ในฤดูกาลที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ของ ลิเวอร์พูล นายใหญ่อย่าง เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องอดทนรับมือกับปัญหาต่าง ๆ มากมายที่เกิดขึ้นภายในทีม ทั้งเรื่องของฟอร์มที่ย่ำแย่ของผู้เล่นตัวหลักและปัญหาอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยเฉพาะแข้งแดนกลางที่ผลัดกันเฝ้าเตียงห้องพยาบาลกันแป็นว่าเล่น
ทว่า สิ่งหนึ่งที่ยังคงสม่ำเสมอกับน่าจะเรียกได้ว่าคงเส้นคงวามากที่สุดก็คือ ฟอร์มการเล่นของแข้งดาวรุ่งอย่าง ฮาร์วีย์ เอลเลียต ที่ได้รับความไว้วางใจจากกุนซือชาวเยอรมันให้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เปิดฤดูกาลใหม่เป็นต้นมา
แข้งวัย 19 ปีได้รับประโยชน์ไปเต็ม ๆ จากวิกฤติที่เกิดขึ้นกับ ลิเวอร์พูล ในเวลานี้ โดยเฉพาะเรื่องการบาดเจ็บของผู้เล่นในแผงมิดฟิลด์ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เราจะได้เห็นเขาลงสนามให้กับทีมไปแล้ว 21 นัดในทุกรายการ โดยได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงมากถึง 13 เกมด้วยกัน
ด้วยการที่ไม่ค่อยได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอของ ติอาโก้ อัลคันทารา, อาการบาดเจ็บเรื้อรังของ นาบี เกอิต้า และปัญหาสภาพความฟิตของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ทำให้ต้องหลุดจากการออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอยู่บ่อยครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ทำให้ เอลเลียต กลายเป็นผู้เล่นที่ คล็อปป์ เลือกใช้งานมากที่สุดในแผงมิดฟิลด์
ในขณะที่ผลงานของแข้งวัยรุ่นก็ทำได้น่าพอใจ เขายิงได้ 3 ประตูจากการลงเล่น 21 นัด และจากการเก็บสถิติของเว็บไซต์ fbref.com, เอลเลียต ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 95 ของการสร้างโอกาสในการยิงประตู, รั้งอันดับ 96 ในการผ่านบอลในเกมรุก และอยู่อันดับที่ 97 ในการสัมผัสบอลในเขตโทษของคู่ต่อสู้
เมื่อมองจากสถิติเหล่านี้หมายความว่าอดีตเด็กปั้น ฟูแลม เป็นนักเตะที่ ‘มีเซนส์’ ในเกมรุกที่ยอดเยี่ยมและเขาก็แสดงให้เห็นว่ามีพัฒนาการในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เปิดฤดูกาลเป็นต้นมา
หากแต่ยังมีคำถามอยู่วา เขาดีพอที่จะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของ ลิเวอร์พูล ในเวลานี้จริงหรือ?
อัลลี แม็คคอลย์ อดีตกองหน้าของ กลาสโกว เรนเจอร์ส ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้ผ่านทางรายการ ทอล์คสปอร์ต โดยมองว่า แม้แข้งดาวรุ่งของ ลิเวอร์พูล จะเป็นผู้เล่นที่ได้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอและทำผลงานได้ดีในระดับหนึ่ง แต่เจ้าตัวดีพอจริง ๆ หรือ? กับการเป็นตัวจริงของทีมระดับท็อปเช่นนี้ หรือแค่ได้ลงเล่นเพราะ คล็อปป์ ไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้แล้ว
“ผมคิดว่า ลิเวอร์พูล ควรทุ่มเงินเพื่อคว้าตัว จู๊ด เบลลิงแฮม และรีบปิดดีลนี้แต่เนิ่น ๆ ผมคิดแบบนั้นจริง ๆ เพราะพวกเราพูดถึงการเสริมทัพแดนกลางกันมานานเท่าไหร่แล้ว?”
