ความพ่ายแพ้ในศึกแดงเดือดต่อคู่อริตลอดกาลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกม พรีเมียร์ลีก นัด ‘มันเดย์ไนท์’ ที่ผ่านมานั้นกลายเป็นตัวจุดกระแสเรื่องการเสริมทัพของ ลิเวอร์พูล และ เยอร์เก้น คล็อปป์ ในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดนักเตะได้เป็นอย่างดี
เชื่อว่าแฟน หงส์แดง ทั่วโลกคงได้เห็นแล้วว่าฟอร์มการเล่นและความพร้อมของทีมรักในเกมล่าสุดนั้นเป็นอย่างไร? โอเค เรื่องฟอร์มในสนามเราอาจจะพออนุโลมได้ มันสามารถแก้ไขกันได้ด้วยการฝึกซ้อม เตรียมตัว และทำงานหนัก แต่เรื่องความพร้อมซึ่งหมายถึงตัวผู้เล่นนั้นมีทางเดียวที่จะทำได้ก็คือ การลงตลาดเพื่อหานักเตะเพิ่มเติม
นาบี เกอิต้า กลายเป็นชื่อล่าสุดที่ได้รับบาดเจ็บก่อนเกมแดงเดือด ทำให้ตอนนี้ เยอร์เก้น คล็อปป์ มีรายชื่อนักเตะที่ไม่สามารถลงเล่นได้ทั้งหมดรวมกันแล้ว 10 ราย ประกอบด้วย ควีวิน เคลเลเฮร์, คาลวิน แรมซีย์, โจเอล มาติป, อิบราฮิมา โคนาเต้, อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน, เคอร์ติส โจนส์, ติอาโก้ อัลคันทารา, นาบี เกอิต้า, ดิโอโก้ โชต้า และ เคด กอร์ดอน
ยังไม่นับ ดาร์วิน นูนเญซ ที่โดนแบนอีก 1 คน….
พูดกันง่าย ๆ ตอนนี้ ลิเวอร์พูล มีนักเตะบาดเจ็บกว่าครึ่งทีม และที่ใช้งานได้แบบจริงจังตามที่ คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์เพียง 14-15 คนเท่านั้น
ถ้ามองแต่ฟอร์มการเล่นเชื่อว่ายังไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ เพราะรูปเกมที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ยังคงเหมือนเดิมคือครองบอลบุกได้ มีจังหวะหวาดเสียวหลายครั้ง แต่คุณภาพของนักเตะทั้งในและข้างสนามต่างหากที่เป็นเรื่องน่ากังวลอย่างยิ่ง
หันไปดูรายชื่อตัวสำรองในเกมล่าสุดจะเข้าใจได้เลยว่าทำไม คล็อปป์ จึงเปลี่ยนตัวเพียง 3 คนทั้ง ๆ ที่เปลี่ยนได้ถึง 5 ราย ถ้าไม่นับพวกเอ้าท์ฟิลด์ที่ถูกส่งลงสนามไปแก้เกมอย่าง คอสตาส ซิมิคาส, ฟาบินโญ และ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ นอกนั้นแทบจะหวังอะไรไม่ได้
ฮาร์วีย์ เดวีส์, สเตฟาน บาจเซติช, นาธาเนียล ฟิลลิปส์, เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก และ บ็อบบี้ คลาร์ก แข้งหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นดาวรุ่งทั้งนั้น มีเพียง “น้องแน็ท” ที่เคยลงเล่นในทีมชุดใหญ่มาบ้างแล้ว แต่หากจะต้องการจุดเปลี่ยนในเกม ทั้งหมดนี้คงช่วยอะไรไม่ได้
เมื่อเป็นเช่นนั้นการซื้อนักเตะใหม่เพิ่มเติมจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้ แม้ว่า คล็อปป์ จะเคยออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันก่อนเกมว่าการทำงานในตลาดซื้อขายของทีมนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่เมื่อต้องเสีย นาบี เกอิต้า ไปอีกคน และผลงานในแดงเดือดออกมาน่าผิดหวัง เจ้าตัวก็เปลี่ยนโทนเสียงทันที
