ความหวังที่จะกลับมาเริ่มเข้าที่เข้าทางในครึ่งฤดูกาลหลังของ ลิเวอร์พูล เหมือนจะพังทลายลงไปในทันที หลังเกมที่บุกไปแพ้ให้กับ เบรนท์ฟอร์ด 3-1 จากนั้นมันก็ถูกตอกย้ำให้ยิ่งเจ็บช้ำเข้าไปอีกในเกม เอฟเอคัพ นัดล่าสุดที่เสมอกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ในบ้าน 2-2
ความผิดพลาดส่วนบุคคลทำให้ หงส์แดง จำต้องมาเล่นนัดรีเพลย์กับทีม ‘หมาป่าลอนดอน‘ ในวันที่ 17 มกราคมนี้ ว่ากันตามตรง มันเป็นการเพิ่มโปรแกรมโดยใช่เหตุ, ในขณะที่พวกเขารู้ดีว่าปัญหาเรื่องนักเตะได้รับบาดเจ็บจะส่งผลต่อการเล่นในโปรแกรมแบบนี้ แต่มันก็ช่วยไม่ได้…ในเมื่อคุณไม่สามารถจัดการกับคู่แข่งได้ตั้งแต่เกมแรก
มองในแง่ดีคือ ลิเวอร์พูล ยังคงอยู่ในเส้นทางของการป้องกันแชมป์ เอฟเอคัพ จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังคงมีลุ้นไปเล่นนัดชิงชนะเลิศที่ เวมบลีย์ แต่คงไม่มีใครกล้าคิดไปถึงจุดนั้นเพราะพวกเขาต้องการให้ เยอร์เก้น คล้อปป์ แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันให้เสร็จสิ้นเสียก่อน
เห็นได้ชัดว่าการดึง อาร์ตูร์ เมโล เข้ามาเสริมทัพในวันสุดท้ายของตลาดซัมเมอร์ไม่ได้ตอบโจทย์ เพราะแทนที่แข้งบราซิลเลียนจะช่วยให้ทีมมีเกมกลางสนามที่แน่นปึ๊ก กลับกลายเป็นว่าเขาคือหนึ่งในสมาชิกทีมห้องพยาบาลร่วมกับ นาบี เกอิต้า, อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน และ เคอร์ติส โจนส์
จริง ๆ ลิเวอร์พูล มีโอกาสมากมายที่จะซื้อผู้เล่นใหม่, แต่ตอนช่วงต้นฤดูกาลที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ถูกยิงคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะในแดนกลาง เขากลับแสดงความเชื่อมั่นว่าผู้เล่นที่มีอยู่ในมือนั้นเพียงพอต่อการลุยต่อสู้ในระยะยาว
“เราสามารถผ่านมันไปได้แน่ คุณจะให้เริ่มจากตรงไหนล่ะ” คล็อปป์ กล่าว “เรามี ฟาบินโญ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ติอาโก้, มิลเนอร์, นาบี เกอิต้า, เคอร์ติส โจนส์, ฮาร์วีย์ เอลเลียต, ฟาบิโอ คาร์วัลโญ และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน คุณบอกผมหน่อยว่าตอนนี้เราขาดนักเตะแบบไหนไปบ้าง ผู้เล่นในแนวรุกที่สูง 195 เซนติเมตรและรออยู่ในกรอบเพื่อโหม่งบอลอย่างนั้นเหรอ?”
