เยอร์เก้น คล็อปป์ อาจจะรู้สึกโล่งอกที่ ลิเวอร์พูล ของเขาจะได้พักเบรคยาว ๆ ในช่วงที่ ฟุตบอลโลก 2022 ลงเตะกันที่ประเทศกาตาร์ ซึ่งกินเวลารวมทั้งหมด 40 กว่าวันนับจากนี้
นายใหญ่ชาวเยอรมันมีโปรแกรมที่จะพาลูกทีมที่ไม่ได้มีส่วนร่วมกับมหกรรมลูกหนังดังกล่าวเดินทางไปเก็บตัวที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ โดยจะใช้เวลาที่นั่นในการฝึกซ้อมและลงเล่นเกมอุ่นเครื่องรายการ ดูไบ ซูเปอร์คัพ กับ โอลิมปิค ลียง และ เอซี มิลาน รวมทั้งหมด 12 วัน
นอกจากการเปลี่ยนบรรยากาศแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญของการไปเก็บตัวที่ UAE ในครั้งนี้ คือโอกาสอันดีในการรีเซ็ตภาพรวมของ ลิเวอร์พูล ใหม่อีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาออกสตาร์ทกันได้อย่างย่ำแย่และทำผลงานได้ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
อย่างไรก็ตาม การไปเก็บตัวที่ดินแดนตะวันออกกลาง คล็อปป์ ก็จะไม่มีนักเตะที่ต้องไปรับใช้ชาติในฟุตบอลโลกร่วมทีมไปด้วยซึ่งมีทั้งหมด 7 ราย ได้แก่ อลิสซอน เบ็คเกอร์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เวอร์จิล ฟาน ไดค์, อิบราฮิมา โคนาเต้, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ และ ดาร์วิน นูนเญซ
แน่นอนว่า การที่มีนักเตะตัวหลักต้องไปรับใช้ชาติกลางฤดูกาลเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีความกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บกลับมาอยู่บ้าง แต่ในอีกมุมหนึ่ง ลิเวอร์พูล ก็อาจจะได้รับประโยชน์ไม่น้อยจากสถานการณ์แบบนี้ และไม่แน่ว่าอาจจะส่งผลต่อการทำผลงานของทีมในครึ่งฤดูกาลที่เหลือด้วย….ดังเช่นในกรณีของ ซาดิโอ มาเน เมื่อซีซันที่ผ่านมา
หากจำกันได้เมื่อช่วงต้นปี ดาวยิงชาวเซเนกัลมีภารกิจที่จะต้องไปรับใช้ทีมชาติในศึก แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์ ในเดือนมกราคม แต่ก่อนที่จะบินไปเล่นให้กับทีมชาติ ฟอร์มการเล่นของเจ้าตัวกับทีม หงส์แดง ถือว่าน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะแข้งรายนี้ยิงได้แค่ประตูเดียวจากการลงสนาม 10 เกมก่อนหน้านั้น ซึ่งประตูที่ว่าก็เป็นการยิงในเกมที่เสมอกับ เชลซี 2-2 ก่อนที่จะบินไปยังแคเมอรูนเสียด้วย
ตอนนั้นฟอร์มของ มาเน เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก แถมยังมีคำถามตามมาว่า ถ้าเจ้าตัวกลับมายังอังกฤษหลังจบทัวร์นาเมนท์แล้ว เขาจะยังมีที่ยืนในทีม ลิเวอร์พูล ที่กำลังทำผลงานดีอยู่หรือไม่
แต่ มาเน ไประเบิดฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมที่แคเมอรูน และเป็นกำลังสำคัญในการช่วยพาทีมชาติเซเนกัลผงาดคว้าแชมป์ แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์ สมัยแรกได้อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งตัวเขาเองยิงไปทั้งหมด 3 ประตู โดยไฮไลท์สำคัญคือการเอาชนะทีมชาติอียิปต์ของเพื่อนร่วมสโมสรอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ในรอบชิงชนะเลิศอีกด้วย
