โดมินิค โซบอสซ์ไล แข้งใหม่ที่เพิ่งย้ายมาจาก อาร์เบ ไลป์ซิก ด้วยราคา 60 ล้านปอนด์จะกลายมาเป็นอาวุธชิ้นใหม่ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ในแบบไหน?! นี่คือสิ่งที่ เดอะ ค็อป ทุกคนกำลังตั้งตารอชมกันอยู่
การคว้าตัว อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ มาร่วมทีมอาจทำให้ ลิเวอร์พูล เบาใจเรื่องการสถิติการยิงจุดโทษลงไปได้ เนื่องจากนี่คือนักเตะที่มีอัตราการยิงเป็นตุงมากที่สุดคนหนึ่ง โดยตลอดการเล่นใน พรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา แข้งอาร์เจนไตน์ยิงเข้าทั้งหมด 9 ประตูจาก 10 ครั้ง โดยเมื่อซีซันที่แล้วเป็นซีซันที่ แม็ค อัลลิสเตอร์ ยิงจุดโทษได้มากที่สุดถึง 6 ประตูซึ่งมีเพียง เออร์ลิง ฮาแลนด์ เท่านั้นที่ยิงได้มากกว่าที่ 7 ลูก
สำหรับ ลิเวอร์พูล แล้ว ตัวยิงจุดโทษอันดับ 1 ของทีมคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แต่คาดว่าในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึ งดาวยิงทีมชาติอียิปต์คงจะพลาดไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
นอกจาก แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่ถือว่ายิงจุดโทษได้อย่างแม่นยำ แข้งใหม่อีกคนอย่าง โดมินิค โซบอสซ์ไล ก็เป็นอีกคนที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน แถมสถิติยังดีกว่าอดีตกองกลาง ไบรท์ตัน โดยทำได้ 15 ประตูจากโอกาส 16 ครั้งตลอดอาชีพการค้าแข้งหรือคิดเป็น 93.8 เปอร์เซ็นต์
![โซบอสซ์ไล แม็ค อัลลิสเตอร์ โซบอสซ์ไล แม็ค อัลลิสเตอร์](https://redzonelfc.com/wp-content/uploads/2023/07/โซบอสซ์ไล-แม็ค-อัลลิสเตอร์.webp)
14 จุดโทษมาจากการเล่นในระดับสโมสร ส่วนที่เหลืออีก 1 ลูกเป็นการลงเล่นในระดับทีมชาติโดยยิงใส่ จอร์แดน พิคฟอร์ด ในเกม ยูฟา เนชันส์ ลีก ที่พบกับทีมชาติอังกฤษเมื่อเดือนมิถุนายน 2022
เมื่อนำตัวเลข 93.8% ของ โซบอสซ์ไล มาเปรียบเทียบกับนักเตะใน พรีเมียร์ลีก จะพบว่ามีเพียง 4 คนในประวัติศาสตร์ที่มีเปอร์เซ็นต์สูงกว่า นั่นคือ ยายา ตูเร (100%), แม็ททิว เลอ ทิสซิเอร์ (96.2%), แดนนี เมอร์ฟี (94.7%) และ เจมส์ บีทตี้ (94.1%)
นอกจากนี้ สถิติของแข้งฮังกาเรียนยังเหนือกว่า 2 ดาวยิงอย่าง คัลลัม วิลสัน (93.3%) ของ นิวคาสเซิล และ อิวาน โทนีย์ (91.7%) กองหน้าของ เบรนท์ฟอร์ด แถมยังเหนือกว่าดาวยิงระดับตำนานของ อาร์เซนอล อย่าง เทียร์รี อองรี อีกด้วย
ดังนั้น หากเกิดเหตุการณ์เหมือนซีซันก่อนที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พลาดจุดโทษ 2 ครั้งติดต่อกัน โซบอสซ์ไล ก็พร้อมเป็นแผนบีให้กับ เยอร์เก้น คล็อปป์ ได้อย่างไม่ต้องสงสัย
นี่คืออาวุธชิ้นแรกที่อดีตกองกลาง ไลป์ซิก จะช่วยเรื่องผลิตสกอร์ให้ ลิเวอร์พูล ได้
![โดมินิค โซบอสซ์ไล โดมินิค โซบอสซ์ไล](https://redzonelfc.com/wp-content/uploads/2023/06/โดมินิค-โซบอสซ์ไล-2.webp)
อีกหนึ่งคุณสมบัติของ โซอบสซ์ไล ที่จะเข้ามาช่วยสร้างความน่ากลัวในเกมรุก หงส์แดง ได้ก็คือ การครอสบอล โดยเมื่อซีซันที่แล้วอดีตกองกลาง ไลป์ซิก ทำสถิติพยายามเปิดบอลมากที่สุดถึง 117 ครั้งจากการลงเล่นทั้งหมด 31 นัดในศึก บุนเดสลีกา
