‘เกมแดงเดือด’ ที่จะเป็น ‘จุดเปลี่ยน’ ของ ‘ลิเวอร์พูล’ และ ‘ยูไนเต็ด’

Erik ten Hag, Jurgen Klopp, Liverpool, Manchester United, Mctominay, Premier League, UEFA Champions League, Ufabet, Ufaclub.live, พรีเมียร์ลีก, ยูฟา แชมเปียนส์ลีก, ลิเวอร์พูล, สมัครยูฟ่าคลับ, หงส์แดง, แดงเดือด, ศึกแดงเดือด

ศึก “แดงเดือด” ระหว่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วง 1-2 ปีหลังมานี้ดูจะลดมนต์ขลังและความเข้มข้นลงไปไม่น้อยเมื่อมองถึงผลงานที่สวนทางกันโดยสิ้นเชิงของทั้ง 2 ทีม

หงส์แดง ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ แม้จะมีช่วงฟุบบ้างเมื่อ 2 ปีที่แล้วแต่พวกเขาก็ไม่แพ้ต่อ ยูไนเต็ด ในการเจอกันใน พรีเมียร์ลีก ในช่วง 2 ปีหลังสุด โดยเฉพาะผลงานเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาทำได้ดีกว่าด้วยการเอาชนะได้ทั้งไปและกลับด้วยสกอร์รวมถึง 9-0 ซึ่งเป็นสถิติการยิงประตูรวมมากที่สุดในการเจอกันของทั้งคู่ใน 1 ฤดูกาลนับตั้งแต่ก่อตั้ง พรีเมียร์ลีก มา

ฝ่าย แมนฯ ยูไนเต็ด หลังจากที่ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2013 พวกเขายังไม่เคยได้สัมผัสกับแชมป์นี้อีกเลย ทำได้ดีที่สุดคืออันดับ 2 ในยุคของ โชเซ มูรินโญ และ โอเล กุนนาร์ โซลชา แต่ผลงานในภาพรวมตลอด 9 ปีนั้นมีแต่ทรงกับทรุดเสียเป็นส่วนใหญ่ และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้พวกเขาเริ่มโดนคู่ปรับตลอดกาลอย่าง ลิเวอร์พูล ทิ้งห่างออกไปเรื่อย ๆ

การพบกันใน 2 ฤดูกาลหลังสุดของทั้งคู่ ถ้านับเฉพาะใน พรีเมียร์ลีก ก็ถือว่าทีม ปีศาจแดง มีผลงานที่แย่กว่ามาก เมื่อพวกเขาทำได้แค่เสมอนัดเดียว ส่วนอีก 3 เกมที่เหลือคือแพ้รวดและโดนยิงไปทั้งหมด 14 ประตูในขณะที่ยิงคืนได้เพียง 2 ลูกเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม, ดูเหมือนว่าในซีซันนี้เกม “แดงเดือด” มีสิทธิ์ที่จะกลับมาเดือดอย่างจริงจังอีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อผลงานในการเปิดสนามของทั้ง 2 ทีมต่ำกว่ามาตรฐานลงไปมาก

Erik ten Hag, Jurgen Klopp, Liverpool, Manchester United, Mctominay, Premier League, UEFA Champions League, Ufabet, Ufaclub.live, พรีเมียร์ลีก, ยูฟา แชมเปียนส์ลีก, ลิเวอร์พูล, สมัครยูฟ่าคลับ, หงส์แดง, แดงเดือด, ศึกแดงเดือด

แมนฯ ยูไนเต็ด นั้นแม้ว่าในช่วงพรี-ซีซันพวกเขาจะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ภายใต้การคุมทีมของกุนซือคนใหม่อย่าง เอริค เทน ฮาก ที่ถูกดึงมาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม แถมยังเคยเอาชนะ ลิเวอร์พูล ในเกมอุ่นเครื่องที่กรุงเทพมหานครมาแล้วถึง 4-0 เมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และทำสถิติเล่นเกมพรี-ซีซันโดยแพ้เพียง 1 นัดจาก 6 เกม ซึ่งดูเหมือนว่าจะทำให้แฟนบอล ปีศาจแดง กลับมามีความหวังกันอีกครั้ง แต่เมื่อออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่จริง ๆ พวกเขากลับแพ้ให้กับคู่แข่งทีมรองบ่อนอย่าง ไบรท์ตัน และ เบรนท์ฟอร์ด 2 เกมรวดเสียอย่างนั้น

แถมยังเป็นการแพ้แบบไม่มีทรง เสียไปถึง 6 ลูก ยิงได้เพียงประตูเดียวซึ่งก็มาจากการทำเข้าประตูตัวเองของคู่แข่ง ดูแล้วมันช่างแตกต่างจากพรี-ซีซันโดยสิ้นเชิง

ในขณะที่ ลิเวอร์พูล เองการทำผลงานลุ่ม ๆ ดอน ๆ ในช่วงอุ่นเครื่องถือเป็นเรื่องธรรมดาสามัญสำหรับพวกเขา แฟนบอลเชื่อว่าเมื่อเริ่มต้นฤดูกาลทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ จะสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง หากแต่มันไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อพวกเขาเจ๊ากับน้องใหม่อย่าง ฟูแลม 2-2 ชนิดที่ต้องไล่ตีเสมอและแบ่งแต้มกับ คริสตัล พาเลซ ใน แอนฟิลด์ 1-1 แถมยังเสีย ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าตัวเก่งที่โดนใบแดงไปอีกต่างหาก

