สโมสร ลิเวอร์พูล เพิ่งจะออกมายืนยันว่า พวกเขาได้ทำการขยายสัญญาใหม่ให้กับ เคอร์ติส โจนส์ กองกลางดาวรุ่งของทีมออกไปเป็นเวลา 5 ปีหรือจนถึงปี 2027 ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของโปรเจ็คการสร้างแผงมิดฟิลด์ขึ้นมาใหม่ นอกจากการที่จะต้องลงตลาดซื้อขาย เพื่อหาผู้เล่นเข้ามาเสริมทัพในตลาดเดือนมกราคมและซัมเมอร์ที่กำลังจะมาถึง
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าข่าวนี้จะไม่ใช่ข่าวที่แฟนบอล หงส์แดง ให้ความสนใจหรือตานเต้นดีใจกันเท่าไหร่นัก เพราะปฏิกิริยาที่ออกมานั้นดูจะแตกต่างกันออกไปหลายทาง บ้างก็ตั้งคำถามว่าสโมสรจะต่อสัญญาไปทำไม? เพราะนักเตะก็ไม่ได้มีฟอร์มที่โดดเด่นอะไรขนาดนั้น บ้างก็มองว่าอย่างน้อยก็มีอะไหล่เอาไว้ให้ใช้งานยามผู้เล่นตัวหลักได้รับบาดเจ็บ แถมยังมีโควตาโฮมโกรวน์ติดมาด้วย
ต้องยอมรับว่าจากเสียงที่แตกออกเป็นหลายทิศทางเช่นนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฟอร์มการเล่นของ โจนส์ ในช่วงที่ผ่านมาที่ไม่ได้น่าประทับใจนัก ท่ามกลางสถานการณ์ของทีมที่กำลังลุ่ม ๆ ดอน ๆ และทำผลงานได้อย่างย่ำแย่
มีคำถามตามมาเหมือนกันว่า กองกลางรายนี้จะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นกองกลางตัวจริงในระยะยาวของทีมได้หรือไม่ รวมทั้งเรื่องโอกาสในการลงสนามว่าจะมีมากน้อยขนาดไหน แม้ว่าทางสโมสรจะยืนยันว่า สาเหตุที่ต่อสัญญากับแข้งวัย 21 ปีเพราะความเชื่อมั่นในตัวของนักเตะก็ตาม
อย่างไรก็ดี หากเราพิจารณาไปที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่มีต่อตัว โจนส์ นั้น จะพบว่า มันเกิดขึ้นมาหลายครั้งและที่โดนหนักที่สุดเห็นจะเป็นนัดที่ทีมแพ้ให้กับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งต้องยอมรับว่า วันนั้นไม่ใช่เฉพาะตัวเขาที่โดนอยู่คนเดียว แต่ทุกคนทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานเหมือนกัน
หากแต่ในอีกสัปดาห์กว่า ๆ ต่อมา เจ้าตัวก็กลับมาแก้ตัวได้สำเร็จในเกมที่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ นาโปลี ได้ 2-0 ในศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้าย ซึ่งแมตช์นั้นถือว่า แข้งรายนี้ได้รับคำชมพอสมควรจากการโชว์ฟอร์มได้ดีในตำแหน่งปีกซ้ายในระบบ 4-4-2 ซึ่งเป็นรูปแบบที่ คล็อปป์ นำมาใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าในสถานการณ์ที่มีผู้เล่นตัวหลักบางรายได้รับบาดเจ็บในเกมดังกล่าว
แม้ว่าจะเป็นการถูกใช้งานแบบชั่วคราว แต่ เคอร์ติส โจนส์ ก็ได้แสดงศักยภาพอันโดดเด่นบางอย่างออกมา ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้เจ้าตัวได้รับการตอบแทนเป็นสัญญาระยะยาวนี้
จริงอยู่ที่ คล็อปป์ มีแผนต้องการซื้อนักเตะใหม่เข้ามาเสริมทัพไม่ว่าจะเป็น จู๊ด เบลลิงแฮม, ดีแคลน ไรซ์ หรือใครต่อใครอีกหลายราย แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะวางรากฐานสำคัญให้กับทีมโดยเฉพาะการพัฒนาผู้เล่นดาวรุ่งที่มีแววและเคสการต่อสัญญากับ เคอร์ติส โจนส์ ก็คือสิ่งนี้
