ท่ามกลางสัปดาห์อันวุ่นวายด้วยการระบาดของไวรัสโควิด โดยเฉพาะในแคมป์ของ ลิเวอร์พูล ถือว่าเป็นอะไรที่สาหัสสากรรจ์อย่างมากสำหรับ เยอร์เก้น คล็อปป์ และทีมงาน
หงส์แดง โดนเจ้าเชื้อร้ายเล่นงานไล่มาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคมก่อนเกมที่จะพบกับ นิวคาสเซิล, 3 แข้งคนสำคัญอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดค์, ฟาบินโญ และ เคอร์ติส โจนส์ ต่างมีรายงานว่าผลตรวจออกมาเป็นบวกทำให้ไม่สามารถลงช่วยทีมได้ในเกมนั้น
ถัดมาในช่วงใกล้จะปีใหม่ คล็อปป์ ออกมายืนยันว่ามีนักเตะของเขาติดโควิดเพิ่มอีก 3 ราย รวมทั้งสตาฟฟ์อีกจำนวนหนึ่ง ไม่กี่วันก่อนเกมนัดสำคัญที่จะออกไปเยือน เชลซี ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ซึ่งมีความพยายามที่จะขอให้เกมนี้เลื่อนออกไปก่อน แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ
หนำซ้ำตัวกุนซือเองยังมีผลตรวจออกมาเป็นบวกในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา นั่นทำให้เขาไม่สามารถลงคุมทีมข้างสนามที่ลอนดอนได้ หน้าที่ดังกล่าวจึงตกเป็นของ เป๊ป ลินเดอร์
ผลการแข่งขันที่ออกมาแม้จะน่าเสียดาย แต่พวกเขาก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด การบุกไปเสมอ 2-2 ได้ท่ามกลางการขาด เยอร์เก้น คล็อปป์ และนักเตะตัวหลักอีกหลายรายนั้นเป็นเรื่องที่ต้องชื่นชมหัวจิตหัวใจอย่างแท้จริง
หากแต่ความซวยยังไม่หยุดแค่นั้น วันต่อมาผลตรวจของ เป๊ป ลินเดอร์ ออกมาเป็นบวกอีกราย ทำให้ตอนนี้ทั้งผู้จัดการทีมและผู้ช่วย ต่างโดนโควิดเล่นงานกันเกือบหมด
ด้วยเหตุนี้ทำให้สโมสรได้ทำเรื่องขอเลื่อนเกมรอบรองชนะเลิศนัดแรกในศึก คาราบาวคัพ ที่ต้องออกไปเยือน อาร์เซนอล ในวันพฤหัสบดีออกไปก่อนและโชคดีที่ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่ผลที่ตามมาคือการที่ต้องปิดสนามซ้อม แอกซา เทรนนิง เซ็นเตอร์ เป็นเวลา 48 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 5-7 มกราคมเพื่อเคลียร์เจ้าเชื้อนี้
นั่นหมายความว่าทำให้นักเตะไม่สามารถมาซ้อมเพื่อเตรียมทีมในการลงเล่น เอฟเอคัพ รอบ 3 ในวันอาทิตย์ที่ 9 มกราคมได้เลย
อย่างไรก็ตาม, ปีเตอร์ คราเวียตซ์ ผู้ช่วยอีกคนของ คล็อปป์ ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในระหว่างที่ไม่สามารถมาซ้อมได้ตามปกตินั้น พวกเขาแก้ปัญหาด้วยการใช้การออนไลน์พูดคุยกันเหมือนตอนที่ล็อคดาวน์โควิดรอบแรก โดยให้ทีมงานประเมินสภาพร่างกายของนักเตะแต่ละคน ใครที่สามารถออกไปวิ่งข้างนอกได้ก็ให้ทำ ส่วนคนที่ออกจากบ้านไม่ได้ก็มีโปรแกรมฝึกซ้อมในบ้านให้ ซึ่งทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี
จากนั้นสนามซ้อมได้รับอนุญาตให้เปิดทำการอีกครั้งในวันที่ 8 มกราคม 1 วันก่อนการแข่งขัน คนที่ไม่มีปัญหาเรื่องโควิดหรือมีอาการบาดเจ็บก็ได้กลับมาลงซ้อมร่วมกัน แต่ก็ยังต้องลุ้นว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ จะสามารถกลับมาคุมทีมในวันอาทิตย์ได้หรือไม่
