นับถอยหลัง ‘เทพกี้’ กับฤดูกาลสุดท้ายในถิ่นแอนฟิลด์

ลิเวอร์พูล, ข่าวซื้อ-ขายนักเตะ, หงส์แดง, Liverpool, ดิว็อค โอริกี้, Divock Origi

ช่วงเวลา 8 ซีซันของ ดิว็อค โอริกี และ ลิเวอร์พูล กำลังจะสิ้นสุดลงหลังจากที่มีรายงานจากทางอิตาลีออกมาว่า เจ้าตัวได้ตกลงเงื่อนไขกับ เอซี มิลาน ยักษ์หลับของ กัลโช เซเรีย อา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สัญญาของแข้งวัย 26 ปีจะหมดลงในเดือนมิถุนายนนี้ การที่ไม่ได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่อย่างต่อเนื่องและข้อเสนอสัญญาฉบับใหม่ไม่ได้ถูกหยิบยื่นให้พิจารณา จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีม รอสโซเนรี ทาบทามไปร่วมทีม

สื่อเมืองมักกะโรนีอย่าง อิล คอร์เรีย เดลโล สปอร์ต ระบุว่า โอริกี ตกลงรับข้อเสนอสัญญา 4 ปีในการค้าแข้งที่ ซาน ซิโร พร้อมรับเงินค่าเหนื่อยประมาณ 3.3 ล้านปอนด์ หรือ 4 ล้านยูโร, อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขนี้เป็นการตกลงกันทางวาจาเท่านั้น แต่ก็คาดว่าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

เมื่อพูดถึงความผูกพันกับแฟนบอล แม้ว่าจะไม่ได้ยึดตำแหน่งตัวจริงอย่างถาวรตลอดช่วงเวลาที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ เป็นผู้จัดการทีม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าตัวคือหนึ่งในผู้เล่นที่อยู่ในความทรงจำของ เดอะค็อป มากที่สุดคนหนึ่ง นั่นเป็นเพราะเขามักอยู่ถูกที่ถูกเวลาอยู่เสมอ

ลิเวอร์พูล, ข่าวซื้อ-ขายนักเตะ, หงส์แดง, Liverpool, ดิว็อค โอริกี้, Divock Origi

โดยเฉพาะในซีซัน 2018-2019 ที่ถือว่าเป็น “ปีทอง” ก็ว่าได้ เริ่มตั้งแต่เกม “เมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้” ที่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ เอฟเวอร์ตัน ในช่วงปลายปี ในขณะที่เกมกำลังคู่คี่สูสีและดูท่าว่ากำลังจะจบด้วยผลเสมอ หากแต่ โอริกี ที่ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองกลับสร้างปาฏิหาริย์สมฉายา “มหาเทพ” ด้วยการขวิดบอลเข้าประตูในนาทีที่ 90+5 จากความผิดพลาดของ จอร์แดน พิคฟอร์ด เล่นเอาสนาม แอนฟิลด์ แทบแตก

จากนั้นในเกมรอบรองชนะเลิศ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก เลกที่ 2 ซึ่ง หงส์แดง โดน บาร์เซโลนา ยิงมา 3-0 ในเลกแรก ก็เป็น โอริกี ที่ยิงประตูแรกและประตูปิดท้ายช่วยพาทีมผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศด้วยสกอร์ท่วมท้น 4-0 กลายเป็นอีกหนึ่งแม็ตช์ที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของสโมสร

ปิดท้ายด้วยการยิงประตูตอกย้ำชัยชนะช่วงท้ายเกมในรอบชิงกับ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ หลังจากที่ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำคู่แข่ง 1-0 ตั้งแต่ช่วงต้นครึ่งแรก ช่วยการันตีแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 อย่างยิ่งใหญ่

อย่างไรก็ตาม, ในช่วง 2 ปีหลัง โอริกี กลับได้ลงสนามไม่มากนัก เนื่องด้วยเรื่องของอาการบาดเจ็บและการกลายเป็นตัวเลือกท้าย ๆ ในแนดนหน้าต่อจาก ทาคุมิ มินามิโนะ, ดิโอโก้ โชต้า, ฮาร์วีย์ เอลเลียต และล่าสุด หลุยส์ ดิอาซ นั่นจึงทำให้เจ้าตัวตัดสินในอำลาทีมหลังหมดสัญญา

เมื่อช่วงต้นเดือน เยอร์เก้น คล็อปป์ ออกมายอมรับว่าหลังจบฤดูกาลนี้ นักเตะหลาย ๆ คนอาจจะต้องย้ายทีมเพื่อหาโอกาสในการลงเล่นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งในราย “มหาเทพ” ของ เดอะค็อป

