ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าค่าตัว 85 ล้านปอนด์คนแรกในประวัติศาสตร์ของ ลิเวอร์พูล กลับมาทำประตูในเกมที่พวกเขาบุกไปเอาชนะ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ได้อีกครั้ง นับเป็นประตูที่ 2 ในศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก และเป็นประตูที่ 6 เมื่อรวมทุกรายการของเขาในฤดูกาลนี้
แม้ดูจากจำนวนประตูอาจจะห่างชั้นกับคู่แข่งโดยตรงอย่าง เออร์ลิง ฮาแลนด์ ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ยิงไปทั้งหมด 22 ประตูจากการลงสนาม 16 นัดในทุกรายการ แต่ในสถานการณ์ของ หงส์แดง ณ เวลานี้ต้องบอกว่าการโชว์ฟอร์มของ นูนเญซ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับทีม
อย่างที่เราทราบกันดีว่าฟอร์มของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ผีเข้าผีออก ไม่คงเส้นคงวา พวกเขาเก็บชัยชนะใน พรีเมียร์ลีก ได้ 2 นัดติดต่อกัน โดยหนึ่งในนั้นคือการเอาชนะ “เต็งหนึ่ง” และ “แชมป์เก่า” อย่าง แมนฯ ซิตี้ ได้แบบฟอร์มดีกว่า แต่กลับมาตกม้าตายแพ้ “ทีมบ๊วย” อย่าง น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยในนัดล่าสุด
ผู้เล่นในทีมแต่ละคนก็ฟอร์มต่ำกว่ามาตรฐาน มีเพียง อลิสซอน เบ็คเกอร์, ติอาโก้ อัลคันทารา และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน ที่ถือว่ายังพอเอาตัวรอดเอาได้ นอกนั้น 3 วันดี 4 วันไข้ สลับกันดีและแย่พอ ๆ กัน
ด้วยปัจจัยเหล่านี้เอง จึงส่งผลต่อฟอร์มการยิงประตูของ ดาร์วิน นูนเญซ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าเขาจะประเดิมกับ ลิเวอร์พูล ได้อย่างสวยงามด้วยการยิงใน คอมมูนิตี้ชิลด์ และเกมลีกนัดแรกกับ ฟูแลม ได้ แต่จากนั้นก็ไม่สามารถรักษาระดับได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ ฮาแลนด์ กลับยิงได้ระเบิดเถิดเทิง ทำให้เจ้าตัวโดนมองว่าเป็น “ของปลอม” ที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ถูกย้อมแมวขายจาก เบนฟิก้า
ไม่มีใครมองเหตุปัจจัยในภาพรวม ทุกคนพุ่งเป้ามาที่ นูนเญซ พร้อมกับเชื่อว่าเขาคือ “นิว แอนดี้ คาร์โรล” ชัด ๆ
หากแต่หลังกลับมาลงสนามหลังจากพ้นโทษแบน 3 นัดใน พรีเมียร์ลีก แข้งวัย 23 ปีเริ่มลงหลักปักฐานกับทีมได้ดีขึ้น ยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง และตอนนี้เขายิงไปแล้ว 4 ประตูจากการออกสตาร์ทเป็นตัวจริงใน 4 เกมหลังสุด
นูนเญซ เริ่มถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่เกมที่ลงมาเป็นตัวสำรองนัดที่เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ 1-0 ซึ่งเจ้าตัวสามารถปั่นป่วนแนวรับของแชมป์เก่าได้ดีและมีจังหวะหลุดเข้าไปทำประตูแบบจะจะถึง 2 ครั้ง แต่ก็ไม่สามารถเพิ่มสกอร์ให้กับทีมได้
แม้จะโดนวิจารณ์เรื่องหวงบอล ใช้จังหวะเปลือง แต่แฟนบอลก็เริ่มพูดถึงพิษสงของดาวเตะทีมชาติอุรุกวัยกันบ้างแล้ว
เกมต่อมาที่ ลิเวอร์พูล บดเอาชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไป 1-0 กลายเป็นการโชว์ออฟของ นูนเญซ เพราะเขาเป็นคนที่ยิงประตูชัยให้กับทีม แต่น่าเสียดายในนัดที่ออกไปแพ้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เจ้าตัวได้รับบาดเจ็บที่แฮมสตริง ไม่สามารถลงสนามได้ ซึ่งเชื่อว่าหาก ลิเวอร์พูล มีกองหน้ารายนี้ยืนค้ำหน้าปากประตูคู่แข่ง ผลการแข่งขันคงจะออกมาเป็นแบบอื่น
