จ่าฝูง อีกครั้ง! 5 ประเด็นหลังเกม ‘หงส์แดง’ เปิดบ้านอัด ‘ดาบคู่’

กลับขึ้นเป็น จ่าฝูง ก่อนเกมแดงเดือด

ศึกพรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 31 ประจำฤดูกาลที่ 2023-24, เจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล ภายใต้การนำทัพของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ยังคงทำผลงานที่ แอนฟิลด์ ได้ตามความคาดหวังของแฟนบอลอีกครั้ง หลังจากทุบเอาชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ไป 3-1 แบบที่ปล่อยให้แฟนบอลรู้สึกหวาดเสียวนิด ๆ แต่ก็สามารถเก็บ 3 แต้ม และทวงตำแหน่ง จ่าฝูง กลับคืนมาได้อีกครั้ง

เกมนี้ ทัพนักเตะของ ลิเวอร์พูล ต้องออกแรงเยอะพอสมควร กว่าจะบดเก็บ 3 คะแนนจากผู้มาเยือนได้ ซึ่งเป็นการเรียกความมั่นใจก่อนที่ทีม หงส์แดง จะต้องบุกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด เพื่อทำศึก “แดงเดือด” ในคืนวันอาทิตย์นี้

และนี่คือ 5 ประเด็นหลังเกมที่น่าสนใจมาก ๆ ในแมตช์ที่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านอัด เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ได้ตามที่คาดหวัง และกลับขึ้นไปเป็นทีมหัวสุดของตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก ในตอนนี้

1. อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ผลงานร้อนแรงต่อเนื่อง

อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์

เมื่อ วาตารุ เอ็นโด ได้รับบาดเจ็บ หรือไม่พร้อมลงสนาม, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ จะกลายเป็นตัวแทนอันดับ 1 ของทีม ที่ต้องประจำการในบทบาทห้องเครื่องหมายเลข 6 หน้าแผงแบ็คโฟร์ เหมือนกับช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งแน่นอนว่า แฟนบอลหลายคนไม่อยากให้เขาลงเล่นในตำแหน่งนี้เท่าไหร่ หลังจากที่เขาสามารถระเบิดฟอร์มอันสุดยอดได้ ในตำแหน่งจอมทัพเบอร์ 10

อย่างไรก็ตาม มันเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กับโจทย์ข้อใหญ่ที่ เอนโด ไม่พร้อมลงสนาม และถึงแม้ ‘แม็คก้า’ จะต้องลงไปเล่นต่ำกว่าเดิม แต่อิทธิพลของตัวเขาที่มีต่อทีมก็ยังมหาศาลเช่นเดิม แถมเจ้าตัวยังได้ยิงไกล ซัดประตูสุดสวยช่วยให้ทีมขึ้นนำ 2-1 อีกด้วย

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า แม็ค อัลลิสเตอร์ เป็นคีย์แมนในแผงมิดฟิลด์ที่ ลิเวอร์พูล ขาดไปไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงท้ายซีซันที่การขับเคี่ยวเพื่อแย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก กำลังมีความเข้มข้นระดับ 15 กะโหลก

2. ตำแหน่ง จ่าฝูง กับผลต่างประตูได้-เสีย

จ่าฝูง

แน่นอนว่าหลังจบเกมนี้ไปแล้ว, ลิเวอร์พูล คงรู้สึกพอใจกับ 3 แต้มที่ได้ไป แต่เมื่อพวกเขาต้องเจอกับทีมท้ายตาราง บางทีลูกทีมของ คล็อปป์ อาจต้องมองไปที่ลูกได้-เสียด้วย เพราะมันอาจจะเป็นจุดสำคัญที่จะช่วยตัดสินการเป็นแชมป์ ในกรณีที่ทีมอันดับ 1 และ 2 มีแต้มเท่ากัน

น่าเสียดายที่ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถเก็บคลีนชีตในเกมนี้ได้ และยิงประตูเอาชนะ เชฟฟิลด์ ได้ด้วยผลต่างที่ไม่มากนัก แต่เหนือสิ่งอื่นใด เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็เคยกำชับลูกทีมของตนเองไว้แล้วว่า การเก็บ 3 แต้มในการแข่งขันแต่ละเกมให้ได้ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดอันดับแรก และ 3 แต้มที่ได้จากเกมนี้ ก็ทำให้พวกเขาทวงตำแหน่งจ่าฝูงกลับคืนมาได้อีกครั้ง

ปัจจุบัน, ผลต่างประตูได้-เสียของม้า 3 ตัวที่กำลังเบียดแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกกันอยู่ มีสถิติดังนี้ ลิเวอร์พูล +42 ขณะที่ อาร์เซนอล +48 และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ +38

