ดูเหมือนว่าการเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 2 ในรอบ 3 ปีของ ลิเวอร์พูล นั้นจะห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ เมื่อในขณะนี้พวกเขาโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทิ้งห่างออกไปถึง 11 คะแนน
แม้จะลงสนามน้อยกว่า 1 นัดและหากเก็บเพิ่ม 3 คะแนนได้ ช่องว่างอาจจะหดลงเหลือ 8 คะแนน และจริงอยู่ว่ายังเหลือการแข่งขันอีกถึง 16 นัด แต่ใครจะกล้าคิดว่า ซิตี้ จะพลาดเองหรือ หงส์แดง จะไม่พลาดเลย!!
ความหวังที่เหลืออยู่ของทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ หากต้องการประสบความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันในซีซันนี้ก็คือ ฟุตบอลถ้วยอย่าง คาราบาว คัพ และ เอฟเอ คัพ
ยังไม่อยากจะไปพูดถึง ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เสือสิงห์กระทิงแรดอยู่กันเต็มไปหมด ซึ่งถึงแม้ว่า ลิเวอร์พูล จะฟอร์มดีในรอบแบ่งกลุ่ม แต่มันก็ไม่ได้การันตีว่าพวกเขาจะผ่านรอบน็อคเอ้าท์ไปถึงแชมป์ได้ง่าย ๆ
ดังนั้น ถ้าจะมองกันที่ความเป็นจริง ความหวังเล็ก ๆ ของ เดอะ ค็อป ที่จะได้สัมผัสถ้วยแชมป์กับเค้าบ้างหลังจากที่ว่างเว้นไป 1 ปีเต็มก็อยู่ที่ฟุตบอลถ้วย 2 รายการในประเทศนี่แหละ
ในขณะเดียวกัน เป็นที่ทราบดีว่า ลิเวอร์พูล จะไร้เงาของ ซาดิโอ มาเน และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไปจนถึงช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์จากการที่พวกเขาติดภารกิจบินไปช่วยทีมชาติใน แอฟริกา คัพ ออฟ เนชันส์ ซึ่งกว่าจะถึงเวลานั้นเราก็คงได้รู้ว่า หงส์แดง จะได้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ และผ่านรอบ 4 ศึก เอฟเอ คัพ ได้หรือไม่
หมายความว่าคนที่เหลืออยู่จึงต้องรับหน้าที่ตรงนี้เพื่อพาทีมฝ่าสถานการณ์ที่ยากลำบากไปให้ได้ ก่อนที่จะได้ผู้เล่นตัวหลักกลับมาครบทีม
มันจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่หน้าที่นี้จะตกเป็นของ ดิโอโก้ โชต้า แนวรุกชาวโปรตุกีส!!
กองหน้าวัย 25 ปีย้ายมาจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน เมื่อซีซันที่แล้ว ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักในแดนหน้าของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ในฤดูกาลนี้
ด้วยการที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน ได้รับบาดเจ็บและฟอร์มตก โชต้า จึงกลายเป็นความหวังใหม่ในเกมรุกและเขาก็ทำหน้าที่ทดแทนได้ดีด้วยการยิงไป 10 ประตู จากการลงสนามไป 20 นัดใน พรีเมียร์ลีก เป็นรองแค่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ คนเดียวในทีมเท่านั้น
จุดแข็งของแข้งโปรตุกีส คือการสามารถลงเล่นตรงไหนก็ได้ในแผงเกมรุก 3 คน และไม่ใช่แค่ลงไปยืนให้ครบ ๆ เพราะเจ้าตัวก็ทำผลงานได้ดีในทุกตำแหน่งด้วย โดย 3 เกมหลังสุดก็รับไป 3 บทบาท ทั้งริมเส้นฝั่งซ้าย ริมเส้นฝั่งขวา และกองหน้าตัวเป้า
แต่ตำแหน่งที่ คล็อปป์ มักใช้งานอดีตแข้ง วูล์ฟ มากที่สุดก็คือ การเล่นเป็นกองหน้าตรงกลาง ขนาบด้วย มาเน ด้านซ้ายและ ซาลาห์ ด้านขวาอย่างที่เราได้เห็นกันมาส่วนใหญ่ในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก
เมื่อรวมสถิติการลงสนามในทุกรายการจนถึงตอนนี้ โชต้า ยิงไปทั้งหมด 12 ประตูจากการลงเล่น 26 นัด โดยเป็นการยิงใส่ทีมใหญ่อย่าง อาร์เซนอล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แอตเลติโก้ มาดริด ใน UCL ซึ่งพิสูจน์ได้ในระดับหนึ่งว่าเขาดีพอสำหรับการลงเล่นในเกมสำคัญ
ด้วยความสารพัดประโยชน์ในเกมรุกเช่นนี้ คำถามจึงตามมาว่า ตกลงแล้วเจ้าตัวถนัดตรงไหนกันแน่ ซึ่งกองหน้าวัย 25 ปีเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ว่า
“ผมพยายามที่จะทำทุกอย่าง ตามที่ผู้จัดการทีมต้องการเสมอ”
“ที่ วูล์ฟ บางครั้งเราก็เล่นระบบกองหน้า 3 คนและผมก็ถูกจับไปเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย เพราะเรามีกองหน้าตัวกลางที่เก่งมาก ๆ อย่าง ราอูล ฆิเมเนซ อยู่แล้ว”
“ผมพยายามปรับตัวให้เล่นได้ในทุกตำแหน่ง ซึ่งมันเป็นหนึ่งในหน้าที่หลักของผม ผมไม่ได้บังคับให้ใครต้องมาเปลี่ยนแปลงผม ผมพยายามปรับตัวตามที่ได้รับการร้องขอและทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”
อย่างไรก็ตาม, 2 เกมหลังสุดที่ไม่มีทั้ง ซาลาห์ และ มาเน เขายังไม่สามารถทำประตูได้
แต่ก็เชื่อว่า สตาร์ฝอยทองก็จะยังคงเป็นกองหน้าตัวหลักของ เยอร์เก้น คล็อปป์ และเราจะได้เห็นเขาในเกมเยือนถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ของ อาร์เซนอล ในรอบรองชนะเลิศ คาราบาว คัพ เลก 2 ในวันพฤหัสบดี ซึ่งจะได้รู้กันว่า ลิเวอร์พูล จะเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศกับ เชลซี อย่างที่พวกเขาตั้งใจได้หรือไม่?!
และ ดิโอโก้ โชต้า อาจเป็นคนให้คำตอบเรื่องนี้ก็ได้