สิ้นสุดปี 2021 มาหมาด ๆ, แต่สถานการณ์เรื่องสัญญาฉบับใหม่ของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ ลิเวอร์พูล นั้นก็ยังคงคลุมเครือไม่ได้ข้อสรุปเหมือนเดิม
แม้เจ้าตัวจะออกมาแสดงความชัดเจนว่าเขายังคงรักสโมสรแห่งนี้ และอยากจะเล่นใน แอนฟิลด์ ต่อไปอีกก็ตาม แต่เมื่อมองไปที่การเจรจาระหว่างตัวแทนของนักเตะและสโมสรแล้วดูเหมือนว่าจะมีเงื่อนไขมากมายที่ต้องใช้เวลาคุยกัน
เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็ออกมายอมรับว่าของแบบนี้ไม่สามารถทำให้จบลงได้ในวันสองวัน ดังนั้น ขอเวลาอีกไม่นาน แล้วทุกอย่างจะได้ข้อสรุปเอง
ไม่รู้เหมือนกันว่าในใจของเอเยนต์และนักเตะนั้นกำลังคิดอะไร เพราะในช่วงที่ผ่านมาพวกเขามีข่าวเชื่อมโยงกับทีมยักษ์ใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด และ ปารีส แซงต์–แชร์กแมง อย่างต่อเนื่อง และหากว่าผลประโยชน์ที่คุยกับทาง หงส์แดง ไม่ลงตัว ทีมเหล่านี้ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
หากแต่เมื่อพิจารณากันให้ดี อนาคตหลังการย้ายทีมของนักเตะ ลิเวอร์พูล ในช่วงหลังดูน่าจะเป็นสิ่งที่ ซาลาห์ อาจจะต้องกลับมาทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองในเวลานี้ก็เป็นได้
ไล่ไปตั้งแต่เคสของ เซอร์ดาน ชากิรี ที่เพิ่งย้ายออกจาก ลิเวอร์พูล เพื่อไปเล่นให้กับ โอลิมปิค ลียง เมื่อซัมเมอรที่ผ่านมา เจ้าตัวก็คงคิดว่าอนาคตของเขาน่าจะดีขึ้นกว่าการนั่งรอโอกาสที่ แอนฟิลด์ อย่างแน่นอน
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ ที่เขาจะเก็บข้าวของย้ายออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา และไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกต้องที่สุดแล้วในเวลานั้น
อย่างไรก็ตามเมื่อผ่านมาครึ่งฤดูกาลดูท่าว่า “บิ๊กแช็ค” น่าจะกำลังคิดผิดอย่างมหันต์!
ข่าวเรื่อง โอลิมปิค ลียง เตรียมตัวแยกทางกับเพลย์เมคเกอร์ชาวสวิตดังออกมาเมื่อช่วงปีใหม่จากการรายงานของ เลกิ๊ป สื่อดังของฝรั่งเศส เนื่องจากผลงานตั้งแต่ที่ย้ายมาร่วมทีมไม่เข้าตาซักเท่าไหร่นัก ในขณะที่สโมสรก็กำลังประสบปัญหาด้านการเงินอยู่พอดี
นับตั้งแต่ย้ายไปร่วมทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ ชากิรี ได้ลงเล่นให้กับทีมไปทั้งหมด 13 นัดในทุกรายการทำได้เพียง 1 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ โดยรับค่าเหนื่อยสูงเป็นอันดับ 2 ของทีมที่ราว ๆ 65,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ แถมผลงานของทีมก็กำลังตกต่ำด้วยการร่วงลงไปอยู่อันดับ 13 ของตาราง ลีกเอิง แล้วในเวลานี้
ลียง จึงต้องหาทางปล่อยดาวเตะวัย 30 ปีออกจากทีมเพื่อลดค่าใช้จ่ายและภาระทางการเงินซึ่งพวกเขาโดนผลกระทบเต็ม ๆ มาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งปัญหาเรื่องเงินลิขสิทธิ์การถ่ายทอดภายในประเทศ
หรือพูดง่าย ๆ ว่ากำลังถังแตกอยู่นั่นเอง!