ว่ากันว่า ชัยชนะในเกมนั้น คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ฟอร์มของปีกซ้าย หงส์แดง กลับมาผงาดอีกครั้ง เพราะหลังจากกลับสู่ถิ่น แอนฟิลด์ แข้งชาวเซเนกัลก็กลายเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ทำให้ทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กลายเป็นทีมที่มีลุ้น 4 แชมป์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร แม้ว่าสุดท้ายจะไม่สมหวัง แต่ใน 14 เกมสุดท้ายของฤดูกาล เขาก็ยิงไปได้ถึง 9 ประตูเลยทีเดียว
เชื่อว่านี่คือสิ่งที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ อยากจะให้เกิดขึ้นกับลูกทีมที่ไปเล่นฟุตบอลโลกหนนี้
โดยเฉพาะกับ ฟาบินโญ กองกลางบราซิลเลียนที่ฟอร์มไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยเท่าไหร่ในช่วงครึ่งซีซันแรก ทำให้เขาตกเป็นเป้าวิจารณ์อย่างหนักว่า เป็นนักเตะที่ดูจะหมดสภาพมากกว่าแข้งรายอื่นในแดนกลาง ทั้ง ๆ ที่อายุก็ยังไม่แตะหลัก 30 เหมือนอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ติอาโก้ อัลคันทารา
ด้วยการไปเล่นให้กับทีมชาติบราซิลที่มีองค์ประกอบแทบจะสมบูรณ์แบบทุกตำแหน่ง น่าจะช่วยยกระดับความมั่นใจให้กับ “แฟ๊บ” ได้ไม่น้อย ซึ่งพวกเขาถือเป็นหนึ่งในเต็งแชมป์ของทัวร์นาเมนท์นี้อยู่เหมือนกัน
ในรายของ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ก็เป็นอีกคนที่ฟอร์มในช่วงแรกกับ ลิเวอร์พูล ไม่ค่อยดีนัก ไม่ว่าจะด้วยเรื่องปัญหาความฟิตหรือวัยที่มากขึ้นก็ตาม แต่สำหรับฟอร์มใน 2-3 นัดหลังสุด ก่อนไปเข้าแคมป์กับทีมชาติฮอลแลนด์ก็ดูเหมือนว่า “พี่ยักษ์” จะกลับมาใกล้เคียงกับการเป็นคนเดิม และเขาก็ถูกจับตามองว่าจะโดดเด่นในรายการนี้ เพราะนี่จะเป็นรายการระดับเมเจอร์รายการแรกและอาจจะเป็นรายการสุดท้ายในนามทีมชาติด้วย
อีกคนที่ถูกจับตามองเป้นพิเศษก็คือ ดาร์วิน นูนเญซ ที่กำลังฟอร์มดีกับ ลิเวอร์พูล หลังจากที่ยิงคนเดียว 2 ประตูในเกมสุดท้ายกับ เซาแธมป์ตัน ซึ่งทำให้ยิงไปแล้ว 9 ประตูพร้อมกับทำ 2 แอสซิสต์จากการลงสนาม 18 นัดในทุกรายการ โดยเวทีฟุตบอลโลกในครั้งนี้ ถือเป็นไทม์มิ่งที่เหมาะสมกับอายุและพัฒนาการของแข้งวัย 23 ปีเป็นอย่างมาก
ส่วนที่เหลืออย่าง อลิสซอน เบ็คเกอร์ ก็ไม่น่ามีปัญหากับการรักษามาตรฐานที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ในขณะที่ 2 แข้งทีมชาติอังกฤษอย่าง เฮนโด้ และ เทรนท์ อาร์โนลด์ รวมทั้ง อิบราฮิมา โคนาเต้ ในนามทีมชาติฝรั่งเศส แม้ทั้งหมดนี้จะไม่ได้ถูกคาดหวังว่าจะได้ลงสนามเป็นตัวจริงให้กับประเทศของตัวเอง แต่การได้ไปเจอกับสิ่งแวดล้อมระดับฟุตบอลโลก ก็น่าจะเติมความสดชื่นและสร้างแรงกระตุ้นได้ไม่มากก็น้อย
จริงอยู่ ที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ อาจจะให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า เขาหวังที่จะได้เห็นนักเตะที่ไปเข้าร่วมมหกรรมลูกหนังระดับโลกนี้กลับมาแบบสมบูรณ์ 100% ไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บ
แต่ในกรณีของ ซาดิโอ มาเน ก็ได้เคยพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า หากนักเตะโชว์ฟอร์มได้ดีในทัวร์นาเมนท์ใหญ่พร้อมกลับมาด้วยความเชื่อมั่น มันก็จะเป็นผลดีต่อฟอร์มในภาพรวมของทีม และสามารถช่วยให้พวกเขายกระดับผลงานในช่วงที่เหลือของฤดูกาลได้จากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นกัน