
ข่าวการตามล่า ดาร์วิน นูเญซ กองหน้าจาก เบนฟิก้า ของทาง ลิเวอร์พูล นั้นเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ดูจากสื่อดังในต่างประเทศที่เล่นข่าวนี้มากขึ้น
ยิ่งล่าสุด ฟาบริซิโอ โรมาโน เจ้าของวลีสุดฮิตอย่าง “Here we go!” ได้ออกมาคอนเฟิร์มผ่านทวิตเตอร์ของตัวเองว่า ลิเวอร์พูล มีแผนจะยื่นข้อเสนอมูลค่า 80 ล้านยูโรหรือประมาณ 68.4 ล้านปอนด์พร้อมเงินเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่งในซัมเมอร์นี้ ยิ่งทำให้เชื่อได้ว่า หงส์แดง เอาจริงกับดีลนี้ขนาดไหน!!
เป็นที่ทราบกันดีว่า นูเญซ นั้นสร้างชื่อกับเหยี่ยวลิสบอนในซีซันนี้ โดยเขาเริ่มเป็นที่รู้จักของ เดอะค็อป ตอนที่ ลิเวอร์พูล โคจรมาพบกับ เบนฟิก้า ในรอบควอเตอร์ไฟนอล ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก โดยสกอร์รวม 2 นัดทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 6-4, โดย 4 ลูกที่ทีมจากโปรตุเกสทำได้นั้นเป็นผลงานของดาวยิงชาวอุรุกวัยถึง 2 ประตู
ที่น่าสนใจคือก่อนเกมรอบ 8 ทีมจะเริ่ม มีกูรูหลายคนออกมาเตือน ลิเวอร์พูล ว่าให้ระวัง นูเญซ เอาไว้ให้ดี!! ด้วยสถิติการพังประตูที่ยอดเยี่ยมใน พรีเมรา ลีก้า ซึ่งถึงแม้ว่าหลังจบการแข่งขันทั้ง 2 เลกทีมของเขาจะไม่สามารถผ่านเข้ารอบต่อไปได้ แต่เจ้าตัวก็ได้รับคำชมในเชิงบวกอย่างมาก
และด้วยการที่ คล็อปป์ กำลังจะเสียกองหน้าคนสำคัญอย่าง ซาดิโอ มาเน จึงทำให้ชื่อของ นูเญซ เข้ามาอยู่ในลิสต์นักเตะที่จะเข้ามาทดแทนในช่วงซัมเมอร์
หลายคนอาจจะรับรู้ถึงความยอดเยี่ยมของกองหน้ารายนี้ผ่านแม็ตช์การแข่งขันและข่าวสารต่าง ๆ แต่คงยังไม่รู้ว่าเจ้าหนูวัย 22 ปีรายนี้คือใคร มีที่มาที่ไปอย่างไร และทำไมจึงกลายเป็นที่ต้องการของ ลิเวอร์พูล ในตลาดรอบนี้ ดังนั้นเรามาทำความรู้จักว่าที่แข้งใหม่ หงส์แดง กันให้มากขึ้นดีกว่า
จุดเริ่มต้นที่อุรุกวัย
นูเญซ เกิดวันที่ 24 มิถุนายน 1999 ที่เมืองอาร์ติกาส และเข้าร่วมทีมเยาวชนของ เพนารอล สโมสรชั้นนำของอุรุกวัยเมื่อปี 2013 ตอนอายุได้ 14 ปี แต่อยู่ได้เพียงเดือนเดียวก็ต้องออกจากทีม ก่อนที่จะได้กลับเข้าไปอีกครั้งในปี 2014 และเริ่มต้นเป็นนักเตะเยาวชนของสโมสรนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ช่วงต้นปี 2017 นูเญซ ต้องเข้ารับการรักษาอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า จากนั้นในวันที่ 22 พฤศจิกายนก็ได้รับโอกาสในการประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ในศึก พรีเมรา ดิวิชัน เป็นนัดแรกโดยเป็นตัวสำรองลงเล่นแทนที่ มักซี โรกริเกวซ อดีตแข้ง ลิเวอร์พูล ในช่วงครึ่งหลังในเกมที่พ่ายให้กับ ริเวอร์เพลท มอนเตวิเดโอ ไป 2-1 ก่อนที่จะโชคร้ายต้องเข้ารับการผ่าตัดที่หัวเข่าในเดือนต่อมา
สำหรับประตูแรกในอาชีพการค้าแข้งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2018 ในเกมที่ เพนารอล เอาชนะ เซนโทร แอตเลติโก้ ฟินิกซ์ ไป 2-0 และสามารถระเบิดแฮททริคแรกของตัวเองได้เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2019 ในเกมที่ชนะ บอสตัน ริเวอร์ 4-0