ด้วยขนาดของทีมชุดปัจจุบันซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าเราจะยังคงเป็นแบบนี้ ทำให้ไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ (ว่าแข้งสำรองบางคนจะอยู่กับทีมต่อไป)

แน่นอนว่าสำหรับความเข้าใจของนักเตะบางคนคือพวกเขาไม่ได้ลงเล่นอย่างเพียงพอ และเราจะได้เห็นว่าในซัมเมอร์นี้จะเป็นอย่างไร เราจะหาทางออกสำหรับสถานการณ์นี้ แต่หลัก ๆ ก็คือกลุ่มนักเตะตัวจริงจะยังอยู่ด้วยกันอย่างไม่มีข้อสงสัย

ดูเหมือนว่าสิ่งที่ คล็อปป์ กล่าวไว้กำลังจะเป็นจริง หลังจากที่ โอริกี ทำการตกลงด้วยวาจากับ มิลาน ในเบื้องต้นไปแล้วตามข่าว ซึ่งก็ใกล้จะสมความปรารถนาของบรรดาผู้บริหารของทีมดังจากอิตาลีที่มองว่าสตาร์เบลเยียมคือเป้าหมายหลักในการเสริมเกมรุกของพวกเขาในซัมเมอร์นี้

ลิเวอร์พูล, ข่าวซื้อ-ขายนักเตะ, หงส์แดง, Liverpool, ดิว็อค โอริกี้, Divock Origi

สถานการณ์ของ มิลาน ใน กัลโช เซเรีย อา กำลังไปได้สวย พวกเขารั้งตำแหน่งจ่าฝูงของลีก ซึ่งยังไม่รู้หรอกว่าจะคว้าแชมป์ได้สำเร็จหรือไม่ แต่ที่เกือบจะ 100%  คือท่านมหาเทพจะได้ไปโชว์เพลงแข้งใน ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ในซีซันหน้าด้วย

โอริกี ย้ายจาก ลีลล์ มาเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ ในยุคของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เมื่อปี 2014 ก่อนที่จะถูกยืมตัวกลับไปรับใช้ต้นสังกัดเดิม 1 ซีซัน  และเคยถูกส่งไปเล่นกับ แวร์เดอร์ เบรเมน แบบยืมตัวอีกครั้งเมื่อซีซัน 2017-2018 ก่อนจะกลับมามีส่วนช่วย ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยุโรปในซีซันต่อมา โดยมีสถิติลงเล่นไปทั้งหมด 298 นัดยิงได้ 64 ประตู

อย่างไรก็ตาม, แม้ว่าในซีซันนี้กองหน้าวัย 26 จะได้รับโอกาสลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก ไปแค่ 5 นัด แต่เจ้าตัวก็ยังมีเกมที่น่าจดจำเมื่อย้อนกลับไปในวันที่ 4 ธันวาคมซึ่งเขาเป็นคนยิงประตูชัยพาทีมเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน ไปอย่างหวุดหวิด 1-0 พาทีมเก็บ 3 คะแนนสำคัญได้สำเร็จ

หลังจบเกม เยอร์เก้น คล็อปป์ ยอมรับว่า โอริกี คือหนึ่งในกองหน้าตัวจบสกอร์ที่ดีที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา

เขาเป็นกองหน้าที่โคตรเหลือเชื่อ แต่ด้วยหลาย ๆ เหตุผลทำให้เขาไม่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งผมก็หวังว่าเขาจะได้เจอกับผู้จัดการทีมที่ส่งเขาลงสนามมากกว่าผม

เขาคือหนึ่งในตัวจบสกอร์ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาในชีวิตนี้ แต่ในทีมที่แข็งแกร่ง ด้วยกองหน้า 3 คนที่เรามีอยู่ เขาจึงไม่ได้ลงเล่นอยู่ตลอดเวลา แต่เขาเป็นเด็กที่มองโลกในแง่ดีมาก ๆ เขารักสโมสร ต้องการสร้างผลงาน และเขาก็ทำมันได้อย่างเหลือเชื่อ

หวังว่าช่วงเวลาที่เหลืออยู่ในซีซันนี้เราจะได้เห็น โอริกี ช่วยทีมยิงประตูสำคัญตัดสินชัยชนะและคว้าแชมป์ได้อีกซักรายการสองรายการเหมือนอย่างที่เขาเคยทำมาแล้วเมื่อปี 2019

เชื่อว่าหลังจากนั้นเขาจะถูกจดจำในฐานะหนึ่งในซูเปอร์ซับที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรและทุกคนก็คงได้แต่อวยพรให้เขาโชคดีกับสโมสรใหม่ต่อไป

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top