อย่างไรก็ตาม, ในเกมล่าสุดที่บุกไปเยือน อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ท่ามกลางสถานการณที่ ลิเวอร์พูล ต้องการคะแนนติดมือออกมาเพื่อการันตีการเข้าสู่รอบน็อคเอ๊าท์, ดาร์วิน นูนเญซ ก็ไม่ทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ และ เดอะค็อป ผิดหวังแต่อย่างใด
แม้ว่าจะพลาดการทำประตูขึ้นนำในช่วงครึ่งแรกแบบไม่น่าเชื่อจากการแปบอลชนเสาในระยะ 5 หลา แต่เขาก็มาแก้ตัวได้สำเร็จจากลูงโหม่งบอลชนโคนเสาเข้าประตูให้ทีมเยือนขึ้นนำ 2-0 ทำให้สถานการณ์ของทีมตอนนั้น คลี่คลายลงกว่าเดิม และเล่นง่ายมากขึ้น
แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมว่า ตอนพักครึ่ง นูนเญซ รู้สึกหงุดหงิดมากที่เขายิงบอลไปชนเสา ก่อนที่จะมุ่งมั่นกลับมาทำประตูให้ทีมได้สำเร็จในครึ่งหลัง ในขณะที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็ออกมาชื่นชมดาวยิง 100 ล้านยูโรของเขาว่า หากมองภาพรวมทั้งเกม นักเตะรายนี้ไม่ได้มีดีแค่เกมรุก แต่เขายังมาช่วยเกมรับในจังหวะสำคัญได้ด้วย
สถิติหลังจบเกมเมื่อวันพุธ ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสบอล 25 ครั้ง, ผ่านบอลสำเร็จ 7 จาก 11 ครั้ง, ผ่านบอลแม่นยำ 64%, สกัดบอลได้ 1 ครั้ง, แท็คเกิ้ล 100% และมีโอกาสยิง 2 ครั้ง เป็น 1 ประตู นั่นแสดงให้เห็นว่าอดีตแข้ง เบนฟิก้า กำลังปรับตัวเข้ากับแท็คติกและระบบของ คล็อปป์ ได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ และเข้าใจวิธีการเล่นของทีมมากขึ้น
กูรูหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นูนเญซ กำลังพัฒนาตัวเองได้อย่างน่าสนใจ และนอกจากเรื่องความเร็วและการยิงประตูแล้ว เขาคือคนที่หาจังหวะในการจบสกอร์ได้เป็นอย่างดี
คริส ซัตตัน บอกว่า มองไปมองมา สไตล์การเล่นของ นูนเญซ ก็คล้าย ๆ กับ แอนดี้ โคล อดีตกองหน้าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ชอบใช้โอกาสเปลือง แต่ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ
ในขณะที่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ตำนาน ปีศาจแดง เชื่อว่าด้วยการที่กองหน้าวัย 23 ปีมีคาแร็คเตอร์ที่ดุดัน พร้อมสู้ มุ่งมั่น พยายามเข้าไปในกรอบเขตโทษอยู่ตลอดเวลา แม้ช่วงเริ่มต้นจะมีข้อผิดพลาดแต่เขาก็ยังทำประตูได้ เขาจะกลายเป็นกองหน้าที่มีประสิทธิภาพในระยะยาว และสร้างความปวดหัวให้กับแนวรับของคู่แข่งได้อย่างแน่นอน
แม้เกมเมื่อคืนวันพุธจะไม่ใช่เกมที่ดีที่สุด แต่นี่คือบทสรุปที่น่าสนใจสำหรับ ดาร์วิน นูนเญซ เขาอาจจะได้ลงสนามไม่เต็มแม็ตช์ แต่สามารถหวังผลสกอร์ได้อย่างต่อเนื่อง และมีส่วนช่วยสร้างความแตกต่างในแนวรุกได้อย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับตอนที่ไม่มีเขาลงสนาม
จากนี้ไป เยอร์เก้น คล็อปป์ คงต้องใช้งาน นูนเญซ อย่างระมัดระวัง เพราะยังมีเกมสำคัญใน พรีเมียร์ลีก อีก 3 นัดก่อนจะพักเพื่อหลีกทางให้ฟุตบอลโลก ซึ่งถ้า ลิเวอร์พูล ต้องการกลับมาลุ้นท็อปโฟร์ พวกเขาก็ต้องมีดาวยิงอุรุกวัยลงสนามทุกนัด…