ซึ่งสุดท้ายเราก็ได้เห็นนายใหญ่เมืองเบียร์ลงไปคุมลูกทีมวอร์มอัพก่อนเกมที่สนาม แอนฟิลด์ พร้อมกับนักเตะตัวหลักอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดค์, ฟาบินโญ และ เคอร์ติส โจนส์ ที่กลับมามีชื่อเป็นตัวจริงอีกครั้ง นอกจากนั้นยังได้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่พ้นโทษแบนลงมายืนในตำแหน่งแบ็คซ้ายด้วย
ถึงกระนั้นยังมีข่าวร้ายก่อนเกมคือ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์–อาร์โนลด์ มีผลตรวจเป็นบวกไปอีกคน ทำให้ คล็อปป์ ต้องส่ง คอเนอร์ แบรดลีย์ ลงสนามแทน
นั่นคือสถานการณ์อันยากลำบากตลอดช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ ลิเวอร์พูล ต้องเจอก่อนที่พวกเขาจะลงเล่นในศึก เอฟเอคัพ รอบสาม เมื่อคืนวันอาทิตย์
และเมื่อฟุตบอลกลับมาเตะกันอีกครั้ง ทุกอย่างก็ต้อง The show must go on!
ว่ากันถึงรูปเกมโดยรวม เยอร์เก้น คล็อปป์ จัดทีมชุดผสมด้วยการใช้แข้งตัวหลักกับการให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งหลายรายทั้งที่เราคุ้นชื่อและไม่ค่อยคุ้นชื่อ ไม่ว่าจะเป็น ไทเลอร์ มอร์ตัน, เคด กอร์ดอน, ดิซอน บอนเนอร์ และ แม็กซ์ โวลท์มันน์ รวมทั้ง เมลคามู ฟรูเอนดอร์ฟ และ เจมส์ นอร์ริส ที่ได้ลงเป็นตัวสำรองในช่วงท้ายเกมด้วย
เกมโดยรวมถือว่าเป็นไปตามมาตรฐาน การครองบอลและโอกาสเข้าทำเป็นของเจ้าบ้านเกือบทั้งหมดหมด แม้ว่า ชรูวส์บิวรี จะมีเซอร์ไพรส์ออกนำไปก่อนในนาทีที่ 27 จากการเข้าฮอสของ ดาเนียล อูโดห์ แต่ หงส์แดง ก็กลับมาตีเสมอแทบจะทันทีได้จากการยิงอันเยือกเย็นของเจ้าหนู เคด กอร์ดอน ก่อนที่พวกพี่ ๆ จะช่วยกันดาหน้ายิงเอาชนะไปได้อย่างท่วมท้น 4-1 เข้าไปเจอกับ คาร์ดิฟ ในรอบต่อไป
สิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นนอกจากผลการแข่งขันที่ท่วมท้นและเด็ดขาดแล้ว การได้นักเตะตัวหลักบางรายกลับมาลงสนามอีกครั้งนับว่าเป็นนิมิตหมายอันดี รวมทั้งตัวกุนซืออย่าง เยอร์เก้น คล็อปป์ เองที่ได้กลับมาคุมทีมข้างสนามเป็นขวัญกำลังใจให้กับลูกทีม
แข้งดาวรุ่งที่ถูกส่งลงเล่นในเกมนี้แม้จะยังไม่สามารถบอกได้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร แต่กับวิกฤติโควิดที่เกิดขึ้นมันทำให้พวกเขาได้รับโอกาสพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งก็ถือเป็นการเพิ่มความมั่นใจและเป็นแรงกระตุ้นให้เร่งพัฒนาฝีเท้าเพื่อการก้าวขึ้นมามีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่ในอนาคตต่อไป
ที่สำคัญไปกว่านั้น ชัยชนะและฟอร์มการเล่นในนัดนี้ถือได้ว่าเป็นรางวัลของความอดทนและความพยายามในการฝ่าฟันวิกฤติที่เกิดขึ้นกับสโมสรในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่ามันอาจจะยังไม่คลี่คลายทั้งหมด แต่เชื่อว่าทุกอย่างจะค่อย ๆ ดีขึ้นในไม่ช้าอย่างแน่นอน