“ผมรู้ว่าเขาอาจจะมีช่วงเวลาที่เลวร้ายที่ ปารีส แต่ ลิเวอร์พูล กำลังคิดถึง จีนี (ไวจ์นัลดุม) มาก ๆ อันนี้ขอพูดแบบไม่เกรงใจเลยนะ คุณลองมองดูในทีมสิ ผมไม่รู้หรอก ผมชอบ ฮาร์วีย์ เอลเลียต นะ 100% ผมคิดว่าเขาเป็นผู้เล่นที่ดีคนหนึ่งเลยล่ะ”
“แต่มันก็มีคำถามว่าเขาแข็งแกร่งพอที่จะลงเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ให้กับ ลิเวอร์พูล จริง ๆ หรือ? ซึ่งผมไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่”
มองดูแล้วคำวิจารณ์ของ แม็คคอยส์ ค่อนข้างที่จะรุนแรงต่อ เอลเลียต ไม่น้อย จริงอยู่ที่แดนกลางของ ลิเวอร์พูล อาจจะหาคนที่ฟอร์มการเล่นน่าตื่นตาตื่นใจหรือสม่ำเสมอไม่ได้เลยในเวลานี้ แต่เจ้าหนูวัย 19 ปีเองก็ถือว่าเป็นคนหนึ่งที่มีความใกล้เคียงกับคุณสมบัติเหล่านั้นและเป็นเพียงไม่กี่คนที่โชว์ฟอร์มได้อย่างสม่ำเสมอที่สุดในทีม
หากมองคุณสมบัติในด้านการทำเกมรุก มันชัดเจนว่า เอลเลียต คือหนึ่งในผู้เล่นที่ผ่านบอลได้อันตรายมากที่สุด จากการเก็บสถิติของ พรีเมียร์ลีก เขามีชื่อติด 1 ใน 5 โดยเป็นรอง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์อาร์โนลด์, คีแรน ทริปเปียร์, เควิน เดอ บรอยน์ และ เปร์บิส เอสตูปินยาน เท่านั้น
จริงอยู่ ในแง่มุมอื่น ๆ เจ้าตัวยังต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องมากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเกมรับและสภาพความแข็งแกร่งของร่างกาย แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการสร้างสรรค์เกมและการครองบอล ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเจ้าหนูนี่ คือนักเตะที่มีพรสวรรค์คนหนึ่ง
และสิ่งสำคัญที่ต้องไม่ลืมก็คือ เอลเลียต อายุยังไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ เขายังคงต้องพัฒนาฝีเท้าต่อไปและมันจะยังไม่สิ้นสุดเพียงแค่นี้อย่างแน่นอน ซึ่งหากมองไปยังทีมอื่น ๆ กับนักเตะในรุ่นราวคราวเดียวกัน ถามว่ามีใครที่ได้รับโอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่อย่างต่อเนื่องแบบนี้บ้าง
เกม คาราบาวคัพ กับ ดาร์บี้ เค้าท์ตี้ เมื่อกลางสัปดาห์ ถือเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดี กองกลางวัยแค่ 19 กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีประสบการณ์สูงที่สุดในเกมดังกล่าวเมื่อเทียบกับดาวรุ่งที่อายุเท่า ๆ กัน และเขายังเป็นคนยิงลูกโทษปิดท้ายให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะทีมเยือน ผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จด้วย ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวมาไกลขนาดไหนนับตั้งแต่ที่ได้โอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่เมื่อฤดูกาลก่อน
ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่ ฮาร์วีย์ เอลเลียต ต้องจำเอาไว้เสมอคือ เขาต้องอดทน เพราะเส้นทางการเป็นผู้เล่นตัวหลักของ ลิเวอร์พูล ยังอีกยาวไกล ยังมีอุปสรรคมากมายรออยู่ข้างหน้า แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งหากสามารถผ่านมันไปได้ การจะเดินตามรอย สตีเวน เจอร์ราร์ด หรือรุ่นพี่อีกหลาย ๆ คนก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
แต่อย่างน้อย ๆ สิ่งที่เห็นในตอนนี้มันทำให้เราค่อนข้างมั่นใจว่า เขาจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่ที่ แอนฟิลด์ อย่างแน่นอน