
แม้ว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ จะออกมารับสารภาพเองว่าเขาคิดผิดที่ไม่ซื้อกองกลางเข้ามาเพิ่ม และจะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดในการเสริมทัพในช่วงที่เหลือของตลาดซื้อขาย แต่ก็ดูเหมือนว่า ในอีกไม่กี่วันที่ยังเหลืออยู่นี้ จะไม่มีความคืบหน้าอะไรเกิดขึ้นในตลาดซื้อขาย
ภาพที่ จอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี เดินทางมาชมเกม ลิเวอร์พูล-บอร์นมัธ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ต่างถูกนำมาตีความในหลายรูปแบบ ทั้งการมาให้กับลังใจนักเตะที่กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มแย่ จนไปถึงการมาช่วย คล็อปป์ ปิดดีลมิดฟิลด์ตัวใหม่ที่กำลังมีข่าวด้วย
แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ ลิเวอร์พูล จัดการเปิดบ้านถล่มคู่แข่งเสียเละเทะถึง 9 ลูกหรือเปล่า ทำให้กระแสข่าวเรื่องการซื้อผู้เล่นเพิ่มเติมไม่รุนแรงเหมือนเมื่อตอนหลังพ่ายเกมแดงเดือดใหม่ ๆ

เป้าหมายที่เคยมีข่าวค่อย ๆ หลุดมือไปทีละคนสองคน ไล่ไปตั้งแต่ แฟรงกี้ เดอ ยอง, มอยเซส ไคเซโด้, ยูริ ตีเลมองส์, รูเบน เนเวส และรายล่าสุดอย่าง คอนราด ไลเมอร์ พร้อมกับข่าวที่ออกมาว่าใจจริง เยอร์เก้น คล็อปป์ และทีมงานอยากได้นักเตะใหม่อยู่แล้ว เพียงแต่พวกเขาจะไม่ทุ่มซื้อในราคาแพงเว่อร์วัง และไม่ใช่การซื้อแบบเสียมิได้
ดังนั้น เราอาจอนุมานเอาได้เลยว่า นักเตะที่ คล็อปป์ เคยบอก “ราคาสมเหตุสมผลและคือคนที่ใช่” น่าจะยังไม่ปรากฏตัวในอีก 2-3 วันที่เหลืออย่างแน่นอน
อีกทั้งหลังจบเกมล่าสุด นายใหญ่ชาวเยอรมันอาจจะมองว่าทีมของเขานั้นยังไม่ได้แย่อย่างที่คิด จริงอยู่ที่การมีนักเตะได้รับบาดเจ็บกว่าค่อนทีมส่งผลต่อการจัดตัวผู้เล่น แต่อีกไม่กี่วันนักเตะเหล่านั้นก็จะทยอยกลับมา อย่างล่าสุด เคอร์ติส โจนส์, โจเอล มาติป และ คาลวิน แรมซีย์ ก็กลับมาลงซ้อมได้แล้ว และในอีกไม่กี่สัปดาห์พวกที่เหลือก็จะค่อย ๆ คืนสนามซ้อมและจะพร้อมหน้าพร้อมตากันจริง ๆ ก็น่าจะก่อนสิ้นเดือนกันยายน ซึ่งหากทีมยังสามารถประคองตัวทำผลงานได้ดีไปเรื่อย ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องไปซื้อคนใหม่ให้เสียเงินเปล่า ๆ

สู้เก็บเงินงวดนี้เอาไว้ไปทุ่มกับการไล่ล่าเป้าหมายที่ต้องการอย่าง จู้ด เบลลิงแฮม ในช่วงเดือนมกราคมหรือซัมเมอร์หน้าได้อย่างเต็มที่จะดีกว่า
นอกจากเรื่องของตัวผู้เล่นที่กำลังจะทยอยกลับคืนสู่สนามแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ จะไม่ซื้อใครเสริมทัพ นั่นคือฟอร์มที่น่าสนใจของบรรดานักเตะดาวรุ่งนี่แหละ
เริ่มจาก ฮาร์วีย์ เอลเลียต และ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ ซึ่งทั้ง 2 คนเพิ่งจะยิงประตูแรกในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จ โดยเฉพาะรายแรกที่ได้รับความไว้วางใจให้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงและทำหน้าที่ได้อย่างน่าประทับใจ เพิ่มมิติเกมรุก และสร้างโอกาสได้มากมาย
เอลเลียต อาจไม่ใช่สายบู๊โดยกำเนิด แต่หัวจิตหัวใจไม่เป็นรองใคร แถมด้วยวิสัยทัศน์ในการกำหนดทิศทางของเกม ซึ่งนักเตะแดนกลางแบบนี้ ลิเวอร์พูล แทบไม่มีเลย ยกเว้นในรายของ ติอาโก้ อัลคันทารา

