สิ่งที่ ‘ลิเวอร์พูล’ ต้องการในตลาดซัมเมอร์นี้

ลิเวอร์พูล, ข่าวซื้อ-ขายนักเตะ, หงส์แดง, Liverpool

เดิร์ค เค้าท์ อดีตกองหน้าบ้าพลังของ ลิเวอร์พูล ออกมาให้สัมภาษณ์หลังจบเกมที่ทีมเก่าของเขาพ่ายให้กับ เรอัล มาดริด พลาดการได้แชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก สมัยที่ 7 ไปอย่างเจ็บปวดว่า นี่คือฤดูกาลที่ล้มเหลวของพลพรรคหงส์แดง

แม้ว่า เดอะเร้ดส์ จะคว้าแชมป์ คาราบาวคัพ และ เอฟเอคัพ ได้ก่อนหน้านั้น แต่การพลาดแชมป์ใหญ่ 2 รายการอย่าง พรีเมียร์ลีก และ แชมเปี้ยนส์ลีก มันทำให้นักเตะและแฟนบอลรู้สึกเสียใจและเสียดาย เพราะพวกเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมและโดดเด่นมาตลอดทั้งซีซัน

เค้าท์ ก็มองเช่นนั้น เขาชี้ว่า ลิเวอร์พูล มีลุ้นถึง 4 แชมป์ แต่พอถึงช่วงสำคัญในเดือนพฤษภาคมพวกเขากลับทำไม่ได้ นั่นคือความล้มเหลว แต่เจ้าตัวก็ยังเชื่อว่าทีมจะกลับมาอยู่ในจุดนี้อีกครั้งอย่างแน่นอน

เมื่อย้อนกลับมาทบทวนเกมกับ เรอัล มาดริด คำถามคือสิ่งใดที่ทำให้ เค้าท์ มองว่าอดีตต้นสังกัดของเขาประสบความล้มเหลว

สตีเวน เจอร์ราร์ด ออกมาวิเคราะห์เรื่องนี้เหมือนกัน เมื่อมองจากสถิติและรูปเกม จริงอยู่ที่บอลของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ครองบอลและทำเกมรุกได้ดุดันและสร้างโอกาสได้มากมายถึง 24 ครั้ง แต่พวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้เลยแม้แต่ลูกเดียว

นอกจากความ “ผีเข้า” ของ ตีโบ กูร์ตัว นายทวารราชันชุดขาวแล้ว กัปตันเจิดว่า ลิเวอร์พูล ชุดนี้ แม้เล่นมีระบบการเล่นแข็งแกร่งและมีแบบแผน แต่พวกเขาขาดความเด็ดขาดในยามจำเป็น ซึ่งเกมนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก คือตัวอย่าง

ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องมีกองกลางที่ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำซักคน

พวกเขาจำเป็นต้องมีมิดฟิลด์ที่ยิงประตูได้ คนที่สามารถยิงได้หลัก 10 ประตูขึ้นไป พวกเขาพึ่งพา 3 กองหน้าหรือจะเรียกว่า 5 แนวรุกก็ได้ ถ้านับเอา ดิโอโก้ โชต้า และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน เข้าไปด้วย

ซึ่งเมื่อมาดูสถิติในซีซันนี้ ดูเหมือนว่า สตีวีจี จะพูดถูก

หงส์แดง ยิงใน พรีเมียร์ลีก ได้ 94 ประตู โดยกองหน้า 7 คนอย่าง ซาลาห์, มาเน, ฟีร์มีโน, ดิอาซ, โชต้า, มินามิโนะ และ โอริกี ยิงรวมกันได้ 69 ประตู ส่วนกองกลางนับเฉพาะที่ได้ลงเล่นและยิงประตูได้มี 6 คน ได้แก่ ฟาบินโญ, เฮนเดอร์สัน, เกอิต้า, แชมเบอร์เลน, โจนส์ และ ติอาโก้ ทั้งหมดยิงรวมกันแค่ 14 ประตู โดยคนที่ยิงได้มากที่สุดคือ ฟาบินโญ ที่ 5 ประตู

ยิ่งมาเปรียบเทียบกับแชมป์ พรีเมียร์ลีก อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งแผงมิดฟิลด์ที่ถูกใช้งานและทำประตูได้มี 5 รายคือ กุนโดกัน, โรดรี, เดอ บรอยน์, ซิลวา และ แฟร์นันดินโญ ทั้งหมดยิงรวมกันได้มากถึง 40 ประตูจากจำนวนทั้งหมด 99 ลูกที่ทีมยิงได้ในดูกาลนี้ ซึ่งคนที่ยิงได้มากที่สุดเป็น เดอ บรอยน์ ทำไป 15 ประตู ส่วนกองหน้า 5 ราย กรีลิช, โฟเด้น, ราฮีม, เชซุส และ มาห์เรซ ยิงได้ 44 ประตูมากกว่ามิดฟิลด์แค่ 4 ลูก แต่น้อยกว่าแนวรุก หงส์แดง 25 ประตู