เช่นเดียวกับอีก 2 กรณีที่เราได้ข่าวกันมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ฟิลิปเป้ คูตินโญ และ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ซึ่งทั้งคู่ก็กำลังประสบชะตากรรมคล้ายกันหลังย้ายออกจาก ลิเวอร์พูล
รายแรกอย่างที่เรารู้กันดี คูตี้ ต้องการเดินตามความฝันด้วยการสานต่อความยิ่งใหญ่กับ บาร์เซโลนา หากแต่สถานภาพของเจ้าตัวกับทีม หงส์แดง ก่อนหน้านั้นต่างจาก ชากิรี ที่ต้องการย้ายทีมเพื่อการลงสนามอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เพลย์เมคเกอร์แซมบ้าคือคีย์แมนคนสำคัญของ เยอร์เก้น คล็อปป์
เพียงแต่ตอนนั้น ความสำเร็จในถิ่น แอนฟิลด์ อาจจะยังมาไม่ถึง ทำให้ดาวเตะบราซิลเลียนมองว่าเขาน่าจะไปได้ดีกับทีมที่ใหญ่กว่าและสไตล์การเล่นที่ใกล้เคียงกับตัวเองมากกว่า จึงทำให้ตัดสินใจย้ายไปร่วมงานกับ บาร์ซา ในเดือนมกราคมปี 2018
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเป็นดั่งฝันร้าย คูตินโญ กลายเป็นนักเตะส่วนเกินของทีม อาซูลกรานา และมาถึงตอนนี้เขากำลังจะกลับมายัง พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง ด้วยความหวังที่จะให้ตัวเองได้ชุบชีวิตโดยน้ำมือของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด แต่ก็ยังต้องรอดูกันต่อไปอีกว่า เขาจะพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นได้หรือไม่
ในขณะที่รายของ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม นั้นก็ยังลูกผีลูกคนคล้าย ๆ กัน หลังจากย้ายไปขุดทองที่ ปารีส แซงต์–แชร์กแมง ได้ไม่ถึงครึ่งปี เจ้าตัวก็มีข่าวเรื่องการย้ายทีมออกมาอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่า ฟาบริซิโอ โรมาโน คนข่าวระดับเทียร์ 1 จะออกมายืนยันว่า “ซีดุม” ยังขอสู้ต่อที่ ปาร์ก เดอ แปรงซ์ แต่ในขณะที่ตลาดซื้อขายยังคงเปิดทำการจนถึงสิ้นเดือน อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ
ดังนั้น 3 เคสนี้ถือตัวอย่างที่ดีที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และเอเยนต์ของเขาจะต้องนำมาเป็นกรณีศึกษาหากคิดจะย้ายออกจาก ลิเวอร์พูล ในอนาคต
ทั้งเรื่องอายุที่เข้าหลัก 3 และการต้องปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ในช่วงที่กำลังเขาสู่ขาลงของอาชีพนักฟุตบอล แม้อาจจะได้ค่าเหนื่อยในระดับที่ต้องการ แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าจะได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็คงจะไม่ใช่สิ่งที่ดาวเตะทีมชาติอียิปต์ต้องการซักเท่าไหร่นัก
ในขณะที่การอยู่ในถิ่น แอนฟิลด์ ต่อไปจะทำให้ ซาลาห์ กลายเป็นหนึ่งในตำนานของสโมสร และกลายเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ ไม่ใช่เพียงผู้เล่นที่ผ่านมาและผ่านไปเหมือนใครหลายคน
จริงอยู่ที่ความทะเยอทะยานเป็นสิ่งมหัศจรรย์และเป็นเครื่องมือที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจในการผลักดันไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมได้ หากแต่ในโลกฟุตบอลและในโลกของความเป็นจริง ความฝันมันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป แถมบางครั้งมันอาจเล่นงานเราจนสะบักสะบอมแทบหมดอนาคตเลยก็ได้
ถ้าไม่เชื่อลองถาม คูตินโญ และ ชากิรี ดูสิ….