5 ประเด็นหลังเกม ลิเวอร์พูล – สปาร์ต้า ปราก ‘หงส์แดง’ ยิงถล่ม ลิ่วผ่านเข้ารอบ 8 ทีม

ลิเวอร์พูล – สปาร์ต้า ปราก เกมนัดที่ 2 ในศึกยูโรป้า ลีก 2023-24 ซึ่งในนัดแรก ฝั่ง ลิเวอร์พูล บุกไปถล่ม สปาร์ต้า ปราก มาก่อนแล้ว 5-1 ด้วยผลต่างประตูที่มี ทำให้ทีมเจ้าบ้าน มีความได้เปรียบมาก ๆ อยู่แล้ว

เกมนี้ ฝั่ง ลิเวอร์พูล ขึ้นนำอย่างรวดเร็ว ทำให้เล่นแบบไม่ต้องออกแรงเหนื่อยนัก  โดยถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่แฟนบอล หงส์แดง ได้เชียร์กันอย่างสบายใจ ก่อนที่ทีมรักจะบุกไปทำศึกใหญ่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรายการเอฟเอ คัพ คืนวันอาทิตย์นี้  และนี่คือ 5 ประเด็นที่น่าพูดถึงในเกมที่ ลิเวอร์พูล เล่นกันเหมือนซ้อมเกมรุก

1. หงส์แดง เริ่มต้นเกม ลิเวอรพูล – สปาร์ต้า ปราก ได้เฉียบขาด

ลิเวอร์พูล

ลิเวอร์พูล ใช้เวลาเพียง 14 นาทีแรกของเกมได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ด้วยการยิงประตูผู้มาเยือนได้ถึง 4 ลูก โดยก่อนหน้านี้พลพรรค “หงส์แดง” มักไม่ใช่ทีมที่ออกสตาร์ทด้วยความดุดันมากนัก และต้องอาศัยครึ่งเวลาหลัง ในการพลิกสถานการณ์เอาชนะคู่แข่งค่อนข้างบ่อยครั้ง ในฤดูกาลปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม, 4 ประตูจาก 4 แข้งอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, บ๊อบบี้ คลาร์ก และ โคดี้ กัคโป ทำให้ทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เล่นด้วยความสบายใจแบบสุด ๆ ก่อนจะบวกเพิ่มอีก 2 ประตูในครั้งหลังจาก โดมินิค โซบอสซ์ไล และ กัคโป

นี่เป็นอีกเกมที่ ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นถึงความเฉียบขาดในเกมรุก และใช้โอกาสที่มีอย่างคุ้มค่า, นอกจากนี้ พวกเขายังไม่มีผู้เล่นตัวหลัก ที่ได้รับบาดเจ็บเพิ่มในเกมนี้อีกด้วย

2. ผลงานของ บ๊อบบี้ คลาร์ก ในเกม ลิเวอร์พูล – สปาร์ต้า ปราก

บ็อบบี้ คลาร์ก

ลิเวอร์พูล ได้ให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งมากมายหลายคนแล้ว ในฤดูกาลนี้ ซึ่งบางเกม มันเป็นสถานการณ์ที่บังคับ และในบางเกม ก็อาจจะเจอคู่แข่งที่ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่แน่นอนว่า “หงส์แดง” มีขุมกำลังอายุน้อย ที่มีศักยภาพพร้อมจะก้าวขึ้นมาเป็นอนาคตของทีม

คลาร์ก แสดงให้เห็นแล้วว่า มีความสามารถอย่างครบถ้วน ที่จะเป็นตัวเลือกให้กับทีมชุดแรกในเวลานี้ โดยการทำไป 1 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ ของเจ้าตัวนั้น ก็บ่งบอกถึงความมั่นใจ การข้าใจเกม และได้รับความไว้วางใจจากรุ่นพี่เป็นอย่างดี

มิดฟิลด์วัย 19 ปี ทำงานหนักตลอดทั้งเกม ทั้งในการเล่นเกมรุก และเกมรับ รวมถึงพยายามจะเคลื่อนที่ เพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมกับเกมตลอด น่าเสียดายที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องเปลี่ยนตัวเขาออก เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ที่จะทำให้เจ้าหนูรายนี้บาดเจ็บ

3. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พร้อมกลับมาเป็นตัวจริง

ซาลาห์

เราทุกคนอาจแปลกใจที่ ปีกซุเปอร์สตาร์ทีมชาติอิยิปต์ ได้ลงเล่นเต็ม 90 นาที ในเกมนี้ หลังจากที่เขาต้องพักฟื้นตัวอยู่หลายสัปดาห์ เพราะอาการบาดเจ็บ แต่ก็เห็นได้ชัดว่า คล็อปป์ ตัดสินใจถูกต้องแล้วที่ให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้สัมผัสเกมแบบเต็มเวลา เพื่อเรียกความฟิตกลับมา

ดาวเตะวัย 31 ปี ระเบิดฟอร์มสุดยอดอีกครั้ง ด้วยการซัดไป 1 ประตู กับทำอีก 3 แอสซิสต์ โดยเจ้าของเสื้อเบอร์ 11 มีความตื่นตัว เฉียบคม สัมผัสบอลแรกได้ดี และมองหาช่องว่างอยู่ตลอด เพื่อเปิดโอกาสให้กับตัวเอง และเพื่อนร่วมทีมด้วย

หลังจากพลาดเกมการแข่งขันไปหลายเกม ระหว่างที่เจ้าตัสไปช่วยทีมชาติอิยิปต์ลงเล่นในรายการ แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา, ตอนนี้ ทุกคนที่ ลิเวอร์พูล ก็หวังว่า ซาลาห์ จะกลับมาฟิตสมบูรณ์ได้ทันการณ์ ในช่วงท้ายของซีซัน

4. เส้นทางใน ยูโรปา ลีก ต้องเจอกับคู่แข่งที่แข็งแกร่ง

ยูโรป้า ลีก

ผู้ท้าชิงสำคัญของ ลิเวอร์พูล ในรายการยูโรป้า ลีก อย่าง ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ซึ่งนำโดย ชาบี อลอนโซ่ ตัวเต็งกุนซือคนใหม่ “หงส์แดง” ในปีหน้านั้น เกือบจะตกรอบไปแล้ว หลังจากโดน คาราบัค ยิงนำไปก่อน 2 ประตู แต่สุดท้าย พวกเขาสร้างปาฏิหาริย์ซัดคืน 3 ประตูรวดในครึ่งหลัง พลิกเข้ารอบ 8 ทีมได้สำเร็จ

ขณะที่ สปอร์ติง ลิสบอน ของ รูเบน อโมริม อีกหนึ่งในลิสต์นายใหญ่คนใหม่ ลิเวอร์พูล ก็โดน อตาลันตา เขี่ยตกรอบไป ซึ่งหมายความว่า 3 ใน 8 ทีมสุดท้ายมาจาก กัลโช เซเรีย อา อิตาลี ประกอบด้วย อตาลันตา, เอซี มิลาน และ โรมา

ส่วนอีกทีม 3 ทีมที่เหลือคือ โอลิมปิก มาร์กเซย, เบนฟิก้า, เวสต์แฮม ซึ่งถือได้ว่า แข็งแกร่งแทบทุกทีม แต่แน่นอนว่า ไม่มีใครอยากเผชิญหน้ากับ ลิเวอร์พูล เช่นกัน

5.  ลิเวอร์พูล กับศึก “แดงเดือด” และโอกาสในการลุ้น 4 แชมป์

แดงเดือด

ณ จุดนี้ มันไม่ได้สำคัญมากนักว่า แต่ละคนจะคิดว่า ลิเวอร์พูล จะสามารถคว้าถ้วยรางวัลทั้ง 4 รายการได้หรือไม่ แต่ทีมของ คล็อปป์ ก็แสดงให้เห็นว่า พวกเขามีดีพอ ที่จะลุ้นแชมป์ในทุกรายการที่ลงสนาม และมีขุมกำลังแข็งแกร่งเพียงพอ ในการยืนระยะไปจนถึงท้ายฤดูกาล

ลิเวอร์พูล จะต้องเจอศึกหนักในการยกพลไปเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย สุดสัปดาห์นี้ และสำหรับเกม “แดงเดือด” นั้น ผลการแข่งขันสามารถออกได้ทั้ง 3 หน้า

เมื่อมองในภาพรวม ลิเวอร์พูล อยู่ในช่วงเวลาที่ดีกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด พอสมควร แต่การไปเยือน “ปีศาจแดง” ที่บ้าน ซึ่งเหลือแชมป์ให้ลุ้นเพียงรายการเดียวนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน


ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top