มีการตั้งข้อสังเกตว่าสัญญาของกองกลางวัย 21 ปีนั้น ยาวกว่าสัญญาปัจจุบันของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่จะหมดลงในปี 2026 ซึ่งทำให้ตีความได้ว่าสโมสรอาจมองเห็นศักยภาพบางอย่างที่สามารถพัฒนาและต่อยอดได้ รวมทั้งต้องการแน่ใจว่า จะสามารถผูกมัดนักเตะเอาไว้กับทีมได้ในระยะยาว ส่วนรายละเอียดในการใช้งานหรือโอกาสในการลงสนามเป็นเรื่องของผู้จัดการทีมและสตาฟฟ์ต้องมานั่งคุยกันอย่างจริงจังต่อไป
อย่าลืมว่า โจนส์ เพิ่งอายุเพียง 21 ปีเท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับพวกดาวรุ่งในรุ่นราวคราวเดียวกันน้อยคนที่จะมีโอกาสได้ลงสนามในทีมชุดใหญ่อย่างต่อเนื่องเช่นนี้
ในขณะเดียวกัน ก็เป็นธรรมดาที่เจ้าตัวอาจจะยังไม่มีตำแหน่งแห่งหนแบบชัดเจนในทีม เพราะส่วนใหญ่นักเตะดาวรุ่งที่ถูกดันขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่นั้นมักจะถูกส่งลงสนามในฐานะของอะไหล่ในตำแหน่ต่าง ๆ เสียก่อน ก่อนที่จะใช้เวลาซักระยะในการลงหลักปักฐานกับตำแหน่งที่ตัวเองถนัดต่อไป
เราจึงได้เห็นเจ้าหนูสเก๊าเซอร์รายนี้ ถูกจับไปเล่นปีกบ้าง กองกลางบ้าง หรือแม้กระทั่งขึ้นไปเล่นเป็น 3 ประสานแดนหน้าก็ยังเคยมีมาแล้ว
หากจำกันได้ สตีเวน เจอร์ราร์ด ในยุค เชร์ราร์ด อุลลิเยร์ ก็ยังถูกจับไปเล่นทั้งปีกขวาและฟูลแบ็ค ไหนจะ เจมี คาร์ราเกอร์ ที่ประเดิมสนามนัดแรกในทีมชุดใหญ่ด้วยการเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ และ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ถูกส่งลงสนามเป็นแบ็คขวาทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวแจ้งเกิดจากตำแหน่งกองกลางในทีมเยาวชน
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็น คล็อปป์ ใช้งาน โจนส์ ในตำแหน่งต่าง ๆ และเพื่อเป็นการตอบแทนสัญญาใหม่ที่ได้รับ จะต้องก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะถูกจับไปเล่นตรงไหนของสนาม ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ ซึ่งถือเป็นด่านแรกที่นักเตะที่ขึ้นมาจากชุดเยาวชนทุกคนต้องเจอ
มองในภาพรวม เยอร์เก้น คล็อปป์ คงจะให้ โจนส์ ทำหน้าที่ในแผงมิดฟิลด์ไม่ว่าจะเป็นหมายเลข 6 และหมายเลข 8 ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าเจ้าตัวเริ่มเข้าใจบทบาทในตำแหน่งเหล่านี้มากขึ้น จากบทสัมภาษณ์หลังการเซ็นสัญญาฉบับใหม่ที่เขาพูดถึงความแตกต่างในการเล่นในทีมชุดเล็กและการขึ้นมาเล่นกับทีมระดับ พรีเมียร์ลีก
เพราะฉะนั้นตอนนี้โอกาสเปิดกว้างแล้ว รวมทั้งสิ่งแวดล้อมและผู้คนรอบข้างก็พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่
ก็เหลือเพียงแค่ว่า เคอร์ติส โจนส์ จะสามารถยกระดับตัวเองขึ้นมาได้มากน้อยขนาดไหน ในช่วงเวลา 5 ปีที่เหลือในถิ่น แอนฟิลด์….