หลังจากที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา พา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านถล่มเอาชนะ นิวคาสเซิล 5-0 เหมือนเจ้าตัวจะอัดอั้นตันใจมานานเลยระเบิดบทสัมภาษณ์สร้างข่าวหน้าหนึ่งแทบจะทันที
“ทุกคนในประเทศนี้ต่างเชียร์ ลิเวอร์พูล ทั้งสื่อและทุก ๆ คน แน่นอนเป็นเพราะว่า ลิเวอร์พูล มีประวัติศาสตร์ในฟุตบอลยุโรปที่น่าทึ่ง แต่ไม่ใช่กับ พรีเมียร์ลีก เพราะพวกเขาคว้าแชมป์ได้แค่ครั้งเดียวในรอบ 30 ปี แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือเป็นทีมที่มีเกียรติประวัติทั้งเรื่องการเป็นแชมป์ ประวัติศาสตร์ ดราม่า และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย”
“แต่เราก้าวขึ้นมาอยู่จุดนั้นในช่วง 11-12 ปีที่ผ่านมา ผมรู้ว่าบางทีเราก็อึดอัด แต่ผมไม่สนหรอกว่าผู้คนอยากจะให้ ลิเวอร์พูล เป็นแชมป์มากกว่าเรา มันไม่ใช่ปัญหา”
นี่อาจจะเป็นสิ่งที่อยู่ในใจของ เป๊ป มานาน หลังจากที่เขาเสกความสำเร็จให้กับ แมนฯ ซิตี้ ในช่วงเวลา 6 ปีที่เข้ามาคุมทีม ยกระดับทีมให้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ หากแต่พอออกนอกบ้านไปเล่นในฟุตบอล ยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก กลับทำได้เพียงการเป็น “เต็งหนึ่งตลอดกาล” เท่านั้น
อันที่จริงนายใหญ่ เรือใบสีฟ้า ไม่น่าต้องคิดอะไรมาก เพราะตัวเองก็เคยเป็นแชมป์รายการนี้มาก่อนสมัยที่อยู่กับ บาร์เซโลนา แต่เขาก็มักจะถูกค่อนขอดว่าเป็นเพราะบารมีของ ลีโอเนล เมสซี ซึ่งพอไม่มีแข้งอาร์เจนไตน์ก็กลายเป็นว่าไม่เคยประสบความสำเร็จในถ้วยใบนี้เลย
นั่นคือปมที่อยู่ในใจของ เป๊ป มาตลอดนับตั้งแต่ย้ายออกจากถิ่น คัมป์นู
ต่างจาก เยอร์เก้น คล้อปป์ คนที่ถูกแขวะ เพราะแม้ว่าจะได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ แชมเปี้ยนส์ลีก อย่างละ 1 ครั้ง แต่กลายเป็นว่ากลับได้รับการพูดถึงและเป็นที่นิยมมากกว่า เป๊ป เสียอีก
นั่นอาจจะเป็นเพราะสไตล์การทำทีมที่ไม่เน้นการใช้เงิน แต่เน้นการซื้อมาปั้น ค่อย ๆ ซ่อม ค่อย ๆ แก้ไข จนได้ทีมที่ลงตัวและติดเครื่องทำผลงานสะท้านโลก ซึ่งถ้าย้อนกลับไป 6 ปีก่อนที่เพิ่งมารับตำแหน่งคงไม่ใครกล้าบอกว่ากุนซือคนนี้แหละที่จะพา ลิเวอร์พูล มีลุ้นทุกแชมป์ในฤดูกาลเดียวได้
ความสำเร็จของ เป๊ป เป็นรูปธรรมกว่าก็จริง แถมแชมป์มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาอยู่กับทีมที่มีทุกอย่างพร้อมสรรพ มีเงินให้ใช้ มีบุคลากรที่มีคุณภาพ ต่างจาก คล็อปป์ ที่ต้องมาสร้างทีมใหม่แทบทั้งหมด ซึ่งมันทำให้ผลงานของเขาสร้างอิมแพ็คให้กับผู้คนมากกว่า
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่สื่อและแฟนบอลจะพูดถึงอดีตกุนซือ ดอร์ทมุนด์ ในแง่บวกอย่างมากมายมหาศาล และมันทำให้ผู้จัดการทีม แมนฯ ซิตี้ รู้สึกว่าทีมของเขาถูกด้อยค่า
เจมี คาร์ราเกอร์ เป็นคนแรกที่ออกมาสวนกลับบทสัมภาษณ์ของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา โดยจัดการเชือดนิ่ม ๆ ผ่านรายการทางช่อง สกายสปอร์ต เขาบอกว่าหลังการเสมอของ ลิเวอร์พูล คงเป็นเรื่องยากที่จะพูดถึงการเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ซึ่งถ้าเป็นเขาจะเลือก แชมเปี้ยนส์ลีก แทน
“ในยุโรปมีกี่ทีมกัน? มีแค่ทีมเดียวเท่านั้นที่จะเป็นแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก ได้”
“คุณจะไม่ได้ชื่อว่าเป็นทีมยักษ์ใหญ่หรอกถ้ายังไม่ได้เป็นแชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก นี่คือข้อเท็จจริง ถ้าเจ้าของ แมนฯ ซิตี้ และ เป๊ป กวาร์ดิโอลา อยากให้ทีมของพวกเขาเป็นหนึ่งในสุดยอดสโมสรเหล่านั้น คุณต้องคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก ให้ได้”
คล็อปป์ เองก็ออกมาพูดถึงเรื่องที่ถูก เป๊ป แขวะหลังจากที่ถูกนักข่าวถามในระหว่างการแถลงข่าวก่อนเกมที่จะเตะกับ แอสตัน วิลลา ในคืนนี้
“ผมไม่รู้เหมือนกันว่า เป๊ป อยู่ในสถานการณ์แบบไหนหลังจากที่เขาตกรอบใน แชมเปี้ยนส์ลีก มันเป็นเรื่องยากที่จะรับได้ แต่ ลิเวอร์พูล ของผมผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ”
“มีคนพูดว่า ก็ใช่สิเราเล่นกับ บียาเรอัล แต่พวกเขาเจอกับ เรอัล มาดริด แล้วก็พากันพูดอะไรไปเรื่อย แต่ตอนนี้พวกเขา (แมนฯ ซิตี้) กลับไปอยู่บนหัวตารางแล้ว และ เป๊ป ก็พูดถูกว่าเราเพิ่งได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก แค่ครั้งเดียว”
“ผมไม่รู้เหมือนกันว่าคนทั้งประเทศกำลังเชียร์เราจริง ๆ หรือเปล่า ผมไม่รู้นะ ผมไม่ได้รู้สึกแบบนั้นตอนที่ออกไปเล่นนอกบ้าน มันตรงข้ามเลยล่ะ แต่บางทีเขาอาจจะรู้เรื่องนี้ดีกว่าผมก็ได้” คล็อปป์ ตอบพลางหัวเราะ
จริง ๆ แล้วทั้ง 2 คนต่างให้เกียรติกันเสมอ, เป๊ป เองก็ยอมรับว่าสาเหตุที่ทำให้เขาอยากพัฒนาตัวเองก็มาจากการได้เจอกับคู่ปรับอย่าง เยอร์เก้น คล็อปป์ นี่แหละ
แต่อย่างว่าในสถานการณ์ลุ้นแชมป์ที่งวดเข้ามาแบบนี้ ความกดดันมันย่อมจะติดตามมาด้วยเสมอ อยู่ที่ว่าใครจะรับมือได้ดีกว่ากัน
บางทีสิ่งที่ เป๊ป พูดออกมาอาจจะแค่อารมณ์ที่ติดค้างมาจากการตกรอบเซมิไฟนอลกับ เรอัล มาดริด อยู่ก็ได้
แต่เมื่อเปิดหน้าแซะกันแบบนี้ บอสก็ขอเอาคืนนิด ๆ หน่อย ๆ คงไม่ว่ากันเนาะ…