หากเทียบกันแบบนี้ ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ดูจะมีสมดุลมากกว่า เพราะกองกลางกับกองหน้ายิงประตูได้พอ ๆ กัน ต่างจาก ลิเวอร์พูล ที่พึ่งพาแนวรุกมากกว่าเหมือนอย่างที่ เจอร์ราร์ด พูดไว้ ซึ่งถ้าพวกเขามีมิดฟิลด์ที่ยิงได้หลัก 10 ประตูก็เป็นไปได้ว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ อาจได้ชูถ้วย พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 2 ก็ได้

อย่างไรก็ตาม, นั่นเป็นเพียงการคาดเดาตามสถิติตัวเลข ซึ่งเมื่อลงลึกในรายละเอียดจะเห็นว่าวิธีการเล่นของทั้ง 2 ทีมแตกต่างกัน ผลที่ออกมามันจึงไม่เหมือนกัน

บอลของ คล็อปป์ คือบอลที่เน้นการขึ้นเกมรุกริมเส้นเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ต้องการมิดฟิลด์ที่ยิงประตูได้เยอะเท่ากับคนที่สามารถแพ็คแดนกลางให้แน่น ประสานงานกับปีกและฟูลแบ็คได้ดี ป้องกันเกมสวนกลับ และสร้างโอกาสในเกมรุกได้ ซึ่งทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติของ 7 กองกลาง หงส์แดง อาจจะมี ติอาโก้ ที่ดูเป็นเพลย์เมคเกอร์มากกว่าเพื่อน แต่เขาก็ต้องปรับตัวด้วยเช่นกัน

Salah, Mane, Liverpool, Premier League, UEFA Champions League , Real Madrid, ลิเวอร์พูล, พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, เรอัล มาดริด

ผิดกับทีมของ เป๊ป กองกลางส่วนใหญ่เป็นเพลย์เมคเกอร์ เทคนิคดี ความสามารถเฉพาะตัวสูง สามารถพาบอลไปเองได้ และยิงประตูได้ดี ในขณะที่กองหน้าของพวกเขาเป็นพวกใช้ความเร็วเป็นส่วนใหญ่ ยิ่งปีนี้ไม่มีหน้าเป้าก็ต้องหันมาใช้ระบบฟอลส์ไนน์แทบทั้งซีซัน ซึ่งทำให้ยิงประตูได้ไม่เยอะ ดีที่จำนวนประตูเกือบครึ่งมาจากพวกมิดฟิลด์

ดังนั้น จึงพูดได้ว่า ฟุตบอลของ เยอร์เก้น คล้อปป์ อาจจะไม่ต้องการกองกลางยิงไกลดี ๆ เท่ากับพวกที่เล่นเป็นทีมและสร้างโอกาสให้เพื่อนได้

ขนาดตอนขาย ฟิลลิปเป้ คูตินโญ ออกจากทีม หลายคนก็มองว่าผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล น่าจะหากองกลางเทคนิคดีซักคนเข้ามาแทน แต่ท้ายที่สุดก็ไปได้ ฟาบินโญ และ นาบี เกอิต้า ซึ่งคนหนึ่งเล่นเป็นตัวรับ อีกคนถนัดแบบบ็อกซ์ทูบ็อกซ์หาใช่พวกจ่ายบอลคม ยิงไกลดี และเลี้ยงกินตัวเหมือน คูตี้ แต่อย่างใด

จุดสำคัญจึงหน้าจะไปอยู่ที่แผงกองหน้า เพราะถ้าย้อนกลับไปดูสถิติในนัดล่าสุดจะพบว่า ลิเวอร์พูล สร้างโอกาสได้มากถึง 24 ครั้งแต่เปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้เลย ถึงขนาดที่ คล็อปป์ ออกมาให้สัมภาษณ์หลังจบเกมว่า การสร้างโอกาสได้มากมายขนาดนี้แล้วไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้ แสดงว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน

นั่นหมายความว่าพวกเขาอาจไม่ได้อยากได้กองกลางตัวยิงไกลจากแถว 2 หรือพวกที่ชอบสอดเข้ามาทำประตูซะทีเดียว แต่ถ้าได้กองหน้าคม ๆ มาเข้าทีม ผลการแข่งขันอาจจะออกมาเป็นอีกอย่างก็ได้

ในเมื่อบอลของ คล็อปป์ คือบอลที่สร้างโอกาสในการทำประตูได้มากจึงไม่แปลกใจที่ ซาลาห์ กับ มาเน จะยิงรวมกันได้เกือบ 40 ประตู

ดังนั้นในระบบการเล่นของ ลิเวอร์พูล จึงไม่ได้ต้องการกองกลางที่ยิงได้หลัก 10 ประตูขึ้นไป แต่พวกเขาต้องการใครซักคนที่สามารถคว้าโอกาสในการทำประตูได้มากกว่า และตำแหน่งนั้นจึงควรจะเป็นกองหน้าตัวจบสกอร์คม ๆ ซักคนในช่วงซัมเมอร์นี้

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top