3 เหตุผลที่จะช่วย ‘สตีเวน เจอร์ราร์ด’ ประสบความสำเร็จกับ “แอสตัน วิลลา”

ลิเวอร์พูล, Liverpool, หงส์แดง, Steven Gerrard, สตีเวน เจอร์ราร์ด

หลังจากการเปิดตัวเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของ แอสตัน วิลลา เป็นที่เรียบร้อย, เชื่อว่าแฟนบอล ลิเวอร์พูล หลายคนก็คงอยากจะเห็นฝีมือของ สตีเวน เจอร์ราร์ด กันแล้ว ซึ่งก็คงต้องรอให้จบช่วงเบรกทีมชาติจึงจะได้ยลโฉมฝีมือของอดีตกัปตันหงส์แดงรายนี้

อย่างไรก็ตามหลายคนยังคงตั้งข้อสงสัยว่า เจอร์ราร์ด จะทำได้ดีขนาดไหนกับทีม สิงห์ผยอง ด้วยความที่ยังเป็นมือใหม่ใน พรีเมียร์ลีก ลีกที่ขึ้นชื่อว่าโหดที่สุดในโลก ประสบการณ์จากการคว้าแชมป์กับ กลาสโกว์ เรนเจอร์ นั้นจะช่วยเขาได้มากน้อยขนาดไหน

วันนี้ !! เราจึงจะมาลองวิเคราะห์กันดูว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่จะทำให้ “สตีวีจี” แจ้งเกิดกับ แอสตัน วิลลา ในฐานะผู้จัดการทีมได้

  1. สไตล์การทำทีมที่ดุดันเป็นเกมรุก

เจอร์ราร์ด ได้รับการถ่ายทอดศาสตร์แห่งลูกหนังจากยอดโค้ชหลายท่าน นับตั้งแต่สมัยที่เจ้าตัวยังเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ทั้ง เชราร์ด อุลลิเยร์, ราฟาเอล เบนิเตซ, เคนนี ดัลกลิช, เบรนแดน ร็อดเจอร์ส และจากการได้ร่วมงานในฐานะโค้ชเยาวชนที่มี เยอร์เก้น คล็อปป์ เป็นเฮดโค้ชของทีมชุดใหญ่เมื่อ 5 ปีก่อน

สิ่งเหล่านี้ทำให้สไตล์การทำทีมของ สตีวีจี เน้นไปที่การเล่นเกมรุก เน้นการครองบอล ภายใต้ระบบ 4-3-3 โดยใช้กองหน้าตัวริมเส้นที่มีความเร็วและหน้าเป้าที่จบสกอร์ได้ดี จะว่าไปก็เหมือนการถอดแบบ คล็อปป์ ออกมาแบบเป๊ะ ๆ อาจต่างกันที่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เชื่อว่าแฟนบอล วิลลา จะได้เห็นทีมของพวกเขาครองบอลและทำเกมรุกกอยู่ตลอดเวลาอย่างแน่นอน

สิ่งที่ยืนยันได้ดีก็คือสถิติในการคุม เดอะไลท์บลู ของ เจอร์ราร์ด โดยเขาพาทีมลงเล่น 192 นัด ชนะ 124 เสมอ 41 แพ้ 27 ยิงประตูได้เฉลี่ยนัดละ 2.12 ลูกต่อเกม เสียประตู 0.72 ลูกต่อเกม และเก็บแต้มได้เฉลี่ย 2.15 คะแนนต่อเกม และยังมีสถิติที่น่าทึ่งอีกอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อซีซันที่แล้วที่พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ สก็อตติช พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปีนั้น อดีตกัปตันทีม ลิเวอร์พูล ทำให้ เรนเจอร์ส เป็นทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุดในยุโรปโดยลงเล่นในทุกรายการไป 54 นัดยิงได้ 131 ประตูเฉลี่ยแล้วยิงไป 2.42 ประตูต่อเกม