แจ้งเกิดแบบเต็มตัว
29 สิงหาคม 2019 นูเญซ มีโอกาสในการย้ายมาค้าแข้งในยุโรปโดยสโมสรแรกที่รับเขาเข้าทีมคือ อัลเมเรีย ที่ตอนนั้นอยู่ใน เซกุนด้า ดิวิชัน ของสเปน โดยมีสัญญา 5 ปีพร้อมกับค่าตัวประมาณ 4.5 ล้านดอลลาร์หรือราว ๆ 3.5 ล้านปอนด์ และได้ประเดิมสนามนัดแรกในฐานะตัวสำรองเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ก่อนจะมายิงประตูแรกได้ในวันที่ 27 ตุลาคมในนัดที่ชนะ เอสติมาดูรา 3-2 ซึ่งเป็นเกมที่เขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงนัดแรกให้กับทีมด้วย

ดาวรุ่งชาวอุรุกวัยฉายแววตั้งแต่ซีซันแรกกับ อัลเมเรีย โดยหลังจบฤดูกาล 2019-2020 เขาก็ยิงได้ทั้งหมด 16 ประตูพร้อมกับรั้งอันดับ 4 ดาวซัลโวประจำลีกรองของแดนกระทิงดุ ซึ่งทำให้ไปเข้าตายักษ์ใหญ่จากแดนฝอยทองอย่าง เบนฟิก้า ในเวลาต่อมา
4 กันยายน 2020 เหยี่ยวลิสบอน จับ นูเญซ เซ็นสัญญา 5 ปี โดยจ่ายค่าตัวเป็นเงิน 24 ล้านยูโรหรือประมาณ 20 ล้านปอนด์ซึ่งเป็นสถิติการขายนักเตะที่ได้เงินมากที่สุดของ อัลเมเรีย พร้อมกับยังมีเงื่อนไขที่ว่าพวกเขาจะได้รับเงิน 20% หากในการย้ายทีมครั้งต่อไป
11 วันต่อมากองหน้าจากอเมริกาใต้ก็ได้ประเดิมสนามนัดแรกให้กับทีมในฐานะตัวสำรอง ในเกม ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก 2020-2021 รอบเพลย์ออฟ ซึ่งโชคไม่ดีที่ต้นสังกัดของเขาพ่ายให้กับ PAOK ไป 2-1 จากนั้นเจ้าตัวก็เริ่มฉายแววด้วยการทำ 5 แอสซิสต์ในการลงสนาม 4 นัดแรกในเกมลีก โดยยิงประตูแรกพร้อมทำแฮททริคแรกให้ตัวเองได้ในวันที่ 22 ตุลาคมในเกม ยูโรป้าลีก รอบแบ่งกลุ่มกับ เลช พอซนาน ในชัยชนะ 4-2 ก่อนจะมาประเดิมประตูแรกในเกมลีกในวันที่ 26 ตุลาคมหรือ 4 วันต่อมา

ซีซันแรกของ นูเญซ กับ เบนฟิก้า ถือว่าทำได้ดีพอสมควรโดยลงเล่นไปทุกรายการ 44 นัด ทำได้ 14 ประตูกับ 12 แอสซิสต์ ก่อนที่จะมาระเบิดฟอร์มในซีซันล่าสุด 2021-2022 โดยยิงไปทั้งหมด 34 ประตูและทำ 4 แอสซิสต์ จาก 41 นัดในทุกรายการ ทำให้เป็นที่จับตามองของบรรดายักษ์ใหญ่ในยุโรปโดยทันที
ผลงานในทีมชาติ
สำหรับการติดทีมชาติอุรุกวัย แข้ง เบนฟิก้า เคยอยู่ทีมชุดอายุไม่เกิน 20 ปีที่คว้าอันดับ 3 ในการแข่งขันชิงแชมป์ทวีปอเมริกาใต้เมื่อปี 2019 จากนั้นก็ได้เล่นในฟุตบอลโลก รุ่น U-20 ในปีเดียวกันพร้อมผลงานยิงได้ 2 ประตูแต่ไปได้ไกลที่สุดแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย นอกจากนั้นยังเคยได้อันดับ 4 ในรายการ แพน-อเมริกัน เกมส์ (เป็นมหกรรมกีฬาของทวีปอเมริกาคล้าย ๆ เอเชียนเกมส์ของฝั่งเอเชีย) โดยยิงได้ 1 ประตู