“ผมยอมรับว่าอยากได้นักเตะมาเสริมทัพในตอนนี้ เพราะทีมของเราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจและก็ไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีนักเตะได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมอีกหรือไม่ อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า ลิเวอร์พูล จะมีนักเตะในตำแหน่งกองกลางพอถ้าทุกคนฟิตเต็มที่ 100% แต่ว่าตอนนี้มันไม่ได้เป็นแบบนั้น ผู้เล่นของเราหลายคนได้รับบาดเจ็บ และผมจำเป็นจะต้องแก้ไขเรื่องนี้โดยด่วน ก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลายเหมือนที่ผ่านมา”
สถานการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อซีซัน 2020-2021 หลังจากที่ หงส์แดง คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรกได้สำเร็จ พวกเขาก็เติมผู้เล่นอย่าง ติอาโก้ อัลคันทารา, ดิโอโก้ โชต้า และ คอสตาส ซิมิคาส เข้าสู่ทีม ซึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นการเสริมทัพที่น่าพอใจ
หากแต่เมื่อปิดตลาดไปไม่กี่เดือน หายนะก็มาเยือนทันทีเมื่อบรรดาเซ็นเตอร์แบ็คเริ่มหายหน้าไปทีละคน เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ได้รับบาดเจ็บหนัก ตามด้วย โจเอล มาติป และ โจ โกเมซ จนทำให้ คล็อปป์ ต้องดันดาวรุ่งอย่าง รีส วิลเลียม และ แน็ท ฟิลลิปส์ ขึ้นมารับหน้าที่แทน รวมทั้งการเอา ฟาบินโญ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงไปเล่นในแดนหลัง
กว่าจะได้แก้ปัญหาก็เข้าสู่ตลาดหน้าหนาว ซึ่งพวกเขาก็ไปได้ โอซาน คาบัค และ เบน เดวิส เข้ามาเสริมทัพ และจากนั้น ฟอร์มที่ตกลงไปในช่วงปีใหม่ก็ค่อย ๆ ดีขึ้นจนสามารถกลับมาชิงพื้นที่ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จและเมื่อตัวหลักกลับมาทุกอย่างก็ลงล็อคอีกครั้ง ดูได้จากผลงานฤดูกาลที่แล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้ง ๆ ก็คล้าย ๆ กัน แต่ยังโชคดีที่มันเกิดขึ้นในตอนที่ยังพอจะมีเวลาแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฟอร์มการเล่น โดยเฉพาะเรื่องการเสริมทัพ ซึ่งเหลืออีกสัปดาห์กว่า ๆ ตลาดก็จะปิดทำการ เยอร์เก้น คล็อปป์ และทีมงานต้องประเมินแล้วว่าพวกเขาจะทำอย่างไร
แม้ก่อนหน้านี้เจ้าตัวจะบอกว่า เขาต้องการนักเตะที่ใช่และมีโอกาสในการย้ายทีมได้ แต่ตอนนี้การจะหาผู้เล่นแบบนั้นคงจะเป็นไปได้ยาก ดังนั้นยิ่งเวลากระชั้นเข้ามาทุกทีแบบนี้ ยิ่งต้องรีบตัดสินใจก่อนจะสายเกินแก้
แถมในปีนี้ทีมหัวตารางเสริมทัพกันอย่างดุดันน่าเกรงขามและทำผลงานกันได้ดี ทำให้การลุ้นแชมป์ก็ยากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว เผลอ ๆ ถ้ายังไม่คืนฟอร์มเก่ง อาจจะเหลือแค่ลุ้นท็อปโฟร์เหมือน 2 ปีก่อนก็ได้
ดังนั้น นี่จึงเป็นโอกาสสุดท้ายที่ คล็อปป์ จะต้องรีบคว้าเอาไว้…ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป