‘โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่’ ตอบโจทย์กองหน้าหมายเลข 9 ไว้แบบไหน?!

ลิเวอร์พูล, วัตฟอร์ด, ฟีร์มิโน่, Liverpool, Premier League, Firmino

แรกปรากฏชื่อของ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน ลงเล่นเป็นตัวจริงนัดที่ 250 ของเขากับ ลิเวอร์พูล ในการบุกเยือน วัตฟอร์ด ในศึกพรีเมียร์ลีก คู่แรกเมื่อวันเสาร์ แฟนบอลหลายคนคงจะไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถตะบันแฮทริคแรกในรอบ 3 ปีได้

นับตั้งแต่ซีซัน 2021-2022 ออกสตาร์ทมา “บ็อบบี้” ต้องประสบปัญหาความฟิตและอาการบาดเจ็บ ทำให้โอกาสในการล่าตาข่ายตัวจริงเป็นของ ดิโอโก้ โชต้า ซึ่งกองหน้าโปรตุกีสก็ทำได้ดีด้วยการลงสนามเป็นตัวจริง 7 นัดยิงได้ 3 ประตู

ฟีร์มีโน ลงเล่นไปทั้งหมด 6 เกมโดยเล่นเป็นตัวสำรองซะ 4 นัด โดยเพิ่งจะได้ลงสนามเป็นตัวจริงเป็นเกมที่ 2 ในนัดล่าสุดที่บุกถล่ม วัตฟอร์ด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ลิเวอร์พูล, ข่าวซื้อ-ขายนักเตะ, หงส์แดง, Liverpool,

ในขณะที่เกมแรกที่ได้ออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริงคือนัดที่เปิดบ้านต้อนรับ เชลซี แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ต้องโดนเปลี่ยนตัวออกจากสนามด้วยอาการบาดเจ็บที่แฮมสตริง ทำให้หายหน้าไปอีก 2 นัดก่อนจะกลับมาเป็นตัวสำรองในอีก 2 เกม

นั่นทำให้หลายคนมองว่าด้วยสภาพร่างกายและฟอร์มการเล่นในช่วงหลัง กองหน้าบราซิลเลียนอาจจะต้องก้มหน้ารับบทบาท “ซูเปอร์ซับ” อยู่ข้างสนาม บางคนมองกระทั่งว่าเขาไม่ควรจะอยู่ในทีมชุดนี้ด้วยซ้ำ

สิ่งนี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำข่าวที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการตามหา “กองหน้าหมายเลข 9” คนใหม่ของ ลิเวอร์พูล โดยสื่อหลายสำนักมองว่า ฟีร์มีโน นั้นคงจะไม่มีที่ว่างในถิ่น แอนฟิลด์ อีกต่อไป

ชื่อของ ดูซาน วลาโฮวิช, แพ็ตสัน ดาก้า, อเล็กซานเดอร์ อิซัค, เออร์ลิง ฮาแลนด์ และ โจนาธาน เดวิด คือบรรดาแข้งที่จะถูกดึงเข้ามาล่าตาข่ายแทนที่ดาวเตะวัย 30 ปีที่โชว์ฟอร์มได้น่าผิดหวังเกือบตลอดทั้งซีซั่น 2020-2021

แต่กลายเป็นว่าตอนนี้ ฟีร์มีโน กลับทำได้ดีกว่าแข้งที่ถูกเอ่ยชื่อมาทั้งหมดเสียอีก!

3 ประตูที่ซัดใส่ วัตฟอร์ด เมื่อวันเสาร์จากการลงสนาม 90 นาทีเต็มเป็นครั้งแรกของฤดูกาล ทำให้สตาร์บราซิลเลียนยิงไปแล้ว 6 ประตูจากการลงเล่น 237 นาทีให้กับ หงส์แดง

นั่นเท่ากับว่าทำให้เขายิงได้ 2.3 ประตูต่อ 1 เกมในทุกรายการ ซึ่งเป็นสถิติที่เหนือกองหน้าดาวดังอย่าง เออร์ลิง ฮาแลนด์ ที่ทำได้ 1.37 ประตูและ คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่ยิงไป 1.15 ประตูในสีเสื้อของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

และเมื่อนับเฉพาะในเกมลีก ฟีร์มีโน ก็ยังมีสถิติเหนือกว่ากองหน้าระดับท็อปของลีกใหญ่ในยุโรป โดยเขายิงได้เฉลี่ย 1.55 ประตูต่อ 1 เกม ในขณะที่ดาวยิง ดอร์ทมุนด์ ทำได้ 1.29 ประตู ส่วน คาริม เบนเซมา ดาวซัลโวของ เรอัล มาดริด และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าจอมเก๋าของ บาเยิร์น มิวนิค ทำได้เพียง 1.07 และ 1.04 ประตูตามลำดับ

นอกจากนั้นสถิติการยิงประตูในแต่ละนัดของดาวเตะ หงส์แดง ยังทำได้ดีขึ้นกว่าซีซันที่แล้วอย่างมาก โดยมีโอกาสยิงประตู 2.66 ครั้งต่อ 1 เกมและทั้งหมดก็ตรงกรอบ 100% เสียด้วย ต่างจากฤดูกาลก่อนที่ทำได้ 2.32 ครั้งต่อเกมแต่มีความแม่นยำเพียง 36.7% เท่านั้น ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นพัฒนาการที่สำคัญในการทำประตูของกองหน้ารายนี้

ผลงานในเกมถล่ม แตนอาละวาด จึงเป็นการยืนยันว่า ฟีร์มีโน ยังไม่ถึงจุดอิ่มตัวอย่างที่หลายคนพูดกันหลังจบซีซันก่อน นอกจากนั้นเขายังทำให้เห็นว่าตัวเองสามารถหล่อหลอมและปรับปรุงการจบสกอร์ให้เนียนขึ้นกว่าเดิมได้ดีขนาดไหน

ทั้ง 3 ประตูที่ยิง วัตฟอร์ด นั้นบางคนอาจจะมองดูว่า ฟีร์มีโน แทบไม่ต้องทำอะไรนอกจากไปอยู่ให้ถูกที่และวางเท้ารอกระแทกบอลตุงตาข่าย แต่สิ่งนี้กำลังบอกเราว่าปัญหา “กองหน้าหมายเลข 9” หรือ “กองหน้าตัวเป้า” ที่แฟนบอลและสื่อพากันพูดถึงมาตลอดนั้นกำลังได้รับการตอบสนองจากฟอร์มของดาวเตะ หงส์แดง แล้ว ณ เวลานี้

ชื่อหรือไม่ว่านับตั้งแต่เปิดฤดูกาลใหม่เป็นต้นมา นอกจากประตูแรกของเขาในเกมกับ ปอร์โต้ ลูกอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นต่างเป็นการยิงจากในกรอบเขตโทษทั้งสิ้น และขออีกเพียง 3 ประตูเจ้าตัวก็จะยิงได้เท่ากับสถิติที่ทำเอาไว้เมื่อซีซันก่อนด้วย

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top