ในฤดูกาลนี้แม้ว่าผลงานของ ลิเวอร์พูล จะไม่ค่อยดีนัก โดยพวกเขาผันตัวจากการเป็นทีมลุ้น 4 แชมป์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว มาเป็นทีมที่ต้องลุ้นอันดับ 4 จากการออกสตาร์ทที่ย่ำแย่ แถมถูกรุมเร้าด้วยปัญหาสารพัด ทั้งเรื่องอาการบาดเจ็บและฟอร์มการเล่นที่ตกต่ำของแข้งตัวหลักในทีม
แต่ในอีกมุมหนึ่ง ผลผลิตแข้งเยาวชนก็ได้รับโอกาสในการลงสนามมากขึ้น ถือเป็นการได้แสดงศักยภาพให้กับ เยอร์เก้น คล็อปป์ ได้พิจารณาไตร่ตรองเพื่อการได้เข้ามาอยู่ในทีมชุดใหญ่อย่างถาวรในอนาคตต่อไป
นายใหญ่ชาวเยอรมันเป็นหนึ่งในกุนซือที่ชอบให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งอยู่เสมอ เขาเชื่อว่า “ถ้าคุณแก่พอก็เก่งพอ” และเราก็ได้เห็นผู้เล่นอย่าง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เคอร์ติส โจนส์ และ ฮาร์วีย์ เอลเลียต ลงเล่นในทีมชุดใหญ่อย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีหลัง
ซึ่งในฤดูกาลนี้ก็เช่นกัน คล็อปป์ จัดการเดบิวท์แข้งอายุน้อยไปแล้วถึง 5 รายและ 2 คนที่โดดเด่นน่าจับตามองจนเชื่อว่าจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะระดับท็อปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็คือ สเตฟาน บาจเซติช และ บ็อบบี้ คลาร์ก
แข้งวัย 18 และ 17 ปีลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ในทุกรายการรวมกัน 7 นัดและทั้งคู่ก็มีส่วนร่วมในการเข้าแค้มป์เก็บตัวช่วงเบรกกลางฤดูกาลที่ดูไบ พร้อมทั้งได้รับโอกาสในการสร้างความประทับใจให้กับทีมงานอีกด้วย
เจ้าหนู บาจเซติช นั้นเคยถูกพูดถึงไปบ้างแล้วหลังเกมที่ หงส์แดง ถล่ม เอซี มิลาน แบบขาดลอย ซึ่งเจ้าตัวแสดงให้เห็นถึงคลาสและความโดดเด่นที่เหนือกว่าเด็กในรุ่นราวคราวเดียวกัน ในขณะที่ บ็อบบี้ คลาร์ก ซึ่งเป็นลูกชายของ ลี คลาร์ก อดีตกองกลางตัวเก่งของ นิวคาสเซิล ก็เริ่มฉายแววความเก่งกาจให้เห็น
เจมส์ มิลเนอร์ รุ่นพี่ระดับซีเนียร์ของทีมชุดใหญ่ยืนยันเรื่องนี้ได้ดี เขาให้สัมภาษณ์กับ เบน ฟอสเตอร์ ในรายการของ Amazon Prime ถึงความยอดเยี่ยมของพวกนักเตะดาวรุ่งของทีม หงส์แดง และเฉพาะเจาะจงไปที่เจ้าหนู บาจเซติช และ คลาร์ก ที่เชื่อว่าจะมีอนาคตที่สดใสกับทีม
“เราเคยมี ว้ดดี้ (เบน วู้ดเบิร์น) ที่กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูได้ และมันก็เป็นเรื่องแปลกเพราะเป็นเกมที่เจอกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ด้วย”
“ที่ว่าแปลกก็คือ อลัน สมิธ (อดีตกองหน้า ลีดส์ และ แมนฯ ยูไนเต็ด) ก็เคยเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูได้และเขาก็ทำได้ต่อหน้าแฟนบอลที่อัฒจรรย์ฝั่ง เดอะค็อปเอนด์ ที่ ลิเวอร์พูล ซึ่งมันเป็นโมเม้นท์ที่แปลกดี จากนั้นเราก็มีดาวรุ่งอย่าง เทรนท์ ก้าวขึ้นมาและประสบความสำเร็จกับทีม”
“ตอนนี้เรามีแข้งอายุน้อยอย่าง สเตฟาน บาจเซติช กองกลางที่ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมและได้ลงสนามไปบ้างแล้ว นอกจากนั้นยังมี บ็อบบี้ คลาร์ก ซึ่งผมเคยเล่นกับพ่อของเขาเมื่อ 18 ปีก่อนตอนนั้นผมลงสนามเป็นตัวสำรองกับ ลี คลาร์ก (พ่อของ บ็อบบี้ คลาร์ก) ที่ นิวคาสเซิล และในปีนี้ผมก็ได้ลงเล่นกับลูกชายของเขาด้วย เรื่องพวกนี้มันทำให้คุณไม่รู้สึกแก่เลย”
“เด็กหนุ่มทุกคนมีความแตกต่างกัน คุณต้องการให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายเมื่อก้าวเข้าสู่ทีมชุดใหญ่และโชว์ฟอร์มที่ดีที่สุดออกมา อย่าง ฮาร์วีย์ เอลเลียต คุณคงลืมไปเลยว่าเขาอายุยังน้อยอยู่เลย ไหนจะมี ฟาบิโอ คาร์วัลโญ ที่ยังเด็กแต่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพ”
นอกจาก 2 ดาวรุ่งที่ มิลเนอร์ พูดถึงแล้ว เบน โดค ยังเป็นอีกคนที่ได้รับเสียงเชียร์จากผู้ที่เกี่ยวข้องให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ดันขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่และปั้นให้เป็นรูปเป็นร่างเสียที
ดาวเตะสก็อตติชเป็นอีกคนที่ฟอร์มเด่นในเกมอุ่นเครื่องกับ มิลาน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ไป 1 นัดในเกม คาราบาวคัพ รอบ 3 ที่เอาชนะ ดาร์บี้ เค้าท์ตี้ จากการดวลจุดโทษ ในขณะที่ผลงานกับทีมเยาวชนและทีมสำรองถือว่าโดดเด่นมาก ๆ จึงไม่แปลกที่ได้รับเสียงเรียกร้องให้ขึ้นมาซ้อมกับรุ่นใหญ่ดูบ้าง
จริงอยู่ที่นักเตะอายุน้อยพวกนี้อาจจะยังไม่สามารถสร้างอิมแพ็คต่อทีมได้โดยทันที แต่ด้วยสถานการณ์ที่กำลังมีปัญหามากมายโดยเฉพาะในแดนกลางและแนวรุก เชื่อว่าพวกเขาเหล่านี้จะมีโอกาสสอดแทรกขึ้นมาช่วยประคับประคองทีมได้บ้างไม่มากก็น้อย
ไม่แน่เหมือนกันว่าในเกมที่ออกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ในศึก คาราบาวคัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยเฉพาะยามที่แข้งตัวหลักยังไม่พร้อมกันอย่างเต็มที่ เราอาจจะได้เห็น เยอร์เก้น คล็อปป์ ส่งบรรดา “วัยรุ่นหงส์แดง” ลงป่วนคู่ต่อสู้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยก็ได้