สำหรับทีมชาติชุดใหญ่ นูเญซ มีชื่อเป็นครั้งแรกในเกมอุ่นเครื่องที่พบกับ คอสตาริก้า และ สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนสิงหาคม 2019 แต่ได้ลงสนามนัดแรกในนามทีมชาติเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ที่เสมอกับ เปรู ไป 1-1 โดยลงเล่นเป็นตัวสำรองในช่วง 15 นาทีสุดท้ายและสามารถยิงประตูแรกของตัวเองได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม, น่าเสียดายที่แข้งวัย 22 เป็น 1 ใน 26 คนในทีมชุดลุยศึก โคปา อเมริกา ที่บราซิลเมื่อปีที่แล้ว แต่ก็ต้องขอถอนตัวไปเนื่องจากต้องเข้ารับการผ่าตัดที่หัวเข่า จนถึงปัจจุบัน นูเญซ ลงเล่นในนามทีมชาติชุดใหญ่ไปแล้ว 10 นัดทำได้ 2 ประตู
สไตล์การเล่น
นูเญซ เป็นกองหน้าตัวกลางที่ถนัดเท้าขวา มีการออกตัวที่ดี ยิงบอลได้แม่นยำ หาพื้นที่ในการทำเกมรุกได้อย่างยอดเยี่ยม และเป็นศูนย์หน้าที่มักสร้างปัญหาให้กับแนวรับคู่แข่งได้เสมอจากการเคลื่อนที่ไม่หยุดในกรอบเขตโทษ และมีความอันตรายในเกมสวนกลับ

อันที่จริง แข้งอุรุกวัยสามารถเล่นได้หลายตำแหน่งในแนวรุก ทั้งกองหน้าตัวกลาง, ปีกซ้าย, ปีกขวา และหน้าต่ำ แต่ที่เจ้าตัวถนัดที่สุดคือ กองหน้าตัวกลางหรือ Center Forward โดยยิงได้ 32 ประตูจากการลงเล่นในตำแหน่งนี้ 72 นัดกับ เบนฟิก้า อย่างไรก็ตามก็มีสิ่งที่น่าสนใจคือ เขาสามารถทำได้ถึง 10 ประตูจากการเล่นริมเส้นด้านซ้ายเพียง 5 นัดเท่านั้น
อนาคตที่แอนฟิลด์?
หาก นูเญซ ย้ายมาเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จ, เยอร์เก้น คล็อปป์ พร้อมที่จะวางเขาเป็นกองหน้าตัวกลางเพื่อแทนที่ ซาดิโอ มาเน ที่ช่วงหลังหันมารับบทฟอลส์ไนน์ โดยมี หลุยส์ ดิอาซ ยืนด้านซ้ายและ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ประจำการด้านขวา
ความแตกต่างคือแข้งอุรุกวัยไม่ใช่กองหน้าตัวหลอก เพราะเขามีสถิติการยิงประตูที่ยอดเยี่ยมและจะเข้ามาเพิ่มความเฉียบคมในแนวรุก หลังจากที่เมื่อซีซันก่อนทีมของ คล็อปป์ โดนวิจารณ์เรื่องการใช้โอกาสเปลืองในแต่ละนัด โดยเฉพาะในเกมรอบชิงชนะเลิศ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก กับ เรอัล มาดริด ที่ยิงไปถึง 24 ครั้งแต่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้เลย

นอกจากนั้น สัญญา 5 ปีจะช่วยให้ นูเญซ ค้าแข้งในถิ่น แอนฟิลด์ ไปยาว ๆ และถือเป็นโปรเจ็คการสร้างทีมใหม่เพื่อทดแทนนักเตะที่กำลังโรยราของ คล็อปป์ ซึ่งเขาจะได้ประสานงานกับผู้เล่นแนวรุกอย่าง ดิอาซ, ดิโอโก้ โชต้า, ฮาร์วีย์ เอเลียต และ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ ซึ่งแข้งเหล่านี้ถือเป็นอนาคตเกมรุกของ ลิเวอร์พูล ทั้งสิ้น
ในขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เดินหน้าคว้าตัว เออร์ลิง ฮาแลนด์ มาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ หาก ลิเวอร์พูล ต้องการที่จะรักษามาตรฐานและประสบความสำเร็จใน พรีเมียร์ลีก พวกเขาก็ต้องหาคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อเข้ามาเสริมทัพ และการเซ็นสัญญากับ นูเญซ จะถือเป็นการยกระดับแนวรุกของทีมเพื่อเป้าหมายการเป็นแชมป์ระดับเมเจอร์ในซีซันหน้าได้