะได้ค่าเหนื่อยเพิ่มมากขึ้น และแน่นอนว่ามันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเงินเดือนของ ลิเวอร์พูล ด้วย

ปัจจุบัน หงส์แดง เป็นทีมที่จ่ายค่าเหนื่อยสูงที่สุดเป็นอันดับ 4 ของ พรีเมียร์ลีก และถ้าพวกเขาทำการพังเพดานเงินเดือนเพื่อสตาร์มัมมี่ อาจทำให้ไต่อันดับขึ้นไปติดท็อปทรี ซึ่งนั่นไม่น่าจะใช่สิ่งที่สโมสรต้องการแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม, แม้ว่าสโมสรจะมีอัตราการจ่ายค่าเหนื่อยแพงระดับท็อปของลีก แต่เมื่อเข้าไปดูในเว็บไซต์ Spotrac.com จะพบว่า โม ซาลาห์ ไม่ติด 1 ใน 15 นักเตะที่ได้รับค่าเหนื่อยสูงที่สุดบนเกาะอังกฤษกับเค้าเลย ในขณะที่บางรายชื่อทำให้เราถึงกับคิ้วขมวด ไม่ว่าจะเป็น จอห์น สโตนส์  (แมนฯ ซิตี้ – 2.5 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์) ติโม แวร์เนอร์ (เชลซี – 2.72 แสนปอนด์) แจ็ค กรีลิช (แมนฯ ซิตี้ – 3 แสนปอนด์) หรือแม้กระทั่ง เอดิสัน คาวานี (2.5 แสนปอนด์)

เอเยนต์ของแข้งอียิปต์อาจจะไม่ได้บอกว่านักเตะที่เอ่ยชื่อมาไม่ควรจะได้รับค่าเหนื่อยสูงระดับนี้ แต่หากเทียบกับผลงานตลอด 5 ปีกับ ลิเวอร์พูล แล้วก็คงมีคำถามว่านักเตะในความดูแลของเขาไม่เหมาะสมกับค่าเหนื่อยระดับ 4 แสนปอนด์ตรงไหน

อย่างไรก็ดี, เมื่อถึงจุดหนึ่งหากทั้งสโมสรและ ซาลาห์ ต้องการให้ทุกอย่างจบลง พวกเขาจะต้องหาทางประนีประนอมกันให้ได้ โดยต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบด้วย

เริ่มจากในส่วนของ ซาลาห์ เป็นเรื่องจริงที่เขาสามารถย้ายออกจาก แอนฟิลด์ เพื่อรับเงินค่าเหนื่อยตามที่ต้องการ หรืออาจจะได้มากกว่านั้น แต่สิ่งที่ต้องตระหนักให้ดีคือ ปัจจุบัน ลิเวอร์พูล ได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 3 สโมสรชั้นนำของยุโรปไปแล้ว ในขณะที่หลายคนมองว่าพวกเขาคือหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในโลก ณ เวลานี้ด้วย

นอกจากนั้นสิ่งที่ ซาลาห์ อาจจะต้องพิจารณาให้ดีคือ สถานภาพใน ลิเวอร์พูล ของเขาค่อนข้างมั่นคง ถ้าไม่เจ็บไม่ป่วยก็จะได้รับการการันตีเป็น 11 ตัวจริงอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็อีก 2 ปีต่อจากนี้ ซึ่งก็ต้องไม่ลืมว่าการอยู่ภายใต้การดูแลของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่ถูกยกให้เป็น 1 ใน 2 โค้ชที่ดีที่สุดในโลกฟุตบอลสมัยใหม่นั้นทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่ได้รับการยอมรับและประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาด้วย

ลิเวอร์พูล, ข่าวซื้อ-ขายนักเตะ, หงส์แดง, Liverpool,ซาลาห์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, Salah, Mohamed Salah, Salah Contract, ข่าวการต่อสัญญาซาลาห์

การย้ายทีมอาจได้เงินค่าเหนื่อยสูงกว่าเดิมก็จริง แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาจะสามารถปรับตัวได้กับลีกใหม่กับการที่อายุย่างเข้าเลข 3 แบบนี้

ที่สำคัญคือ สถานภาพทางการเงินของสโมสรฟุตบอลในยุโรปปัจจุบันมันเปลี่ยนไปแล้ว เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลนา ไม่ใช่ทีมเงินถุงเงินถังที่จะทุ่มงบประมาณก้อนโตระดับ 100-200 ล้านในการเสริมทัพได้อีกต่อไป อย่างน้อยก็ในช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้ รวมทั้ง ยูเวนตุส ที่กำลังโดนสอบสวนเรื่องการตกแต่งบัญชีและมีแววว่าอาจจะโดนปรับตกชั้นอีกครั้งหลังจากคดี กัลโชโปลี เมื่อหลายปีก่อน

มิเช่นนั้นเราคงไม่ได้ข่าวเรื่องที่ 3 สโมสรนี้ยังคงพยายามผลักดันซูเปอร์ลีกให้เกิดขึ้นอีกครั้ง โดยวัตถุประสงค์ไม่มีอะไรมากนอกจากต้องการยกระดับสถานะทางการเงินของตัวเองให้เทียบเท่ากับทีมชั้นนำใน พรีเมียร์ลีก ดังนั้นเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าสโมสรเหล่านี้มีเงินมากพอที่จะตอบสนองความต้องการได้

หรือถ้าคิดจะย้ายไป ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เพื่อเงินระดับ 4-5 แสนปอนด์และการเล่นกับ ลีโอเนล เมสซี และ เนย์มาร์ ก็ต้องถามว่า ความสำเร็จระดับ ลีกเอิง เพียงพอต่อความต้องการของ ซาลาห์ จริงหรือ?!

ส่วน บาเยิร์น มิวนิค นั้นพวกเขาให้ความสำคัญกับสถานภาพการเงินของสโมสรเป็นอันดับแรกมากกว่าการคว้าซูเปอร์สตาร์ที่ต้องจ่ายเงินค่าจ้างแพง ๆ ซึ่งทำให้ไม่น่าจะอยู่ในตัวเลือกที่เหมาะสมเท่าไหร่นัก

เมื่อถึงตรงนี้เราอาจมองว่า ลิเวอร์พูล ได้เปรียบ ซาลาห์ ไม่น้อย หากดูจากปัจจัยที่กล่าวมา แต่ทางสโมสรเองก็อาจจะต้องยอมรับฟังข้อเสนอของนักเตะและเอเยนต์ด้วย และหาจุดกึ่งกลางที่คุยกันได้ ซึ่งตัวเลขระดับ 3.5 แสนปอนด์น่าจะสามารถทำให้การเจรจากลับมาอีกครั้ง และหากยังกระหายในความสำเร็จเจ้าตัวก็น่าจะรู้ว่าฝีมือระดับ เยอร์เก้น คล็อปป์ สามารถทำอะไรได้บ้าง

สำหรับนักฟุตบอลแล้ว ในส่วนลึกการได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องและมีสถานภาพที่มั่นคงในทีมอาจจะเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุดก็ได้ เพราะการได้เงินเพิ่มขึ้น 2-3 เท่าตัวกับทีมใหม่ก็ไม่อาจการันตีว่าจะได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องเสมอไป

ไม่เชื่อก็ลองดูตัวอย่าง จีนี ไวจ์นัลดุม ก็ได้

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top