ปี 2021 กำลังจะผ่านไปแล้ว, พร้อมกับที่ปี 2022 จะเข้ามาแทนที่ เช่นเดียวกับที่หลายคนคงตั้งตารอให้สิ่งที่ไม่ดีในปีที่ผ่านมาผ่านพ้นไป ในขณะที่ก็กำลังลุ้นว่าจะมีอะไรดี ๆ ผ่านเข้ามากับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้บ้าง
สำหรับ ลิเวอร์พูล ก็เช่นกัน, ในปี 2021 ที่ผ่านมาโดยเฉพาะกับช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลที่แล้ว อาจถือได้ว่าพวกเขาเจอกับ “ปีชง” เข้าเต็ม ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการบาดเจ็บของนักเตะตัวหลักจนส่งผลต่อผลงานของทีม ซึ่งทำให้พวกเขาหลุดวงโคจรของการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ไปในช่วงหลังปีใหม่ก่อนจะกลับมาคว้าอันดับ 3 ได้สำเร็จในบั้นปลาย
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนมรสุมลูกใหญ่ได้ผ่านพ้น ลิเวอร์พูล สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่นอีกครั้งในฤดูกาลนี้ โดยพวกเขาได้นักเตะคนสำคัญกลับมาครบทีม พร้อมทั้งการซื้อ อิบราฮิมา โคนาเต้ เข้ามาเป็นอะไหล่ชั้นดีเพื่อป้องกันวิกฤติที่จะเกิดขึ้นเหมือนเมื่อซีซันก่อน
แม้ว่าพวกเขาแพ้ให้กับคู่แข่งไปใน พรีเมียร์ลีก 2 เกมแล้ว แต่ก็ผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอ้าท์ในศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ทั้ง ๆ ที่อยู่ใน “กรุ๊ปออฟเดธ” ได้อย่างสง่าผ่าเผย รวมทั้งการแผลงฤทธิ์ของบรรดาแข้งสำรองที่พาทีมเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศในศึก คาราบาวคัพ ได้สำเร็จ
ยังไม่นับเรื่องนอกสนามที่ทาง พรีเมียร์ลีก เพิ่งตกลงเรื่องลิขสิทธิ์กับสถานีโทรทัศน์ในอเมริกาได้สำเร็จ ทำให้เกิดความหวังเรื่องรายได้ที่จะเข้ามาอย่างมหาศาลท่ามกลางโรคระบาดโควิด-19 นำมาสู่การเข้ามาของเม็ดเงินในการเสริมทัพ ซึ่งทั้ง เยอร์เกน คล็อปป์ และบรรดาบอร์ดของ หงส์แดง ก็กำลังมีโปรเจ็คสร้างทีมใหม่ด้วยนักเตะที่อายุน้อยลงในขณะที่แข้งชุดใหญ่กำลังจะเข้าสู่ช่วงปลายอาชีพในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ด้วยนิมิตหมายที่ถือได้ว่ายังอยู่ในทิศทางที่ดีแบบนี้ เมื่อมองไปที่ปี 2022 ที่กำลังจะมาถึงจึงทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า ลิเวอร์พูล อาจได้เจอกับเรื่องดี ๆ กับเค้าบ้าง หลังจากที่ต้องเผชิญมากมายในช่วงปีที่ผ่านมา และเราเชื่อว่านี่คือ 3 สิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้าที่กำลังจะมาถึงนี้
1.การกลับมาของ “เจ้าจุก” ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์
หนึ่งในเรื่องดี ๆ ที่เกิดขึ้นกับ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หนึ่งในนั้นต้องมีเรื่องของการแจ้งเกิดของ ฮาร์วีย์ เอลเลียต แนวรุกดาวรุ่งวัย 18 ปีที่เพิ่งกลับมาจากการยืมตัวที่ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เมื่อซีซันก่อนหน้านั้น ซึ่งเจ้าตัวก็โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมจนมีชื่อเข้าชิงรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของ เดอะแชมเปี้ยนชิพ มาแล้ว
หากแต่เรื่องดี ๆ ที่ว่าก็อยู่กับ เยอร์เก้น คล็อปป์ ได้ไม่นาน เมื่อ “เจ้าจุก” ดันได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่ข้อเท้าในเกมนัดที่ 4 ที่ หงส์แดง เอาชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด ไปได้ 3-0 และปฏิกิริยาของเขาตอนที่โดนหามใส่เปลออกจากสนามนั้นทำให้ไมมีใครคิดว่าเขาจะกลับมาได้แล้วในฤดูกาลนี้
ในความโชคร้ายยังมีข่าวดีอยู่บ้าง เมื่อผลการสแกนออกมาว่า เอลเลียตต์ ยังมีโอกาสที่จะกลับมาลงเล่นได้ในซีซันนี้ แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นเมื่อใด ซึ่งทางทีมแพทย์ก็พยายามกันอย่างหนักเพื่อจะให้แข้งวัย 18 ได้กลับมาฟิตและลงซ้อมกับทีมชุดใหญ่อีกครั้งในช่วงเดือนมกราคมนี้
