ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาประเด็นของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และ คอสตาส ซิมิคาส กลายเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องในทีม ลิเวอร์พูล
ไม่ใช่เพราะว่าทั้งคู่มีข่าวเรื่องการย้ายทีม แต่เป็นเพราะพวกเขากำลังแย่งชิงตำแหน่งแบ็คซ้ายที่ แอนฟิลด์ อย่างดุเดือด และคนที่ยิ้มไปปวดหัวไปคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เยอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม
ประเด็นนี้ถูกจุดขึ้นมาหลังจบเกมที่ หงส์แดง เปิดบ้านทำได้เสมอกับ ไบรท์ตัน 2-2 เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทั้ง ๆ ที่พวกเขายิงขึ้นนำไปถึง 2-0 ในช่วง 25 นาทีแรก
เกมนั้นมีหลายคนเริ่มตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับฟอร์มการเล่นของ ร็อบโบ้ บ้างก็ว่าเขาอาจจะล้าเกินไป บ้างก็ว่าเขาปล่อยให้คู่แข่งเจาะด้านซ้ายง่ายเกินไป และบ้างก็ว่าเขามาตรฐานตกลงไปไม่เหมือนเดิม
คำปรามาสเหล่านี้มาถูกเน้นย้ำให้ชัดเจนขึ้นในเกมต่อมาที่ ลิเวอร์พูล บุกไปพ่ายให้กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-2 ซึ่งเป็นความพ่ายแพ้เกมแรกของฤดูกาล โดยฟอร์มการเล่นของนักเตะในวันนั้นโดนวิจารณ์กันถ้วนหน้าไม่เว้นแม้แต่กัปตันทีมชาติสก็อตแลนด์ที่ยังโดนตำหนิอย่างต่อเนื่อง
มีเสียงเรียกร้องให้ดร็อป โรเบิร์ตสัน ดังขึ้น พร้อมกับเสียงสนับสนุนให้ส่ง ซิมิคาส ซึ่งฤดูกาลนี้ได้ลงเล่นมากขึ้นและโชว์ฟอร์มได้ดีอย่างต่อเนื่องลงสนามแทน
แล้ว เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็สนองตามนั้นโดยส่งฟูลแบ็คชาวกรีซลงสนาม 2 เกมติดต่อกันในนัดที่ชนะ ปอร์โต้ 2-0 และเกมถล่ม อาร์เซนอล 4-0 ทำให้เจ้าตัวสร้างสถิติลงเล่นทั้ง 8 นัดในทุกรายการ ชนะ 7 และเสมอแค่ 1 เกมเท่านั้น
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่บางคนถึงขนาดตั้งคำถามว่าหมดเวลาของ ร็อบโบ้ แล้วหรือยังหลังจากที่ครองตำแหน่งแบ็คซ้ายตัวจริงของ ลิเวอร์พูล มา 3-4 ปีติดต่อกัน
อย่างไรก็ตามในเกมที่เปิดบ้านรับการมาเยือนของ เซาแฮมป์ตัน, เยอร์เก้น คล้อปป์ ยังคงให้ความไว้วางใจในตัวของฟูลแบ็คชาวสก็อตเหมือนเดิม โดยนายใหญ่ชาวเยอรมันเปิดเผยเหตุผลที่ส่งอดีตแข้ง ฮัลล์ ซิตี้ ประเดิม 11 ตัวจริงว่า
“ร็อบโบ้ ก็คือ ร็อบโบ้”
และ โรเบิร์ตสัน ก็ไม่ได้ทำให้เจ้านายผิดหวัง เขาใช้เวลาเพียง 2 นาทีทำแอสซิสต์ให้ ดิโอโก้ โชต้า ยิงประตูแรกของเกม และในครึ่งหลังก็เกือบช่วยกองหน้าชาวโปรตุกีสทำแฮททริคได้จากลูกจ่ายอันงดงาม เพียงแต่มันไม่เป็นประตูก็เท่านั้น
คุณภาพของสตาร์วัย 28 ปีไม่ใช่เพียงแค่การทำแอสซิสต์และการครอสบอลสวย ๆ เท่านั้น แต่ความบ้าพลังวิ่งขึ้นลงช่วยเกมรุกและเกมรับอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยคือสิ่งที่เขาตอบแทนความไว้วางใจจาก เยอร์เก้น คล็อปป์ ในเกมนี้
นอกจากนั้นเจ้าตัวยังสามารถสร้างความอันตรายในจังหวะสุดท้าย พร้อมกับทำสถิติผ่านบอลสำคัญได้ถึง 4 ครั้ง มากที่สุดในเกม ในขณะที่การเล่นเกมรับก็ยังแข็งแกร่งสามารถแย่งบอลกลับมาครอบครองได้มากถึง 8 ครั้ง และทำลายเกมรุกฝั่งขวาของผู้มาเยือนได้อย่างหมดจด
ร็อบโบ้ ลงเล่นเกมนี้ด้วยความกระหายที่อยากจะพิสูจน์ตัวเอง และด้วยการที่ไม่ได้เล่นในเกมกลางสัปดาห์ทำให้เขาพกความสดชื่นลงสนามและผลงานในเกมนี้ยังสามารถเรียกคืนความมั่นใจกลับมาได้
หรือจะบอกได้อีกอย่างหนึ่งว่า ความกดดันที่เกิดจากผลงานที่ยอดเยี่ยมของ คอสตาส ซิมิคาส ทำให้ โรเบิร์ตสัน ต้องระเบิดฟอร์มออกมา ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ คล็อปป์ อยากจะเห็นจากลูกทีม
สิ่งที่ได้เห็นจากเกมล่าสุดทำให้เมื่อมองย้อนไปที่เสียงวิจารณ์ที่เกิดขึ้นนั้นดูจะรุนแรงไปหน่อย แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่สุดยอดเหมือนหลายปีก่อน แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นเลวร้ายขนาดรับไม่ได้ เพียงแค่เจ้าตัวดันไปสร้างมาตรฐานและความคาดหวังที่สูงมากเอาไว้เท่านั้น
การยกย่อง ซิมิคาส ในช่วงที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร ด้วยฟอร์มการเล่นในฤดูกาลนี้นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีของ เยอร์เก้น คล้อปป์ ที่มีตัวเลือกที่ไว้ใจได้ และเชื่อว่าเจ้าตัวมีศักยภาพมากพอที่จะกลายเป็นหนึ่งในแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดในยุโรปได้
แต่หากจะเทียบกับฟอร์มที่ดีที่สุดของ ร็อบโบ นั้นแบ็คซ้ายชาวกรีซยังคงต้องพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะกว่าที่จะก้าวขึ้นมาแย่งชิงตำแหน่งจากแข้งรุ่นพี่รายนี้
และถ้า โรเบิร์ตสัน ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่งและยอดเยี่ยมเหมือนกับเกมที่ถล่ม เซาแธมป์ตัน ก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่ เยอร์เก้น คล้อปป์ จะต้องไปเปลี่ยนแปลงอะไรด้วย