“ตัวสร้างสรรค์เกม? ถ้าเราเอานักเตะแบบนั้นเข้ามาร่วมทีม มันจะเป็นเรื่องยากกับพวกดาวรุ่งอย่าง เอลเลียต, คาวัลโญ และ เคอร์ติส โจนส์ ทันที”
“เราไม่ควรลืมผลงานในซีซันที่แล้ว, 4 เกมแรก ฮาร์วีย์ เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม เขามีความโดดเด่น แต่จากนั้นก็ได้รับบาดเจ็บรุนแรง ส่วน เคอร์ติส โจนส์ ก็เป็นนักเตะที่ดีและ ฟาบิโอ คุณต้องมองดูเขาและผลงานที่เขาทำกับ ฟูแลม ด้วย”
“ทำไมเราถึงดึงเอาดาวรุ่งเหล่านี้เข้ามาแล้วบอกว่า เขาคือมิดฟิลด์หมายเลข 9, มันไม่สมเหตุสมผลเลย คุณต้องเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ พวกนี้”
ในเวลานั้น คล็อปป์ มองว่าเขาไม่ได้มีปัญหาเพราะมีกองกลางมากมายให้เลือกใช้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปมีเรื่องอาการบาดเจ็บเข้ามา ทุกอย่างก็ล้มเป็นโดมิโน่ ทั้งฟอร์มการเล่นของแต่ละคน ฟอร์มโดยรวมของทีม ส่งผลต่อผลงานบนตาราง พรีเมียร์ลีก
นอกจากอาการบาดเจ็บแล้ว บรรดากูรูเริ่มชี้ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในแผงมิดฟิลด์ของ ลิเวอร์พูล พวกเขาเชื่อว่าเพราะ “อายุที่มากขึ้น” ทำให้บรรดาแข้งอย่าง เฮนเดอร์สัน (32 ปี), มิลเนอร์ (31) และ ติอาโก้ (31) ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเดิม และช่องว่างระหว่างวัยกับพวกแข้งดาวรุ่งมันทำให้เกิดอาการ “โตไม่ทันใช้” ในขณะที่ทีมต้องการต่อยอดความสำเร็จจากเมื่อฤดูกาลที่แล้ว
ผู้จัดการทีมวัย 55 ปีมีเจตนาดีที่อยากจะปั้นแข้งดาวรุ่งเอาไว้ใช้งานในระยะยาว แต่ดูเหมือนมันไม่ถูกที่ถูกทางและถูกเวลา เพราะนานวันเข้า ก็มีเพียง เอลเลียต เท่านั้นที่ยังได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง ส่วน ฟาบิโอ คาร์วัลโญ กลายเป็นตัวสำรองแทบจะถาวร พร้อมกับคำถามว่าตกลงเด็ก ๆ พวกนี้สมควรจะเล่นในตำแหน่งกองกลางจริง ๆ หรือ?
เมื่ออะไร ๆ ก็ไม่เป็นใจ หนทางเดียวที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ สามารถทำได้ก็คือการซื้อนักเตะใหม่ในตลาดเดือนมกราคม ชื่อของ มาเธอุส นูเนส, จู๊ด เบลลิงแฮม และ ดีแคลน ไรซ์ กลับมาวนเวียนตามหน้าสื่ออีกครั้ง แต่การจะคว้า 2 ใน 3 แข้งนี้ไม่น่าจะทำได้เพราะต้องใช้เงินมหาศาล อย่างน้อยการได้มาซักคนก่อนและอีกคนค่อยมาเพิ่มตอนซัมเมอร์น่าจะเป็นแผนที่ดีกว่า
นายใหญ่ หงส์แดง คงไม่สามารถมั่นอกมั่นใจในขุมกำลังที่เขามีได้อีกแล้ว เพราะผลงานใน 2 เกมหลังสุดมันทำให้เห็นว่า ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่กำลังอยู่ในช่วงถดถอยและไม่มีทางจะเหมือนเดิม หากยังใช้ผู้เล่นชุดเดิมแบบนี้
แน่นอนว่า คล็อปป์ ต้องพยายามหาผู้เล่นใหม่เข้ามาเสริมทัพ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นใครก็ได้ เพราะมันคือเดิมพันที่สำคัญที่จะมีผลต่อการติดท็อปโฟร์ของทีม ผลงานเก่า ๆ อาจช่วยให้เขาพ้นจากคำวิจารณ์ได้อยู่บ้าง แต่ถ้าหลังจบฤดูกาลหลุดไปเล่นพื้นที่ ยูโรป้าลีก หรือหล่นลงกลางตาราง แผนงานต่อไปคงต้องสะดุดและอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม
และยังรวมไปถึงอนาคตในถิ่นเมอร์ซีย์ไซด์ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ด้วย…