ด้วยเหตุนี้ทำให้สถานการณ์ของทั้งคู่แทบจะไม่ต่างกัน หงส์แดง มีเพียง 2 คะแนน ในขณะที่ เร้ดเดวิลส์ จมบ๊วยยังไม่มีแม้แต่แต้มเดียว

นั่นเป็นแค่เรื่องผลงานในสนาม ซึ่งถ้ามาดูนอกสนามจะพบว่าทั้งคู่ก็มีปัญหา แมนฯ ยูไนเต็ด หนักกว่าตรงที่พวกเขากำลังต้องการสร้างทุกอย่างใหม่หมด ทั้งแท็คติกและรูปแบบการเล่น ทั้งนักเตะใหม่ที่จะสามารถเข้ามาช่วยทีมยกระดับทีมได้ในทันที เพราะฟอร์มทั้ง 2 นัดที่ผ่านมาพวกเขาแสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนมากมาย โดยเฉพาะระบบการเล่นและปัญหาในแผงกองกลาง ซึ่งถ้าจะให้เจาะลึกลงไปอีกก็คือคูหู “แม็ค-เฟร็ด” ที่สร้างภาระมากกว่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนเกมให้กับทีมได้

ทางด้าน ลิเวอร์พูล แม้จะไม่ถึงขนาดต้องสังฆกรรมอะไรใหม่ แต่พวกเขาเองก็โดนใช่ย่อย เพราะตอนนี้ปัญหาอาการบาดเจ็บก็กำลังเล่นงานทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ อย่างไม่หยุดหย่อน ในเกมนัดเปิดสนามที่เจอกับ ฟูแลม นั้น หงส์แดง ต้องเสีย ติอาโก้ อัลคันทารา ไปอย่างน้อย 6 สัปดาห์ ยังไม่นับพวกที่มีปัญหาอย่าง ควีวิน เคลเลเฮอร์, คาลวิน แรมซีย์, อิบราฮิมา โคนาเต้, โจเอล มาติป, อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน, เคอร์ติส โจนส์ และ ดิโอโก้ โชต้า รวมทั้งการที่จะไม่มี นูนเญซ อีก 3 เกมเนื่องจากติดโทษแบนจากนัดที่แล้วด้วย

ทั้งสองทีมพยายามแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ ยูไนเต็ด มีข่าวกับ อาเดรียน ราบิโอต์ ของ ยูเวนตุส ก่อนที่ท้ายที่สุดจะไปคว้าเอา คาเซมิโร จาก เรอัล มาดริด มาแบบสุดเซอร์ไพรส์ และกำลังเล็งแนวรุกอีก 1-2 คน ส่วน หงส์แดง นั้น คล็อปป์ ยืนยันว่าเขาจะรอดูอาการของนักเตะที่บาดเจ็บก่อน แต่ก็มีข่าวให้ความสนใจกองกลางหลายรายอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรชัดเจน

ดังนั้นด้วยการที่สถานการณ์ของทั้ง 2 ทีมกำลังทรง ๆ ทรุด ๆ แบบนี้ การมาเจอกันในเกมแดงเดือดจึงมีความหมายกับทั้งคู่ค่อนข้างมาก แม้จะเป็นเกมที่ 3 ของฤดูกาล แต่หากมีผลแพ้-ชนะเกิดขึ้นก็อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของแต่ละทีมได้เลย

1 หรือ 3 คะแนนของ แมนยู นั้นมีค่ามหาศาล เพราะพวกเขายังไม่มีแต้มและฟอร์มการเล่นก็ย่ำแย่ ไหนจะเรื่องวุ่นวายภายในทีมอีกเพียบ หาก เทน ฮาก สามารถพาทีมกลับเช้ารูปเข้ารอยได้ในนัดสำคัญแบบนี้ คิดดูว่ามันจะเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับพวกเขาขนาดไหน

ลิเวอร์พูล ก็เช่นกัน ด้วยปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บเกือบครึ่งทีม การออกจาก โอลด์ แทรฟฟอร์ด แบบมีคะแนนติดไม้ติดมือน่าจะช่วยให้กลับมาตั้งหลักได้ ยิ่งถ้าเก็บ 3 แต้มได้ก็ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นและอาจจะเป็นจุดที่ทำให้คืนฟอร์มเก่งอีกครั้ง

Erik ten Hag, Jurgen Klopp, Liverpool, Manchester United, Mctominay, Premier League, UEFA Champions League, Ufabet, Ufaclub.live, พรีเมียร์ลีก, ยูฟา แชมเปียนส์ลีก, ลิเวอร์พูล, สมัครยูฟ่าคลับ, หงส์แดง, แดงเดือด, ศึกแดงเดือด

ที่น่าสนใจคือ หลังจบเกม “แดงเดือด” วันจันทร์นี้ ตลาดซื้อขายซัมเมอร์จะเหลือเวลาอีกสัปดาห์กว่า ๆ จะปิดทำการ หากผลการแข่งขันออกมาชนิดที่เหนือความคาดหมาย เราอาจได้เห็นไม่ทีมใดก็ทีมหนึ่งที่ต้องเดินหน้าคว้านักเตะใหม่ในช่วงโค้งสุดท้ายอย่างเอาเป็นเอาตายแน่นอน

ดังนั้น การพบกันของทั้งสองทีมจึงถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันสามารถเป็นตัวกำหนดอนาคตของทีมในซีซันนี้เลยก็ว่าได้

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top