ตัวเลขนี้ทำให้เขารั้งอันดับ 18 ของลีกและเมื่อเปรียบเทียบกับบรรดานักเตะ ลิเวอร์พูล ทั้งหมด ก็เป็นรองแค่ 2 ฟูลแบ็คอย่าง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (252 ครั้ง) และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (195) ครั้ง เท่านั้น
ตำแหน่งการยืนของแข้งวัย 22 ปีเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะส่วนใหญ่เจ้าตัวมักถูกจับไปเล่นกองกลางฝั่งขวารวมทั้งตัวริมเส้น ซึ่ง นีล โจนส์ นักข่าวสาย หงส์แดง ได้เขียนเอาไว้ใน เว็บไซต์ Thisisanfield โดยเชื่อว่าการครอสบอลจากฝั่งขวานี้ จะช่วยเพิ่มความอันตรายในการจบสกอร์ของ ดาร์วิน นูนเญซ ซึ่งกำลังต้องการการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีม เพื่อดึงศักยภาพออกมาให้ได้ในซีซันหน้า
สิ่งที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นก็คือ การยืนฝั่งขวาของ โซบอสซ์ไล จะช่วยสนับสนุนการเล่นของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้อีกทางหนึ่ง แม้ในช่วงหลังแฟนบอลจะออกมาเรียกร้องให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ จับเอาแบ็คขวารายนี้มาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์อย่างถาวร หลังจากที่ทำผลงานได้ดีในช่วงท้ายซีซันที่ผ่านมาก็ตาม
![โซบอสซ์ไล โซโบ้](https://redzonelfc.com/wp-content/uploads/2023/07/โซโบ้.webp)
แต่การหุบเข้ามาเล่นกองกลางของ เทรนท์ นั้นยังมีจุดที่น่ากังวลอยู่บ้าง โดยเฉพาะเรื่องความสมดุลตรงกลางสนาม เพราะจากที่เห็นในหลาย ๆ นัดเมื่อเจ้าตัวขยับเข้ามาด้านในจะทำให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ต้องวิ่งสลับออกไปเล่นโอเวอร์แลบอยู่ด้านข้าง กลายเป็นการเปิดพื้นที่ในเกมรับให้คู่ต่อสู้เมื่อโดนสวนกลับ
ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าเหตุผลสำคัญที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ นำระบบ Inverted Fullback มาใช้ก็เพื่อแก้ปัญหาเกมริมเส้นฝั่งขวาที่ เฮนโด้ ไม่ได้ฟิตพอที่จะลงสนามได้อย่างต่อเนื่องและวิ่งขึ้นลงตลอด 90 นาทีเหมือนเมื่อ1-2 ปีที่ผ่านมาอีกต่อไป
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ คล็อปป์ ยังต้องการใช้ เทรนท์ เป็นฟูลแบ็คอยู่เหมือนเดิม
ดังนั้นการได้ โซบอสซ์ไล มายืนกลางฝั่งขวา จึงเป็นเหมือนการเติมความฟิตและพละกำลังลงไปตรงจุดนั้นเพื่อสร้างการประสานงานอันแข็งแกร่งและเรียกสมดุลในเกมกลับมา ซึ่งมีความเป็นไปได้มากกว่าการจับเอาแบ็คขวาทีมชาติอังกฤษเข้ามารับบทบาทกองกลางหมายเลข 8
![Dominik Szboszlai Szoboszlai](https://redzonelfc.com/wp-content/uploads/2023/07/Szoboszlai.webp)
สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปคือการเล่นแบบ “สามเหลี่ยม” ที่มาจากการประสานงานร่วมกันระหว่าง ซาลาห์-โซบอสซ์ไล-เทรนท์ ซึ่งสิ่งนี้เคยเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก เมื่อซีซัน 2019-2020 มาแล้ว
เยอร์เก้น คล็อปป์ เป็นกุนซือที่ยึดมั่นระบบของตนเองเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ดังนั้นการเข้ามาของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ โดมินิค โซบอสซ์ไล จึงไม่ใช่การมาเพื่อปรับเปลี่ยนสิ่งที่มีอยู่ แต่เป็นการแก้ไขซ่อมแซมสิ่งที่สึกหรอเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาและยกระดับเกมให้แข็งแกร่งกว่าเดิม
ต้องรอดูต่อไปว่าจะเป็นไปอย่างที่คาดการณ์กันเอาไว้หรือไม่…