3. เคอร์ติส โจนส์ กลับมาได้ทันเวลาพอดี

เคอร์ติส โจนส์

ก่อนหน้านี้, เคอร์ติส โจนส์ ต้องเจอกับเรื่องโชคร้าย จากการที่เจ้าตัวได้รับบาดเจ็บนานกว่า 2 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่เขากำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม และการลงมาเป็นตัวสำรองในเกมนี้ ดาวเตะวัย 23 ปี ก็สร้างประโยชน์ให้กับทีมได้มากมาย และเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญของเกมเลยก็ว่าได้

กองกลางชาวอังกฤษเคลื่อนที่ไปทั่วสนาม เพื่อรับบอลไปสร้างสรรค์เกม เล่นกับเพื่อนร่วมทีมด้วยความเรียบง่าย ทำให้เกมมีความไหลลื่นมากขึ้น จนนำความแน่นอนกลับมาสู่ทีมได้อีกครั้ง ซึ่งทำให้ ลิเวอร์พูล มีจังหวะการเล่นที่นิ่งมากขึ้น และหาทางเจาะเพื่อยิงประตูทีมเยือนได้สำเร็จ

ในเวลาเพียง 20 นาทีที่ โจนส์ ลงสนาม, เขาจ่ายบอลไปถึง 31 ครั้ง น้อยกว่าคนที่ถูกเปลี่ยนออกอย่าง ไรอัน กราเฟนแบร์ก เพียงแค่ 2 ครั้ง และผ่านบอลสำเร็จถึง 94 เปอร์เซ็นต์ เลยทีเดียว

4. ผลงานของ ควิวิน เคลเลเฮอร์ ยังคงยอดเยี่ยม

ควีวิน เคลเลเฮอร์

เกมนี้เป็นเกมที่ 24 ของ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ที่ลงเฝ้าเสาให้กับ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ ซึ่งหมายความว่าในตอนนี้ เขาลงเฝ้าเสาให้กับทีม หงส์แดง เท่ากับ อลิสซอน เบ็คเกอร์ นายทวารมือหนึ่งชาวบราซิลไปเรียบร้อยแล้ว และเจ้าตัวควรได้รับการชื่นชมที่ช่วยพาทีมมาอยู่ในจุดนี้ได้

ในขณะเดียวกัน สถิติระบุไว้ว่า นี่เป็นเพียงครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของทีม “หงส์แดง” ที่ผู้รักษาประตู 2 คนในทีม ได้ลงเฝ้าเสาในจำนวนเกมที่มากพอ ๆ กัน ถ้านับสถิติดังกล่าวครั้งแรก พวกเราต้องย้อนกลับไปในซีซัน 1988/89 ที่ บรูซ กรอบเบลาร์ ได้ลงเฝ้าเสาไป 28 เกม ส่วน ไมค์ ฮูเปอร์ ลงสนามไป 25 เกม

ในเกมนี้ เคลเลเฮอร์ โชว์ฟอร์มซูเปอร์เซฟให้เห็นอยู่หลายครั้ง และทำให้แนวรับมีความอุ่นใจตลอดทั้ง 90 นาที และสุดท้ายก็ช่วยพาทีมเก็บ 3 คะแนนสำคัญได้สำเร็จ

5. ขึ้น จ่าฝูง ก่อนเกม “แดงเดือด”

แดงเดือด

ความสนใจของทุกคนในตอนนี้ คงพุ่งเป้าไปที่เกมบิ๊กแมตช์ แดงดือด กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์นี้ ความพ่ายแพ้ต่อ “ปีศาจแดง” ในศึก เอฟเอ คัพ ยังคงวนเวียนอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลอย่างแน่นอน และเกม แดงเดือด ที่จะถึงนี้ เป็นเกมที่ ลิเวอร์พูล ต้องชนะเพียงสถานเดียวเท่านั้น

ยังมีแรงกดดันที่กำลังถาโถมใส่ เอริค เทน ฮาก กุนซือคนปัจจุบันของ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างต่อเนื่อง, หลังจากที่พาทีมบุกไปพ่ายให้กับ เชลซี 4-3 ในเกมล่าสุด และแน่นอนว่า ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องคว้าชัยชนะในเกมนี้ให้ได้ เพื่อรักษาความได้เปรียบในการลุ้นแชมป์ฤดูกาลนี้

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ถูกเปลี่ยนตัวออกจากเกมกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด หลังจากเจ้าตัวได้ใช้เวลาในสนามไป 60 นาที ซึ่งพวกเรามองว่า น่าจะเป็นแผนที่ ลิเวอร์พูล วางเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ขณะที่ เคอร์ติส โจนส์ ก็กลับมาลงเล่นเป็นตัวสำรองได้ ส่วน วาตารุ เอนโด ก็น่าจะกลับมาประจำการเป็นมิดฟิลด์หมายเลข 6 ได้

นอกเหนือจากนี้ ประตูปิดท้ายจาก โคดี้ กัคโป ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับแนวรุกได้มากขึ้น ก่อนที่ จ่าฝูง อย่าง ลิเวอร์พูล จะต้องออกไปสู้ศึก แดงเดือด คืนวันอาทิตย์นี้


ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top