ลิเวอร์พูล, Liverpool, หงส์แดง

2.ศักยภาพของผู้เล่นและเงินเสริมทัพ

ตอนที่ เจอร์ราร์ด เข้ามารับงานที่ เรนเจอร์ส นั้นพวกเขาไม่ได้มีนักเตะที่พร้อมจะลุ้นแชมป์หรือแม้กระทั่งเงินทองที่มากมายเหมือนเมื่อก่อน แต่ สตีวีจี ก็ค่อย ๆ ปรับแต่งทีมโดยใช้วิธีทั้งซื้อทั้งยืมนักเตะเข้ามาเสริมทัพ โดยนับตั้งแต่ที่เขาเข้ามารับงานเมื่อปี 2018 เขาใช้ผู้เล่นไปทั้งหมด 65 คน

แต่เมื่อย้ายมายัง แอสตัน วิลลา นายใหญ่วัย 41 ปีไม่ต้องเจอกับปัญหาแบบนั้นเพราะที่นี่มีทั้งนักเตะที่มีศักยภาพพร้อมอย่าง แดนนี อิงส์, โอลลี วัตกิ้นส์, ลีออน ไบลี, เอมิเลียโน บูเอ็นเดีย, ไทรอน มิงส์, จอห์น แม็คกินส์, อักเซล ตวนเซเบ้ และ เอมิเลียโน มาร์ติเนซ ชื่อที่เอ่ยมานี้ตกเป็นเป้าหมายของทีมใหญ่ ๆ ทั้งนั้น และเป็นผู้เล่นที่เน้นเกมรุกเป็นหลัก ดังนั้นเมื่อมาเจอกับสไตล์การทำทีมของ เจอร์ราร์ด จึงน่าจะไปด้วยกันได้ดี

นอกจากนั้นในช่วงเดือนมกราคมคาดว่าอดีตโค้ช เรนเจอร์ส จะต้องการนักเตะเข้ามาเติมเต็มทีมอีกซักคนสองคน ซึ่งสโมสรจาก เบอร์มิงแฮม ก็สามารถซัพพอร์ตตรงนี้ได้และจุดนี้จะทำให้ทีมได้ลุ้นอย่างสนุกในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังอย่างแน่นอน

3. ไร้ความกดดัน

ถึงแม้ว่า แอสตัน วิลลา จะเคยเป็นทีมใหญ่มาก่อน แต่ในยุคนี้พวกเขาถูกจัดให้อยู่ในทีมระดับกลาง ไม่ได้มีผลงานที่โดดเด่น แต่ก็ไม่ต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นทุกปี

ดังนั้นเรื่องความคาดหวังในการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก จึงไม่ได้อยู่ในความคิดของผู้บริหาร แรงกดดันมหาศาลจึงไม่เกิดขึ้นกับ เจอร์ราร์ด อย่างแน่นอน

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ต้องรับแรงกระแทกใด ๆ เลย, การทำทีมให้ สิงห์ผยอง ไปวนเวียนแถวโซนตกชั้นนั้นก็ไม่ได้ทำให้แฟนบอลแฮปปี้เหมือนกัน มิเช่นนั้นเราคงไม่เห็น ดีน สมิธ โดนไล่ออกจากตำแหน่ง

ฉะนั้นสิ่งที่ กัปตันเจิด ต้องทำก็คือ พาทีมกลับมาอยู่ในช่วงกลางตารางก่อน แล้วค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปลุ้นพื้นที่ฟุตบอลยุโรป ซึ่งนั่นคือแผนระยะยาว แต่เชื่อว่าในซีซันนี้การทำให้ทีมเข้ามาอยู่ระดับท็อปเท็นได้ก็น่าจะเป็นที่พอใจของหลาย ๆ ฝ่ายแล้ว

ชอบบทความนี้แชร์ให้เพื่อนอ่านด้วยนะครับ
Scroll to Top