ในเกมกับ บอร์นมัธ การได้ลงเล่นกับพี่ ๆ อย่าง ฟาบินโญ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ทำให้แข้งวัย 19 ปีมีอิสระในการขับเคลื่อนเกมพอสมควร ไม่ต้องพะวงเกมรับมากจนเกินไป แถมเจ้าตัวยังกล้าเลี้ยงกล้าลุย จนเป็นที่มาของประตูอันสุดสวยลูกนั้น
สังเกตได้ว่า คล็อปป์ ให้โอกาส เอลเลียต มาตั้งแต่ฤดูกาลก่อนแล้ว เพียงแต่เจ้าตัวดันโชคร้ายได้รับบาดเจ็บหนักที่ข้อเท้า กว่าจะกลับมาได้ก็ช่วงปลายฤดูกาล ทำให้ไม่มีส่วนร่วมกับทีมมากเท่าไหร่นัก
แต่ในฤดูกาลนี้ เมื่อ ‘เจ้าจุก‘ กลับมาฟิตสมบูรณ์ ประจวบเหมาะกับการที่ทีมกำลังมีปัญหานักเตะบาดเจ็บ บอสหงส์แดงก็ไม่รอช้าที่จะส่งลงสนามเป็นตัวจริงถึง 3 นัด โดยลงเป็นตัวสำรองในเกมเปิดฤดูกาลกับ ฟูแลม แค่เกมเดียวเท่านั้น
ซึ่งเมื่อเจาะลึกลงไปในสถิติค่าเฉลี่ยต่อเกมจะพบว่า เอลเลียต นั้นถือเป็นอันดับต้น ๆ ในแผงมิดฟิลด์แทบทุกรายการไม่ว่าจะเป็นการผ่านบอลสำคัญ (Key Passes) 1.5 ครั้ง, เลี้ยงบอลสำเร็จ 1 ครั้ง, ล้ำหน้า 0.3 ครั้ง, ผ่านบอลสำเร็จ 87.7 เปอร์เซ็นต์ และ ครอสบอล 0.3 ครั้ง
ส่วนสถิติของพวกกองกลางรุ่นพี่จะเน้นไปที่เกมรับเสียเป็นส่วนใหญ่ เช่น ฟาบินโญ แท็คเกิ้ลและทำฟาวล์มาเป็นอันดับ 1 ที่ 2.5 ครั้งและ 0.8 ครั้งตามลำดับ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ติอาโก้ แย่งบอลสำเร็จเป็นอันดับ 1 ที่ 1 ครั้งเท่ากัน ส่วน เจมส์ มิลเนอร์ และ เฮนโด้ เคลียร์บอลเป็นอันดับ 1 ที่ 0.5 ครั้งเท่ากัน

แน่นอนว่า ฟอร์มการเล่นต้องมีขึ้นมีลงอยู่แล้ว แต่การได้รับโอกาสอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่จะได้รับการพัฒนาฝีเท้าเพื่อก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักในอนาคต
ในรายของ คาร์วัลโญ ก็เช่นกัน แม้จะได้เล่นเป็นตัวสำรองตลอด 4 เกมและลงสนามไปแค่ 85 นาที แต่เจ้าตัวก็ถือว่าสามารถสร้างความหวือหวาในเกมรุกได้พอสมควร พร้อมด้วยสถิติการผ่านบอลสูงถึง 90% และยิงไปแล้ว 1 ประตู ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าแข้งโปรตุกีสจะได้รับโอกาสมากขึ้นเรื่อย ๆ นับจากนี้
นอกจากแข้ง 2 รายนี้แล้วยังมีเจ้าหนู สเตฟาน บาจเซติช ที่ได้โอกาสประเดิมสนามแล้วในเกมล่าสุด ซึ่งมีรายงานข่าวออกมาว่า คล็อปป์ และทีมงานค่อนข้างพอใจกับฟอร์มโดยรวมของดาวรุ่งรายนี้ และพร้อมปั้นให้เป็น “นิว เทรนท์-อาร์โนลด์” คนต่อไปในอนาคต
สิ่งเหล่านี้ทำให้เราได้เห็นว่า แม้ทีมชั้นนำจะทุ่มซื้อผู้เล่นใหม่กันมากมายขนาดไหน แต่ ลิเวอร์พูล ก็ยังมีแนวทางที่แน่วแน่พวกเขาพร้อมให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งและพร้อมรอผู้เล่นที่ใช่ในตลาดซื้อขาย

ดังนั้น สิ่งที่แฟนบอลจะทำได้คือ หวังให้ทีมรักษาผลงานแบบในเกม บอร์นมัธ ให้ได้ตลอดรอดฝั่งเพื่อรอผู้เล่นที่เหลือกลับคืนสู่สนาม และรอลุ้นกันอีกทีในตลาดเดือนมกราคมว่าจะมีเซอร์ไพรส์อะไรให้เห็นบ้าง
แต่ช่วงเวลาที่เหลืออีก 2-3 วันนี้ ก็ขอแอบลุ้นหน่อยก็แล้วกัน….