ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจในฟอร์มการเล่นของ ลิเวอร์พูล ใน 2 เกมหลังสุดที่แพ้ให้กับ เบรนท์ฟอร์ด ไป 3-1 และทำได้แค่เสมอกับ วูล์ฟ ในบ้าน 2-2 นั้น, เยอร์เก้น คล็อปป์ ยังมีอีกหนึ่งปัญหาที่ต้องรีบจัดการโดยด่วน นั่นคือการต่อสัญญากับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน สตาร์ชาวบราซิลเลียนวัย 31 ปี
ต้องบอกก่อนว่า นับตั้งแต่เปิดฤดูกาลใหม่มา บ็อบบี้ ถือเป็นนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้ดีคนหนึ่ง หลังจากที่ถูกลดบทบาทและความสำคัญลงเมื่อช่วงท้ายซีซันที่ผ่านมา จากอาการบาดเจ็บและผลงานอันยอดเยี่ยมของ หลุยส์ ดิอาซ
ด้วยเหตุนี้ ทำให้เมื่อช่วงซัมเมอร์มีการคาดการณ์ว่า เขาอาจจะไม่ได้อยู่กับทีมต่อไป โดยหลาย ๆ สื่อยกให้เป็นหนึ่งในนักเตะที่อาจจะถูกเลหลังเพื่อนำเงินมาโปะเสริมทัพนักเตะใหม่ แต่จนแล้วจนรอด ฟีร์มีโน ก็ยังคงค้าแข้งในถิ่น แอนฟิลด์ ต่อไป
กลายเป็นว่า นับตั้งแต่เปิดฤดูกาลใหม่เป็นต้นมา แข้งแซมบ้าได้รับโอกาสเต็ม ๆ จากการบาดเจ็บของ ดิโอโก้ โชต้า และ หลุยส์ ดิอาซ โดย เยอร์เก้น คล็อปป์ พยายามปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นเพื่อดึงเอาศักยภาพของเขาออกมาให้ได้มากที่สุดทั้งในระบบ 4-3-3 และ 4-3-1-2 โดยวางตัวให้อยู่ในตำแหน่งหน้าต่ำหลัง ดาร์วิน นูนเญซ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซึ่งเจ้าตัวก็ทำหน้าที่ได้ดี แถมยิงประตูได้ต่อเนื่อง
ฟีร์มีโน ลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก ทั้งหมด 13 นัด ทำได้ 7 ประตูและ 3 แอสซิสต์ ถือเป็นการกลับมาแจ้งเกิดอย่างสวยงาม แต่ก็น่าเสียดายที่เขาไม่มีชื่อไปลุยฟุตบอลโลกกับทีมชาติบราซิล และน่าเสียดายเข้าไปอีกที่ตอนนี้ เขาโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานอีกครั้งจนไม่สามารถช่วยทีมได้
บ็อบบี้ ไม่ได้ลงสนามในเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, แอสตัน วิลลา, เลสเตอร์ ซิตี้, เบรนท์ฟอร์ด และล่าสุดคือ วูล์ฟ ซึ่งหากมีเขาอยู่ในทีม ลิเวอร์พูล ก็อาจจะไม่เจอกับปัญหาแบบนี้ก็ได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญกว่าการลุ้นให้สตาร์บราซิลเลียนกลับมาลงสนามได้อีกครั้งก็คือ สัญญาที่กำลังจะหมดลงในเดือนมิถุนายนนี้
หงส์แดง และ ฟีร์มีโน กำลังอยู่ในช่วงของการพูดคุยเกี่ยวกับสัญญาฉบับใหม่ ในขณะที่ตามระเบียบแล้ว เจ้าตัวได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับทีมอื่น ๆ นอกเกาะอังกฤษได้
ความเสี่ยงที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ จะเสียสตาร์จอมเทคนิครายนี้ไปก็มีอยู่ไม่น้อยทีเดียว โดยรายงานจาก Media Foot ระบุว่า บาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่จาก บุนเดสลีกา พร้อมที่จะดึง บ็อบบี้ กลับไปเยอรมนีอีกครั้ง เพื่อประสานงานกับอดีตเพื่อนร่วมทีมอย่าง ซาดิโอ มาเน ที่ย้ายไปรอตั้งแต่ซัมเมอร์ที่ผ่านมา
กองหน้าวัย 31 ปี เคยเล่นให้กับ ฮอฟเฟนไฮม์ ในปี 2011-2015 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สร้างชื่อให้กับเขาในฐานะแนวรุกยุคใหม่ที่น่าจับตามอง จนทำให้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ตัดสินใจทุ่มเงินจำนวน 29 ล้านปอนด์ กระชากตัวเข้ามาเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อซัมเมอร์ 2015
ด้วยความที่มีประสบการณ์ใน บุนเดสลีกา เช่นนี้ ทำให้ เสือใต้ เล็งเห็นคุณค่าในตัวของ ฟีร์มีโน แม้ว่าอายุจะเข้าหลัก 3 แต่การย้ายมาเล่นในลีกที่ไม่ได้ใช้พละกำลังหรือแรงปะทะมากเท่ากับ พรีเมียร์ลีก ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเขามิใช่น้อยเหมือนกัน
คล็อปป์ เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เขาเคยออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนที่แล้วถึงความคืบหน้าเรื่องสัญญาใหม่ของ ฟีร์มีโน ว่า “เราได้คุยกับ บ็อบบี้ แล้ว โดยในมุมมองของผม แน่นอนว่าอยากให้เขาอยู่กับเราต่อไป (การเซ็นสัญญากับ โคดี้ กัคโป) มันไม่มีผลกระทบใด ๆ กับเขา แต่ถ้ามี คุณก็ต้องไปถามเขาเอง”
นอกจาก บาเยิร์น แล้วยังมีข่าวว่า อัล นาร์เซอร์ ที่เพิ่งเซ็นสัญญากับ คริสเตียโน โรนัลโด้ ไปร่วมทีมก็ให้ความสนใจสตาร์แซมบ้าด้วยเหมือนกัน ซึ่งถ้าเขาตัดสินใจย้ายไปเล่นที่นั่นก็จะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นมหาศาล แต่ก็ต้องแลกกับการห่างหายจากฟุตบอลระดับสูงไป ซึ่งอาจจะไม่มีทางได้กลับมาอีกก็ได้
ในขณะที่ ฟลอเรียน เพล็ตเทนเบิร์ก นักข่าวชื่อดังของทาง สกาย เยอรมนี เชื่อว่า ฟีร์มีโน นั้นเอนเอียงไปทางการต่อสัญญากับทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์มากกว่า แต่ก็ยังไม่มีข่าวออกมาอย่างเป็นทางการในเวลานี้
อย่างไรก็ตาม หากคิดในมุมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ การมี ฟีร์มิโน่ อยู่ในทีมย่อมมีประโยชน์มากกว่า แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะเซ็นสัญญากับทาง โคดี้ กัคโป และยังมี หลุยส์ ดิอาซ และ ดิโอโก้ โชต้า ที่รอหายกลับมาจากอาการบาดเจ็บก็ตาม แต่แข้งแซมบ้าก็สามารถตอบสนองแท็คติกของนายใหญ่ชาวเยอรมันได้อย่างหลากหลายในฐานะนักเตะสำรอง ทำให้ทีมมีลูกเล่น มีความสดใหม่ และคาดเดาได้ยาก
ดาวเตะวัย 31 ปีอาจจะไม่ได้มีความเร็วเหมือนเดิม แต่เรื่องสติปัญญาและความฉลาดในการเล่นบอลยังคงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม อย่าลืมว่า บ็อบบี้ เคยเป็นหนึ่งใน 3 ประสานที่ดีที่สุดของยุโรปร่วมกับ มาเน และ ซาลาห์ การเล่นของเขาทำให้เพื่อนร่วมทีมทั้ง 2 รายถล่มประตูคู่แข่งเป็นว่าเล่นในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาและพาทีมคว้าแชมป์มาแล้ว ทั้ง ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก และ พรีเมียร์ลีก สมัยแรก
นอกจากนี้ ความเป็นคนยิ้มง่ายและอารมณ์ดียังสามารถช่วยให้บรรยากาศในห้องแต่งตัวดีขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทุกคนต้องการกำลังใจและแรงกระตุ้นแบบนี้
การขยายสัญญาออกไปจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย ผู้จัดการทีมก็มีขุมกำลังเชิงลึกพร้อมสู้ศึกใหญ่ ในขณะที่นักเตะก็ยังได้เล่นในระดับสูงต่อไป และสามารถถ่ายทอดประสบการณ์ต่าง ๆ ให้กับแข้งรุ่นน้องและดาวรุ่งในทีมได้
อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนตอนที่ปล่อย ซาดิโอ มาเน ไปให้ บาเยิร์น เลย…