แน่นอนว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ จะไม่เร่งการคืนสนามของ เอลเลียตต์ แต่เมื่อเจ้าตัวพร้อมลงเล่น ที่ว่างในแนวรุกก็พร้อมรอต้อนรับเขาอยู่เช่นเดียวกัน และเชื่อว่านี่จะเป็นแรงผลักดันชั้นดีในแดนหน้าที่จะช่วยพาให้ ลิเวอร์พูล มีลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้จนจบฤดูกาล
2.โทรฟี่ที่ยังลุ้นได้อยู่
เชื่อหรือไม่ว่าในปี 2022 หากนับเฉพาะในฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล ยังมีลุ้นแชมป์มากมายถึง 4 ถ้วย ไล่ไปตั้งแต่ คาราบาวคัพ, เอฟเอคัพ, พรีเมียร์ลีก, ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก และในช่วงครึ่งปีหลังหากว่าพวกเขาคว้าแชมป์ก่อนหน้านั้นมาได้ก็ยังมี คอมมิวนิตี้ชิลด์, ซูเปอร์คัพ และแชมป์สโมสรโลก ที่รออยู่ในฤดูกาลถัดไป
แม้จะมองว่าเป็นเรื่องที่เพ้อเจ้อไปซักหน่อย แต่หากลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กระหายในชัยชนะและทำผลงานให้เหมือนกับช่วงต้นฤดูกาลให้ได้ มั่นใจว่าเรื่องที่พูดกันอยู่นี้ก็คงไม่ใช่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ เช่นกัน
ใน พรีเมียร์ลีก ปีนี้ ลิเวอร์พูล คือ 1 ใน 2 ทีมที่ทำผลงานได้ดีที่สุด และหากจะถามถึงแรงผลักดันของพวกเขานอกจากการกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์แล้ว ก็คงจะเป็นการได้ขึ้นรถบัสแห่ฉลองแชมป์ไปรอบเมืองลิเวอร์พูลกับเค้าซักที หลังจากที่เมื่อปี 2020 ไม่สามารถทำได้เนื่องจากเป็นช่วงของการแพร่ระบาดของโควิดใหม่ ๆ
สำหรับใน ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก , หงส์แดง ก็ยังเป็นหนึ่งในตัวเต็ง และการได้เจอกับ อินเตอร์ มิลาน ในรอบน็อคเอ้าท์ก็คืองานที่สมน้ำสมเนื้อ ซึ่งหากพวกเขาสามารถนำประสบการณ์จากการได้เล่นกับ เอซี มิลาน ในรอบแบ่งกลุ่มมาใช้ก็น่าจะทำให้ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ และเป็นการปูทางไปสู่เป้าหมายสูงสุดนั่นคือการเป็นแชมป์ยุโรปสมัยที่ 7 ต่อไปได้
3.ดีลเสริมทัพครั้งใหญ่ ไม่น่าจะไกลเกินฝัน
เราอาจได้ยินข่าวอย่างต่อเนื่องว่า ลิเวอร์พูล จะไม่มีการลงตลาดซื้อขายในเดือนมกราคมนี้ แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรเลยในช่วงซัมเมอร์หลังจบฤดูกาล
เชื่อว่าแม้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ตาม แต่กลุ่มทุนอย่าง FSG ก็คงไม่ปล่อยให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องนั่งเซ็งเหมือนปีที่ผ่านมา แม้ว่าพวกเขาอาจไม่ใช่เจ้าของทีมประเภทมือเติบ แต่ก็พร้อมลงทุนเมื่อถึงคราวจำเป็นเหมือนกัน ดูได้จากการมาของ เวอร์จิล ฟาน ไดค์, อลิสซอน เบ็คเกอร์ และ ฟาบินโญ หลังความพ่ายแพ้ในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2019
แม้จะพูดได้ไม่เต็มปากว่า จอห์น เฮนรี เป็นคนควักเงินจำนวนมหาศาลเหล่านี้เพื่อทีม เพราะทุนส่วนใหญ่มาจากการขาย ฟิลลิปเป้ คูตินโญ ให้กับ บาร์เซโลนา แต่เจ้าของสโมสรชาวอเมริกันก็มีเซ้นส์มากพอที่จะรู้ว่าทีมต้องใช้เงินเป็นฐานในการก้าวไปสู่ความสำเร็จเหมือนกัน ซึ่งอย่างน้อยการเสริมทัพที่ผ่านมาก็น่าจะพอการันตีได้ว่าในช่วงซัมเมอร์ เดอะค็อป จะได้ต้อนรับแข้งหน้าใหม่อย่างแน่นอน
รายชื่อนักเตะที่อยู่ในลิสต์ของ คล็อปป์ และทีมงานทั้ง คิงส์ลีย์ โกม็อง, คาริม อเดเยมี และ เรนาโต้ ซานเชส รวมทั้งใครอีกหลาย ๆ คน ด้วยคุณสมบัติทั้งเรื่องอายุและฝีเท้า เชื่อว่ากองเชียร์จะได้เห็นการชูเสื้อของนักเตะเหล่านี้ไม่คนใดก็คนหนึ่ง
รายชื่อนักเตะที่อยู่ในลิสต์ของ คล็อปป์ และทีมงานทั้ง คิงส์ลีย์ โกม็อง, คาริม อเดเยมี และ เรนาโต้ ซานเชส รวมทั้งใครอีกหลาย ๆ คน ด้วยคุณสมบัติทั้งเรื่องอายุและฝีเท้า เชื่อว่ากองเชียร์จะได้เห็นการชูเสื้อของนักเตะเหล่านี้ไม่คนใดก็คนหนึ่ง หรืออาจจะมากกว่านั้น และก็จะเป็นการแสดงให้เห็นว่า ลิเวอร์พูล กำลังเข้าสู่ยุคใหม่พร้อมกับขุมกำลังชุดใหม่ที่สดและห้าวกว่าเดิมเพื่อต่อยอดความสำเร็จในอนาคตต่อไป…