แม็ตช์นี้เพื่อท่านรอง ‘เจมส์ มิลเนอร์’

James Milner, เจมส์ มิลเนอร์, Liverpool, ลิเวอร์พูล, หงส์แดง, Premier League, พรีเมียร์ลีก

การได้ลงสนามเป็นตัวจริงของ เจมส์ มิลเนอร์ ในแม็ตช์เยือน นิวคาสเซิล เมื่อวันก่อน ถือเป็นอีกหนึ่งเกมสำคัญของเจ้าตัวก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นการเจอกับทีมเก่าที่เคยสร้างชื่อมาแล้วสมัยที่ก้าวขึ้นมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก ใหม่ ๆ

หลายคนอาจทราบว่า “น้ามิล” แจ้งเกิดกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด มาก่อน และเคยเล่นให้ แอสตัน วิลลา รวมทั้งคว้าแชมป์ลีกกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มา 2 สมัย แต่น้อยคนจะจำได้ว่าเขาเคยเล่นกับ นิวคาสเซิล มาถึง 4 ปีเต็ม

นั่นอาจเป็นเพราะช่วงที่อยู่ในถิ่น เซนต์ เจมส์ ปาร์ค นั้น เจ้าตัวเข้า ๆ ออก ๆ ทีมอยู่พักใหญ่ เนื่องจากหลังย้ายมาจากทีม ยูงทอง ไปเป็นนกสาลิกาดงเมื่อซีซัน 2004-2005 ก็ได้เล่นอยู่กับทีมในปีแรก ก่อนที่จะถูก วิลลา ยืมตัวไปใช้งาน ในซีซัน 2005-2006 และกลับมาอยู่กับ นิวคาสเซิล ต่ออีก 2 ปี จากนั้นก็ย้ายไป วิลลา ปาร์ค แบบถาวรในปี 2008

ที่เบอร์มิงแฮม (ที่ตั้งของทีม แอสตัน วิลลา) ทำให้เราได้รู้จัก มิลเนอร์ มากขึ้น เนื่องด้วยอายุที่เริ่มเข้าวัยกำลังพีค และก็ทำผลงานได้ดีจนโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซื้อไปร่วมทีมในปี 2010

James Milner, เจมส์ มิลเนอร์, Liverpool, ลิเวอร์พูล, หงส์แดง, Premier League, พรีเมียร์ลีก

อย่างไรก็ดี, เมื่อนับจำนวนเกมที่ลงสนามตลอดอาชีพการค้าแข้ง มิลเนอร์ กลับลงเล่นให้กับ นิวคาสเซิล มากที่สุดเป็นอันดับ 3 โดยเล่นไปทั้งหมด 136 นัดทำได้ 11 ประตูกับ 19 แอสซิสต์ รองจาก ลิเวอร์พูล (285 นัด) และ แมนฯ ซิตี้ (203 นัด)

เกมเมื่อคืนนี้จึงถือว่ามีความหมายต่อรองกัปตันหงส์แดงพอสมควร และไม่ต้องแปลกใจที่เขาจะได้รับการปรบมือพร้อมเสียงเพลงจากบรรดากองเชียร์ทูนอาร์มีที่เข้ามาชมเต็มความจุในสนาม

ว่ากันที่รูปเกม เยอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจส่ง มิลเนอร์ ลงเล่นเป็นตัวจริง ถือเป็นนัดที่ 8 จาก 22 นัดในซีซันนี้ ซึ่งค่อนข้างจะเซอร์ไพรส์พอสมควร เนื่องจากในช่วง 4 เกมหลังสุดในทุกรายการกุนซือชาวเยอรมันมักจะใช้ผู้เล่นในแดนกลางสลับไปมาระหว่าง นาบี เกอิต้า, ฟาบินโญ, ติอาโก้ อัลคันทารา และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน

แต่เมื่อได้รับโอกาสกองกลางวัย 36 ปีก็ไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อวิ่งเป็นม้าเหมือนไม่ใช่คนอายุเกือบ 40 แถมยังมีส่วนร่วมในประตูชัยอีกต่างหาก

จังหวะดังกล่าวเริ่มจาก มิลเนอร์ จ่ายบอลพลาดไปโดน ฟาเบียน แชร์ แข้งเจ้าบ้านตัดบอลได้ แต่เจ้าตัวก็ไปสไลด์เอาบอลคืนจนไปเข้าทาง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่มองไปด้านขวามือของตัวเองและจ่ายไปให้กับ นาบี เกอิต้า ลากเข้าไปผ่านบอลให้กับ ดิโอโก้ โชต้า ก่อนที่จะเบิ้ลกลับไปให้กองกลางทีมชาติกีนีจี้เข้าไปในหน้าประตู ล็อคหลบ มาร์ติน ดูบราฟก้า และยิงเข้าไปอย่างเหนือชั้น

สถิติหลังจบเกมจากเว็บไซต์ Whoscored ของ มิลเนอร์ นั้นโดดเด่นเลยทีเดียว เขาเป็นคนผ่านบอลสำคัญหรือ Key passes มากที่สุดในทีมถึง 4 ครั้ง ครอสบอลมากที่สุดเป็นอันดับ 2 (4 ครั้ง) ครอสบอลเข้าเป้ามากที่สุดเป็นอันดับ 1 (3 ครั้ง) ผ่านบอลทะลุช่องมากที่สุดในทีม (1 ครั้ง) และช่วยบล็อคลูกยิงมากที่สุดด้วย (1 ครั้ง)

เห็นได้ว่าการที่ คล็อปป์ เลือกส่งกองกลางจอมเก๋ารายนี้ลงสนามถือว่าคิดถูก เพราะเกมนี้ เอ็ดดี้ ฮาว สั่งลูกทีมมาเล่นเพรสตั้งแต่แดนบน ใช้ความเร็วและความแข็งแกร่งเข้าปะทะ ในขณะที่แดนกลาง ลิเวอร์พูล เมื่อมีนักเตะที่พร้อมลุยอย่าง มิลเนอร์ และ เฮนเดอร์สัน จึงทำให้ทีมชิงจังหวะตรงกลางสนามได้มากกว่า และทำให้ เกอิต้า เล่นง่ายมากขึ้นจนนำมาสู่ประตูชัยในที่สุด

ต้องบอกว่าชัยชนะในนัดนี้ถือว่าสำคัญมากเพราะ นิวคาสเซิล นั้นฟอร์มแกร่งอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2022 เป็นต้นมา หากนับแต้มที่พวกเขาเก็บได้ตั้งแต่ช่วงปีใหม่ก็เป็นรองแค่ ลิเวอร์พูล ทีมเดียวเท่านั้น และท่านรองก็มีส่วนที่ทำให้ทีมยังคงอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ต่อไป

อย่างไรก็ตาม, มิลเนอร์ เหลือสัญญากับทีมจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้เท่านั้น แต่ก็แว่วมาว่าจะมีการขยายสัญญาออกไปอีก 1 ปี ซึ่งเมื่อดูจากฟอร์มในเกมล่าสุดก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ

เชื่อว่าเด็กหงส์คงอยากจะเห็นท่านรองอยู่เป็นร่วมโพธิ์ร่มไทรอีกซักปี แล้วค่อยเลื่อนชั้นไปช่วยงาน คล็อปป์ อยู่กันยาว ๆ กับบอสช่วยทีมคว้าแชมป์ไปจนหมดสัญญา พร้อมจารึกชื่อเป็นตำนานคนต่อไปของ ลิเวอร์พูล

ถ้าเป็นแบบนั้นได้ ก็คงเป็นเรื่องน่ายินดีไม่น้อย

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top